วินาทีต่อไป เสี่ยวรุ่ยหนิงที่อยู่ข้างๆก็รีบส่ายหน้า"ไม่ไป หนิงหนิงไม่อยากเล่นหมากรุก!"
ช่วงนี้เขารู้สึกเหนื่อยมาก ไม่อยากเล่นหมากรุกแล้ว!"
โจวกุ้ยหลานแอบขำในใจ"เราอยู่ที่โรงน้ำชานั้นนานเกินไป วันนี้เราไปเดินเล่นรอบเมืองหลวงสักเที่ยวหนึ่งดีไหม?"
"ดีเลย!ข้าอยากกินขนมดอกเหมยขอรับแม่"เสี่ยวรุ่ยหนิงชูแขนที่อวบอ้วนของตัวเอง และเสนอความคิดของตัวเอง
เสี่ยวรุ่ยอานขมวดคิ้ว"แม่ ข้าไม่อยากไปเดินเล่น"
"ไม่ได้ พวกเจ้าไม่ได้ขยับมานานแล้ว วันนี้ต้องออกกำลังกายอย่างเต็มที่"โจวกุ้ยเหมยปฏิเสธเสี่ยวรุ่ยอาน
จับมือข้างละคนและเดินหน้าไป
เสี่ยวรุ่ยหนิงดีใจจนกระโดดไปมา ส่วนเสี่ยวรุ่ยอานรู้สึกหดหู่ใจ
เมื่อเห็นลักษณะของเด็กสองคนนี้ โจวกุ้ยหลานรู้สึกจนปัญญาเล็กน้อย เสี่ยวรุ่ยอานเป็นเด็กฉลาด มีความจำเป็นเลิศ ชอบอ่านหนังสือ แต่ไม่ยอมขยับตัว เด็กเล็กขนาดนี้แต่กลับไม่ชอบขยับตัว ทำให้นางรู้สึกเครียดมาก
ส่วนเสี่ยวรุ่ยหนิง เป็นเด็กที่ซนมาก สิ่งที่ชอบที่สุดก็คือเล่น และเป็นเด็กที่ไม่ชอบอ่านหนังสือเลย
"พวกเจ้าสองพี่น้องคลอดออกมาพร้อมกันทำไมถึงแตกต่างกันมากขนาดนี้ล่ะ?"โจวกุ้ยหลานอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ
เสี่ยวรุ่ยอานบุ้ยปาก"แม่ขอรับ เป็นเพราะว่ารุ่ยหนิงโง่เกินไปขอรับ!"
"หนิงหนิงไม่โง่ หนิงหนิงแข็งแรงมาก!"ระหว่างที่เสี่ยวรุ่ยหนิงพูด ยังได้เงยหน้าขึ้น
โจวกุ้ยหลานอดไม่ได้ที่จะขำออกมา เด็กสองคนนี้ตลกจริงๆ
เด็กสองคนเห็นว่าแม่ยิ้มออกมาแล้ว ก็รู้สึกดีใจ แม้กระทั่งเสี่ยวรุ่ยอานก็ดูร่าเริงกว่าปกติ
เมืองหลวงมีขายทุกอย่าง แม้ว่าเป็นของกินเล่น ก็มีมากมาย
โจวกุ้ยหลานพาเด็กสองคนกินไปตลอดทาง สักครู่หนึ่งเองก็กินจนอิ่ม
พวกเขาเดินไปเรื่อยๆ ก็ได้เห็นแผงเขียนจดหมายแผงหนึ่ง โจวกุ้ยหลานถึงนึกได้ว่า มาเมืองหลวงนานขนาดนี้แล้วยังไม่ได้ส่งจดหมายบอกทางบ้านว่าตัวเองสบายดีทุกอย่าง เลยพาเด็กสองคนนั่งลงที่หน้าแผง
ตอนนี้เจ้าของแผงกำลังอ่านหนังสือเล่มหนึ่งอยู่ หลังจากได้ยินคำพูดของโจวกุ้ยหลาน ก็ฝนหมึกและพูดกับโจวกุ้ยหลานว่า"ถ้าจดหมายน้อยกว่าสิบตัวอักษรข้าเก็บแค่สามอีแปะ แต่ถ้าหนึ่งร้อยตัวอักษร ก็ต้องใช้สิบอีแปะ"
โจวกุ้ยหลานพยักหน้า กำลังคิดจะพูด ก็เห็นว่าเสี่ยวรุ่ยอานขมวดคิ้ว"หากสิบตัวหนังสือต้องใช้สามอีแปะ งั้นหนึ่งร้อยตัวหนังสือก็คือเก้าอีแปะ เหตุใดถึงต้องจ่ายสิบอีแปะ?"
