นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา นิยาย บท 300

“ก็ยังคงเป็นเจ้าที่เข้าใจข้า“ไป๋ยี่เซวียนพูด อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

โจวกุ้ยหลานส่ายหน้าไปมา “ไม่ๆๆ ข้าไม่เข้าใจท่านเลยสักนิด ยิ่งรู้จักท่านนานเท่าไหร่ ก็ยิ่งพบว่าท่านจะปิดซ่อนตัวเองเอาไว้ ข้ามองไม่ออก”

สามปีมานี้ นางไปมาหาสู่กับเขาไม่น้อยเลย แต่ยิ่งอยู่ก็ยิ่งเดานิสัยใจคอของเขาไม่ถูก

ก่อนหน้านี้ยังรู้สึกว่าเขาเป็นคนอบอุ่นและฉลาด แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่านั่นเป็นเพียงการแสดงออกภายนอกเท่านั้น ไม่สามารถเชื่อได้

ไป๋ยี่เซวียนกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ประตูก็ถูกเปิดออกก่อน

ทั้งสองเดินตามบ่าวรับใช้คนหนึ่ง เข้าไปในบ้าน จากนั้นก็เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา ถ้าหากไม่มีคนนำทาง เกรงว่าพวกเขาคงจะหลงทางไปแล้ว

มองดูลานบ้าน ทั้งภูเขาจำลอง ทั้งศาลาและห้องหับต่างๆ นางไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะเป็นบ้านของนายอำเภอ

โจวกุ้ยหลานเกินก้มหน้า เกรงว่าคนอื่นจะมองออกถึงอารมณ์ของนาง

พวกเขาเดินอยู่นานก่อนจะไปถึงโต๊ะหินตัวหนึ่งที่อยู่นอกลานบ้าน ไป๋ยี่เซวียนพาโจวกุ้ยหลานเดินตามบ่าวคนนั้นไปคำนับหญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงนั้น

หญิงคนนั้นตอบรับเสียงเย็น มองทั้งสองคนด้วยสายตาหยิ่งยโส บ่าวคนนั้นได้ยินคำสั่งแล้วก็รีบถอยออกไป

ไป๋ยี่เซวียนเผยรอยยิ้มออกมา จากนั้นก็เอากล่องที่ถืออยู่ในมือวางไว้บนโต๊ะหินตัวนั้น พูดกับหญิงคนนั้นว่า “ฮูหยิน นี่เป็นปิ่นปักผมที่ทำขึ้นจากหอเฟิ่งหวง ข้าดูแล้วมีสง่าราศีใกล้เคียงกับฮูหยิน ไม่ทราบว่าฮูหยินชอบหรือไม่”

เมื่อได้ยินว่าเป็นปิ่นปักผมของหอเฟิ่งหวง แววตาของนางก็วาววับขึ้นมา เอาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดริมฝีปากของตนเองเอาไว้ ส่งสัญญาณให้สาวรับใช้ที่ยืนอยู่ทางด้านหลัง สาวใช้คนนั้นรีบเดินเข้ามา เปิดกล่องนั้นออก ก็มองเห็นปิ่นปักผมที่ทำมาจากทองคำ บนปิ่นปักผมยังมีการประดับด้วยอัญมณีสีแดงที่ดูแวววาวมาก

เมื่อเห็นปิ่นปักผม ฮูหยินนายอำเภอก็รู้สึกใจเต้นแรง เมื่อรู้ตัวว่าข้างๆกันนั้นยังมีคนอีกสองคนยืนอยู่ นางก็กระแอมไอหนึ่งเสียง ปกปิดอารมณ์ของตนเอง จากนั้นก็พูดว่า “ของพวกนี้บ้านข้ามีอยู่มากมาย”

“ฮูหยินย่อมไม่ขาดแคลนเครื่องประดับอยู่แล้ว เพียงแต่หากปิ่นปักผมชิ้นนี้ไม่สามารถมอบให้ฮูหยินได้ มันก็น่าเสียดายมากจริงๆ……”ไป๋ยี่เซวียนยิ้มพลางพูดคล้อยตามนางไป

โจวกุ้ยหลานแอบทึ่งในใจ นางคิดไม่ถึงจริงๆว่าไป๋ยี่เซวียนจะเยินยอคนอื่นเก่งขนาดนี้ ถ้าหากไปอยู่ในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด เช่นนั้นคงได้เป็นแฟนกับหญิงคนนั้นแล้ว

แล้วก็หวนคิดถึงสวีฉางหลิน

นางแบะปาก ชายคนนั้นไม่ได้เขียนจดหมายหานางมาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว

ฮูหยินนายอำเภอได้ยินเช่นนี้ ก็รู้สึกดีใจมาก จึงอาศัยโอกาสดีๆเช่นนี้ ให้สาวใช้เก็บปั่นปักผมเอาไว้

“ว่ามาเถอะ มีเรื่องอะไรให้ข้าช่วยอย่างนั้นหรือ”ฮูหยินนายอำเภอเจอเหตุการณ์เช่นนี้จนชินตาแล้ว นางเหลือบตามองทั้งสองคน

ไป๋ยี่เซวียนยิ้มพลางวางโสมที่อยู่ในมือลง ส่งสายตาให้กับโจวกุ้ยหลาน โจวกุ้ยหลานรับรู้ได้ทันที เดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว วางกล่องไม้ใบหนึ่งที่กอดเอาไว้กับอกวางไว้บนโต๊ะ

ฮูหยินคนนั้นเปิดกล่องทั้งสองออก มองเห็นเงินและโสมที่อยู่ข้างใน สีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

แล้วมองไปที่ทั้งสองคนอีกครั้ง ใบหน้าได้แฝงไปด้วยรอยยิ้ม “พวกเจ้าจะเกรงใจทำไมกัน”

โจวกุ้ยหลานก้มหน้าต่ำ ปล่อยให้ไป๋ยี่เซวียนพูด “ของพวกนี้ล้วนเอามาเพื่อไถ่โทษ คุณชายได้รับบาดเจ็บที่ขา ล้วนเป็นความผิดของโจวต้าไห่กับหวังฟู่กุ้ย หวังว่าของพวกนี้จะสามารถรักษาคุณชายให้หายได้ เช่นนั้นพวกเราจึงจะวางใจได้”

เห็นได้ชัดฮูหยินนายอำเภอนิ่งชะงักไป เหมือนจะเข้าใจความหมายในคำพูดของไป๋ยี่เซวียน ผ่านไปชั่วครู่ นางก็ทำสีหน้าจริงจังขึ้นมา พูดว่า “เรื่องนี้ข้ารู้แล้ว”

ได้ยินคำพูดนี้ ไป๋ยี่เซวียนก็ไม่เสียเวลาอยู่ต่อ พาโจวกุ้ยหลานเดินออกไปทันที

เมื่อมาถึงถนน โจวกุ้ยหลานจึงเงยหน้าขึ้น เริ่มพูดขึ้นก่อนว่า “ข้าเสียเงินไปสามร้อยตำลึง แต่ฮูหยินนายอำเภอยังไม่เข้าใจเลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น”

ไป๋ยี่เซวียนเอาพัดมาตีที่ฝ่ามือของตนเอง พูดยิ้มๆว่า “นางไม่รู้เรื่องนี้ แต่นางถามนายอำเภอก็จะรู้เอง เงินมากมายขนาดนี้ นางไม่กล้าจะเก็บเอาไว้คนเดียว”

“ท่านช่างใช้วิธีอ้อมค้อมได้เก่งจริงๆ”โจวกุ้ยหลานมองไป๋ยี่เซวียนพลางยกนิ้วโป้งให้

ไป๋ยี่เซวียนฉีกยิ้ม “ใครใช้ให้คนข้างๆ นายอำเภอร้ายกาจเล่า”

โจวกุ้ยหลานพยักหน้า “ถ้าหากหลังจากนี้ถูกคนอื่นจับได้ นั่นก็เพราะฮูหยินเกิดเลอะเลือนไปชั่วขณะ นายอำเภอนั้นไม่รู้เรื่องอะไรเลย”

“เจ้าก็รู้ดีนี่นา”ไป๋ยี่เซวียนประหลาดใจ

“ก็เพราะก่อนหน้านี้ไม่เข้าใจ จึงต้องเสียเงินไปสามร้อยตำลึงกว่าจะเข้าใจ ข้าเสียเงินไป ย่อมต้องเรียนรู้อะไรบ้างจึงจะไม่ขาดทุน ”เงินที่โจวกุ้ยหลานควักออกไป ทำให้รู้สึกเจ็บใจอยู่บ้าง

อยากจะให้นายอำเภอปล่อยคนคนหนึ่งต้องใช้เงินสามร้อยตำลึง แพงจริงๆ

“ถ้าหากเจ้าเป็นผู้ชาย เกรงว่าข้าคงทำการค้าไม่ได้แน่ๆ”ไป๋ยี่เซวียนถอนหายใจพลางพูดขึ้น

โจวกุ้ยหลานส่ายหน้า “ข้าเกรงว่าข้าจะอดไม่ได้ที่จะเกย์”

“อะไร เกย์ ”ไป๋ยี่เซวียนฟังไม่เข้าใจ

คนบางคนรีบโบกมือไปมา “ไม่มีอะไรไม่มีอะไร ข้าก็พูดไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้น”

ไป๋ยี่เซวียนก็ไม่ติดใจในเรื่องนี้เช่นกัน ทั้งสองคนคุยกันต่ออีกสักพัก เมื่อกลับไปที่โรงเตี๊ยม ได้บอกเรื่องนี้กับโจวต้าไห่และหวังโหยวเกิน ทุกคนต่างก็รออยู่ที่โรงเตี๊ยม

นั่งอยู่ในห้องของตนเอง แต่ทำไมโจวกุ้ยหลานจึงรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ค่อยจะถูกต้อง

การที่โจวต้าไห่กับหวังฟู่กุ้ยเข้ามาในตำบล ก็เพื่อจะขอความช่วยเหลือ ทำไมนายอำเภอต้องหาข้ออ้างขังพวกเขาไว้ด้วย อีกทั้งเวลาก็ผ่านไปนานแล้ว ทำไมนายอำเภอจึงยังไม่เปิดคลังเสบียงอาหาร แจกจ่ายอาหาร

ในเมื่อหมู่บ้านที่อยู่ใกล้เคียงแถวนี้ต่างก็ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ สมควรจะรีบแจ้งกับทางราชสำนักมิใช่หรือ เพื่อให้ทางราชสำนักส่งเสบียงอาหาร มา

ขบคิดปัญหาเรื่องนี้ไม่ออก นางก็ได้แต่รอต่อไป

พอถึงวันที่สามตอนที่พวกเขาไปส่งอาหารในที่สุดก็มีความคืบหน้า โจวต้าไห่กับหวังฟู่กุ้ยถูกปล่อยตัวออกมาแล้ว

ทุกคนเดินออกมาพร้อมกัน พวกเขาไม่รีรออีกต่อไป เดินทางกลับบ้านโดยเร็วที่สุด เพราะในอำเภอนี้ค่าใช้จ่ายแพงมาก

เมื่อมาถึงตำบล ไป๋ยี่เซวียนได้ให้รถม้าของบ้านตนเองไปส่งคนทั้งหมดที่หมู่บ้านต้าสือ

หวังโหยวเกินพาลูกชายของตนเองกลับบ้าน ก่อนที่โจวกุ้ยหลานจะพาโจวต้าไห่กลับบ้าน ก็พบว่าประตูบ้านตนเองถูกคนทำลายจนเสียหายแล้ว

เพิ่งจะมาถึงหน้าประตู รุ่ยหนิงก็พุ่งตัวเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว กอดโจวกุ้ยหลานเอาไว้พลางร้องเรียกว่าแม่

เมื่ออุ้มเขาขึ้นมาแล้ว รุ่ยหนิงก็เริ่มฟ้องร้อง “ท่านแม่ มีคนชั่ว คนชั่วเยอะเลย”

“คนชั่วอะไร”โจวกุ้ยหลานถามขึ้น

รุ่ยหนิงพูดไม่ชัดเจน “คนชั่ว คนชั่ว”

โจวกุ้ยหลานกับโจวต้าไห่และโจวต้าซานเดินเข้าไปในบ้าน ก็พบว่าบ้านตนเองถูกทำลายจนยุ่งเหยิงไปหมด เครื่องเรือนไม่น้อยถูกทำลายจนเสียหาย

กระทั่งเหล่าไท่ไท่ออกมาจากห้องครัว เห็นโจวต้าไห่ ก็ถามสารทุกข์สุกดิบกันชั่วครู่ เมียของต้าไห่ก็เช็ดน้ำตาให้เขา โจวกุ้ยหลานเพิ่งจะรู้ว่าชายหนุ่มในหมู่บ้านที่ชื่อเสียงไม่ค่อยดีรวมตัวกันมารื้อค้นเสบียงอาหาร ในบ้าน สุดท้ายก็เอาเสบียงอาหาร ในห้องครัวของพวกเขาไปจนหมด

“เอ้อร์เฉียงทำอะไรอยู่ ทำไมจึงปล่อยให้คนอื่นมาแย่งเสบียงอาหาร ไป”โจวต้าซานสีหน้าเคร่งขรึม

เหล่าไท่ไท่ส่ายหน้า “เรื่องนี้จะโทษเขาไม่ได้ ผู้ชายมากันเยอะมาก เขาคนเดียวขวางเอาไว้ไม่อยู่ โชคดีที่เราขายเป็ดไก่ไปหมดแล้ว ไม่อย่างนั้นคงต้องถูกปล้นไปหมดแน่ ”

พูดถึงตรงนี้ เหล่าไท่ไท่ก็รู้สึกโชคดีมาก

โจวต้าซานก้มหน้าสูบยาสูบ รู้สึกกังวลมาก เห็นได้ชัดว่าจนปัญญา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา