พูดจบ เมิ่งเจียงก็มองโจวกุ้ยหลานอย่างคาดหวัง
โจวกุ้ยหลานหายใจเข้าลึกๆ ฝืนยิ้ม"พี่เมิ่งเจียงเจ้าคะ ในเวลานี้เราควรทำเรื่องที่เหมาะสมกว่า ท่านยอมช่วยเขียนจดหมายให้ข้าหรือเปล่าเจ้าคะ?"
"อ้อ เขียน เขียนแน่นอนสิ!"สีหน้าของเมิ่งเจียงจริงจังขึ้นมา รีบจัดระเบียบเสื้อของตัวเองและนั่งลงมา นำพู่กันไปจิ้มน้ำหมึก ส่วนมือทับอยู่บนกระดาษ รอให้โจวกุ้ยหลานพูด
โจวกุ้ยหลานกล่าวถึงแค่ว่าตัวเองสบายดีเท่านั้น แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
รอให้เมิ่งเจียงเขียนเสร็จ นางก็เก็บไว้ และยื่นอีแปะให้เมิ่งเจียง จากนั้นปล่อยเด็กสองคนลงพื้น จับมือข้างละคนและคิดจะจากไปเลย
เพิ่งหันไป ก็ถูกเมิ่งเจียงเรียกไว้"ฮูหยินขอรับ ไม่ทราบว่าพวกเจ้าพักอยู่ที่ไหน?ข้าจะหาพวกเจ้าได้อย่างไร?"
โจวกุ้ยหลานหันไป"ตอนนี้พวกข้าพักอยู่โรงเตี๊ยม เจ้าไม่ต้องไปหาพวกข้าหรอก รอให้พวกข้ามั่นคงขึ้นมา ข้าก็จะหาอาจารย์ที่ดีให้เด็กสองคน"
ไม่ทันรอให้เมิ่งเจียงพูดอะไรอีก นางก็จับมือเด็กสองคนและหนีไป
เมิ่งเจียงยังมีแผงอยู่ มีแต่ต้องเห็นกับตาว่าพวกเขาหนีเข้าไปในฝูงชน ใจรีบร้อนมาก จึงตบโต๊ะอย่างแรงทีหนึ่ง
นี่เป็นเด็กอัจฉริยะนะเนี่ย!เขาพลาดไปเช่นนี้!
เฮ้ย!เสียดายจริงๆ!
โจวกุ้ยหลานพาเด็กสองคนหนีจนมองไม่เห็นเมิ่งเจียงแล้ว ถึงโล่งใจลง แล้วเตือนเด็กสองคนว่า"ทีหลังพวกเจ้าอย่าเป็นหนอนหนังสืออย่างเขา เข้าใจไหม?"
"เข้าใจขอรับ"ระหว่างที่เสี่ยวรุ่ยอานพูด ยังหันไปมองข้างหลัง
เสี่ยวรุ่ยหนิงที่อยู่ข้างๆกระโดดไปมา"แม่ เราไปซื้อน้ำตาลปั้นกันเถอะ?"
โจวกุ้ยหลานปฏิเสธทันที"ไม่ได้ เมื่อกี้พวกเจ้าเพิ่งกินน้ำตาลปั้นไป ตอนนี้กินไม่ได้แล้ว พวกเราไปอี้จั้นก่อน ส่งจดหมายไปให้คุณยายและคุณน้าก่อนดีไหม?"
เด็กสองคนยังพูดอะไรได้อีกล่ะ?มีแต่ต้องทำตาม
โจวกุ้ยหลานถามคนว่าอี้จั้นอยู่ไหน พอรู้ว่าอยู่ไกลจากที่นี่มาก ก็ถอนหายใจออกมา แต่ก็ยังคงพาเด็กสองคนเดินไปอย่างช้าๆ
เวลานี้ไม่สะดวกจริงๆเลย ไม่มีอะไรช่วยได้ มีแค่ขาสองข้างเท่านั้น ไปไหนมาไหนก็ช้า
แต่ก็สามารถฉวยโอกาสนี้เดินเล่นทั่วเมืองหลวง นางเลยไม่รีบร้อน เดินหน้าไปอย่างช้าๆ
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง เสี่ยวรุ่ยอานก็เหนื่อยจนเดินไม่ไหว โจวกุ้ยหลานแบกเขาขึ้นและจับมือเสี่ยวรุ่ยหนิงเดินต่อ
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง โจวกุ้ยหลานก็เหนื่อยมาก เลยหาภัตตาคารแห่งหนึ่งนั่งพักสักครู่หนึ่ง และยังได้สั่งของกิน น้ำดื่ม พร้อมไปเข้าห้องน้ำอะไรเสร็จ ถึงพาพวกเขาเดินหน้าไปต่อ
พอผ่านไปสองชั่วโมง โจวกุ้ยหลานก็เสียใจภายหลัง แถมยังรู้สึกสับสนกับชีวิต
ในที่สุดมีแต่ต้องเดินกลับไปก่อน
น่ากล้วหรือเกิน ระยะทางนี้น่ากลัวมาก!
ไม่ได้ นางต้องซื้อรถม้าคันหนึ่ง จำเป็นมาก!
แอบตัดสินใจเช่นนี้ แล้วโจวกุ้ยหลานก็สลับกันแบกเด็กสองคนเดินกลับไปโรงเตี๊ยม รอพวกเขากลับถึงโรงเตี๊ยม ฟ้าก็มืดแล้ว
โจวกุ้ยหลานนอนอยู่บนเตียง ไม่อยากลุกขึ้นมาอีก
ฝันดีทั้งคืน
วันที่สองพอตื่นมาอีกทีหนึ่ง โจวกุ้ยหลานก็เปิดประตูเห็นว่า ไป๋ยี่เซวียนกำลังยืนอยู่เขาอยู่หน้าประตู
นางรีบให้เขาเข้ามาในห้อง
"ดูสีหน้าของเจ้าแล้ว เจ้าคงรู้แล้วว่าสวีฉางหลินไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม?"ไป๋ยี่เซวียนยกแก้วน้ำชาขึ้นมา จิบอีกหนึ่งและถามโจวกุ้ยหลานด้วยรอยยิ้ม
โจวกุ้ยหลานยิ้มตาหยี"หลายวันก่อนก็รู้แล้ว แค่ว่ายังไม่ได้เจอเขาสักที หลายวันนี้เจ้าไปไหนหรือ?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา
รอ บทต่อไปค่ะ...