"เขียนมากขึ้นก็ต้องใช้หมึกและกระดาษมากขึ้น และอีกอย่างหนึ่ง ข้าก็ต้องใช้เวลามากขึ้นด้วย"
ชายหนุ่มที่ใส่เสื้อคลุมยาวนั้นก็ถือว่ามีความอดทน ยังได้อธิบายให้ฟัง
แต่เสี่ยวรุ่ยอานกลับส่ายหน้า"หากสิบตัวหนังสือสามอีแปะ งั้นก็ถือว่าค่ากระดาษแผ่นหนึ่งและค่าหมึกล้วนรวมอยู่ในนั้น เมื่อหักแล้วเจ้ายังสามารถได้กำไรหน่อยนึง ถ้าเขียนร้อยตัวหนังสือ ก็ถือว่าประหยัดค่ากระดาษแล้ว เลยควรที่จะคิดเก้าอีแปะ"
ชายหนุ่มที่ใส่เสื้อคลุมยาวนั้นตกใจเล็กน้อย อ้าปากเหมือนจะพูดอะไร แต่ผ่านไปสักพักหนึ่งก็ยังไม่เห็นได้พูดอะไรเลย
เห็นว่าชายหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาคนนั้นเป็นลักษณะเช่นนี้ โจวกุ้ยหลานก็เลยต้องแตะศีรษะของเสี่ยวรุ่ยอานอย่างจนปัญญา"คนเราต้องมีมารยาทนะ"
หนิงหนิงที่อยู่ข้างๆกลับปรบมือ"อานอานฉลาดมากเลย!"
โจวกุ้ยหลานรู้สึกจนปัญญา เด็กสองคนนี้เป็นปีศาจที่จุติมาเกิดจริงๆ!
"ขออภัยด้วย ที่ลูกสองคนของข้าเสียมารยาทต่อเจ้า คิดสิบอีแปะละกัน"โจวกุ้ยหลานพูดด้วยรอยยิ้ม
วินาทีต่อไป ชายหนุ่มที่หล่อเหลาคนนั้นลุกขึ้นทันที และทำความเคารพต่อโจวกุ้ยหลาน"คุณผู้หญิงขอรับ ข้าคิดผิดเองขอรับ หากร้อยตัวหนังสือ ควรเป็นเก้าอีแปะขอรับ!"
"งั้นก็คิดเก้าอีแปะ เจ้าไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้เลยนะ"โจวกุ้ยหลานชี้ไปที่เก้าอี้ และพูดกับปัญญาชนคนนั้น
หนึ่งอีแปะเท่านั้น ตอนนี้นางก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก......
"เมิ่งเจียงผิดเองขอรับ เมิ่งเจียงรู้สึกละอายใจมากเลย"ระหว่างที่ชายหนุ่มคนนั้นพูด ก็ได้เอียงตัวเล็กน้อย ทำความเคารพต่อเสี่ยวรุ่ยอาน"ไม่ทราบว่าคุณพี่ชื่ออะไรขอรับ?"
โจวกุ้ยหลาน"????"
คุณพี่?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา
รอ บทต่อไปค่ะ...