นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา นิยาย บท 289

หลังจากนอนหลับพักผ่อนที่ยกพื้นอยู่ครู่หนึ่งนางก็รู้สึกสบายขึ้นมาบ้าง เมื่อนึกถึงเรื่องเหล่านี้นางก็รู้สึกไม่เป็นสุขเล็กน้อย รู้สึกเหมือนมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด และมันแย่จริงๆ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของสวีฉางหลินอีก เขาไม่ได้ส่งจดหมายมาให้นางสองเดือนกว่าแล้ว ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น

อีกไม่กี่วันต่อมา คนเหล่านั้นก็ค่อยๆ กลับมาสงบลง เมื่อพวกที่มาพักเฝ้าบ้านได้ไก่ไป พวกเขาก็นำไปต้มให้นำไปให้คนในครอบครัวกินทันที คนอื่นๆ ต่างมองด้วยความตื่นเต้น แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของหวังโหยวเกิน สีหน้าที่มองไปยังพวกที่พาไปสร้างปัญหาก็แฝงไปด้วยความเกลียดชัง

ไม่อย่างนั้นพวกเขาเองก็คงได้กินเนื้อได้กินซุปไปแล้ว

เด็กบางคนทนไม่ไหวจนต้องวิ่งไปขอ แต่เวลานี้เนื้อมีค่ามากขนาดไหน? มีหรือที่คนเหล่านั้นจะมอบเนื้อให้พวกเขา? พอผู้หญิงที่อารมณ์ร้อนที่สุดในตอนแรกถูกทุกคนเกลียด ภายในใจของนางก็ยิ่งนึกโกรธโจวกุ้ยหลานมากขึ้น

หลังจากนั้นเพียงวันเดียว คนในหมู่บ้านบางคนก็ทนไม่ไหวและเริ่มนำที่ดินไปแลกกับเป็ดไก่ ที่ดินของหมู่บ้านในเวลานี้ยังไม่มีโฉนดและเป็นเพียงสิ่งที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ให้หลายชั่วอายุคน เมื่อพวกเขามาแลกเปลี่ยน หลิวเกาจะเขียนเอาไว้ แล้วผู้ใหญ่บ้านกับผู้อาวุโสในหมู่บ้านจะประทับรอยมือ เมื่อคนมาแลกประทับลายมือ เรื่องก็เป็นอันยุติ

ที่ดินหนึ่งผืนอย่างน้อยๆ ก็ขายได้สิบกว่าตำลึง หลายคนมาขายที่ดินหนึ่งผืนและซื้อไก่ไปได้สิบถึงสิบสองตัว แน่นอนว่าพวกเขาไม่อาจกินได้หมดในคราวเดียว พวกเขาเก็บไว้ที่บ้านของโจวกุ้ยหลาน ให้โจวกุ้ยหลานให้อาหารพวกมันแทนพวกเขา ประมาณสามถึงห้าวันจึงจะฆ่าหนึ่งตัว ให้คนครัวทำอะไรให้พวกเขาได้กินอิ่มท้อง

เมื่อมีคนที่หนึ่งก็ย่อมมีคนที่สอง ถึงอย่างไรการเติมท้องให้เต็มก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในเวลานี้

อย่างค่อยเป็นค่อยไป ทุกๆ วันเริ่มมีคนจำนวนมากมาต่อแถวเพื่อแลกไก่ นั่นก็คือถ้าอยากได้ไก่สักตัวก็ต้องต่อแถวเพื่อลงทะเบียนกับหลิวเกา โจวคายจือคอยฟัง หลิวเกาบอกว่าต้องให้ไก่ใคร นางก็ให้คนนั้น

ในระยะเวลาสั้นๆ เพียงสองวัน ไก่เหล่านั้นก็พร่องไปหลายร้อยตัว

เหล่าไท่ไท่กับครอบครัวของโจวต้าซานล้วนมาคอยช่วยเหลือ แม้แต่ซิ่วเหลียนก็มาช่วยในตอนสุดท้าย แบบนี้คงไม่มีใครมาร้องห่มร้องไห้บอกว่ากินไม่อิ่มอีกแล้ว

แต่ถึงกระนั้นก็มีบางคนที่ไม่ยอมนำที่ดินมาแลกเป็นอาหารและชักชวนกันขึ้นไปบนภูเขา คิดว่าจะล่าสัตว์กลับมากินได้บ้าง แต่พอออกไปแล้วกลับต้องสูญเสียไปหลายคนเมื่อกลับมา ซึ่งนั่นเป็นเพราะพวกเขาโชคร้ายและไปพบกับฝูงหมาป่าเข้า

พวกเขาไม่กล้าเข้าไปในป่าลึกอีกเพราะหวาดผวา ทำได้เพียงหาผลไม้รสชาติเปรี้ยวๆ ฝาดๆ ในบริเวณนั้นกิน และบางคนก็ถึงกับกินหญ้า

หลังจากมีเนื้อให้กินแล้ว สีหน้าของทุกคนก็ดูดีขึ้นไม่น้อย

โจวกุ้ยหลานพบคนเฝ้าบ้านคนหนึ่งและถามว่าใครกันแน่ที่พูดเรื่องที่นางแนะนำให้เผาศพขึ้นมา คนเฝ้าบ้านผู้นั้นไม่ได้เก็บงำและบอกนางว่าเป็นจางเสี่ยวจุ๋ย

อาจจะเป็นเพราะมีไก่มากเกินไป ครัวของโจวกุ้ยหลานจึงทำอาหารไม่รู้จักจบ ในที่สุดโจวกุ้ยหลานก็ตัดสินใจมอบไก่ให้พวกเขา ให้พวกเขาไปฆ่ากันเอง เอาไปย่างกิน หรือไม่ก็เอาหินไปต้มกินเสีย

ทุกคนเองก็ชอบแบบนี้ บางคนเอาไก่ไปทาโคลนและฝังลงในดิน ก่อฝืนจุดไฟเผาที่ด้านบน พอสุกแล้วก็นำออกมากิน เป็นอะไรที่อร่อยดีมิใช่น้อย

ทว่าพอเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ คนที่ไม่มีไก่กินก็เริ่มทนไม่ได้ สุดท้ายก็มีคนนำไก่มาแลกกินมากขึ้น

แต่ในเวลานี้เอง ใครคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นมาโดยที่ทุกคนไม่ทันคาดคิด

เมื่อเห็นผู้ที่ยืนทำหน้าหดหู่อยู่ตรงหน้า โจวกุ้ยหลานก็หรี่ตาลง

“คายจือ ขะ... ข้าผิดไปแล้ว ถึงอย่างไรข้าก็เป็นผู้ชายของเจ้า เจ้าขอร้องกุ้ยหลานให้ที ให้นางแบ่งให้ข้ากินสักคำได้หรือไม่” ซุนโก่วต้านขอร้องโจวคายจือ

“เจ้ามาทำอะไรที่นี่” เหล่าไท่ไท่ถามอย่างมีโทสะ

ลูกเขยผู้นี้ช่างน่าขายหน้ายิ่งนัก! ถ้าไม่ใช่เพราะทุกคนอยู่ที่นี่ นางคงจะไล่เขาออกไปแล้ว

ซุนโก่วต้านตัวสั่น เขากลัวเหล่าไท่ไท่เป็นอย่างมาก แต่นี่ก็เกือบจะครบสิบวันแล้วที่เขาได้แต่กินโจ๊กใสๆ เขากำลังจะหิวตายและไม่สนแล้วว่าตัวเองจะกลัวหรือไม่ เขาคุกเข่าลงตรงหน้าโจวคายจือเสียงดัง ‘ปึก’ “คายจือ ช่วยข้าด้วยเถิด! ถึงอย่างไร... ถึงอย่างไรข้าก็เป็นพ่อของลูกเจ้า ถ้าข้าอดตาย ลูกๆ ก็จะไม่มีคนคอยดูแล”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา