“หลังจากนี้ยังมีเงินอีกนี่! เจ้าได้เงินทุกเดือนมิใช่หรือ เจ้าก็เอาเงินในอนาคตมาให้ข้าซื้อไก่กินสิ!"
“ใครบอกเจ้าว่าพี่สาวของข้าทำงานได้เงินที่นี่” โจวกุ้ยหลานถามเขาอย่างเย็นชา
มีไม่กี่คนที่รู้เรื่องนี้ แม้แต่โจวคายจือก็บอกเรื่องนี้กับเขาไม่ได้
ซุนโก่วต้านยิ่งลุกลี้ลุกลนมากขึ้น จากนั้นเขาจึงบอกว่า “คะ... คายจือเป็นคนบอกข้าเอง!"
“หืม? ถ้าอย่างนั้นนางไม่ได้บอกเจ้าหรือ ว่าข้าช่วยชีวิตนางไว้ ต่อไปนางจะไม่รับเงินจากข้าอีก” โจวกุ้ยหลานถามกลับอีกครั้ง จากนั้นจึงเหลือบมองโจวคายจือนิดหนึ่ง
ซุนโก่วต้านตกตะลึง “ว่าไงนะ ไม่รับเงิน? เจ้าโง่เรอะคายจือ มีเงินแต่ไม่รับไว้”
“ข้า... ข้า...” โจวคายจือส่งเสียงอย่างขลาดๆ และไม่ได้พูดอะไร
หลิวเกาที่อยู่ข้างๆ ทนดูไม่ไหวอีกต่อไป “นางไม่รับเงินแล้วยังไง? กุ้ยหลานให้อาหารให้เสื้อผ้าพวกนางแม่ลูก ทั้งยังให้พวกเขาเรียนหนังสือ เช่นนี้นางจะรับเงินได้อย่างไร”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้า” ซุนโก่วต้านตวาดหลิวเกาอย่างฉุนเฉียว แต่วินาทีถัดมาก็คิดอะไรขึ้นมาได้และจ้องมองหลิวเกาด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง “หรือว่านางจะเอาเงินทั้งหมดให้ชายชู้อย่างเจ้าใช้”
คำว่า “ชายชู้” ทำให้หลิวเกาโกรธจนหน้าแดง เขาศึกษาตำราปราชญ์มานมนาน ไหนเลยจะเคยถูกใครสบประมาทเช่นนี้
“เจ้า! เจ้ามันคนไร้การศึกษาน่าอับอายโดยแท้!"
ซุนโก่วต้านอยากจะพูดต่อ แต่โจวกุ้ยหลานหมดความอดทนที่จะพูดกับเขาอีก ดังนั้นนางจึงหันไปเรียกคนเฝ้าบ้านให้มาลากตัวเขาออกไป
ในเวลานี้โจวคายจือไม่ได้ขอร้องโจวกุ้ยหลานอีกแล้ว นางเพียงแต่ก้มหน้าโดยที่ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
วันเวลาเช่นนี้ผ่านพ้นไปอีกห้าวัน จนในที่สุดน้ำที่ด้านล่างก็ลดลงเกือบหมด ผู้คนที่อยู่ในถ้ำในภูเขาค่อยๆ ทยอยกลับไปที่บ้านของตน แต่หลังจากกลับไปเห็นสภาพบ้านของตนเอง พวกเขาก็รู้สึกสิ้นหวัง
บ้านหินเหล่านั้นยังอยู่ในสภาพพอรับได้ แต่บ้านไม้แช่น้ำอยู่นานจนไม้เริ่มเน่าเปื่อย เครื่องนอนและข้าวของต่างๆ ก็ใช้ไม่ได้แล้ว เสื้อผ้าอาภรณ์ก็ยุ่ยจนหมด แม้แต่อาหารก็หายไปหมด
พืชผลการเกษตรที่ยังไม่ทันเก็บก็ไม่มีเหลือหลอ หมาแมวตายเกลื่อนอยู่ทุกหนทุกแห่ง นอกจากนี้ยังมีซากศพที่จมน้ำตายและไปติดกับอะไรเข้าจนลากขึ้นมาไม่ได้ พอน้ำลด ทุกอย่างจึงปรากฏขึ้นมาให้เห็น
คนที่รู้สึกมึนชาในตอนแรกเริ่มร้องไห้ออกมาอีกครั้งเมื่อกลับไปที่บ้านของตน
หลังจากทุกคนกลับไปแล้ว โจวกุ้ยหลานจึงค่อยผ่อนคลายลง
ในที่สุดโจวกุ้ยหลานก็มีโอกาสได้อยู่กับเด็กๆ และนางก็ได้เล่นกับสองพี่น้องรุ่ยอานและรุ่ยหนิงตลอดทั้งบ่าย
เมื่อถึงวันต่อมา คนในตระกูลโจวก็ตรวจสมุดบัญชี นำไก่ที่คนเหล่านั้นยังไม่ได้นำไปด้วยออกมานับและส่งไปให้แต่ละบ้านๆ
ที่บ้านของคนเหล่านั้นไม่มีอาหารกิน ดังนั้นแค่มีไก่ให้กินพวกเขาก็พอใจแล้ว
บางคนในหมู่บ้านไปขอยืมอาหารจากญาติๆ ของตน แต่ใครจะไปคิดว่าหมู่บ้านใกล้ๆ ทั้งหมดก็จะประสบภัยพิบัติเหมือนกัน ไม่ว่าบ้านใครก็ไม่มีอาหาร แล้วแบบนี้จะไปยืมได้จากที่ไหน?
ครอบครัวของโจวต้าซานก็ลงจากภูเขาเช่นกัน ทั้งครอบครัวยุ่งกับการทำงาน จนกระทั่งถึงเวลาค่ำ โจวกุ้ยหลานจึงขอให้เอ้อร์เฉียงแบกอาหารกลับไปให้พวกเขาและบอกพวกเขาว่าอย่าบอกคนอื่น
ต้าไห่ยังไม่กลับมา ดังนั้นเหล่าไท่ไท่กับลูกสะใภ้และลูกๆ จึงอยู่บนภูเขากันต่อ
สามวันต่อมา โจวคายจือเปิดประตูและเห็นว่าที่หน้าประตูมีผู้คืนยืนออกันเต็มไปหมด
โจวคายจือก้าวเท้าวิ่งไปที่ห้องของโจวกุ้ยหลานและลากโจวกุ้ยหลานให้ลุกจากเตียง โจวกุ้ยหลานโดนลากมาที่ประตูทั้งที่ยังสะลึมสะลือ แต่เมื่อเห็นผู้คนมืดฟ้ามัวดินที่ด้านนอก ความง่วงเหงาหาวนอนก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น” โจวกุ้ยหลานถาม
คราวนี้หวังโหยวเกินยืนอยู่ด้านหน้าสุด
“กุ้ยหลาน ที่บ้านของเจ้ายังมีอาหารงั้นหรือ”
โจวกุ้ยหลานเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “ใครบอกพวกท่านเรื่องนี้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา
รอ บทต่อไปค่ะ...