ไป๋ยี่เซวียนส่ายหน้าต่อเนื่อง พูดอย่างเอือมระอา “เมื่อคืนครอบครัวของข้าคำนวณรายได้ของข้าและพี่ชาย”
พูดถึงเรื่องนี้ โจวกุ้ยหลานก็มีชีวิตชีวาขึ้นมา “เป็นอย่างไร?”
ไป๋ยี่เซวียนยื่นนิ้วออกไปสองนิ้ว ชูอยู่ตรงหน้าของโจวกุ้ยหลาน “พวกเราได้เงินมาหนึ่งพันตำลึงในหนึ่งเดือน”
“พี่ชายเจ้าล่ะ?”
“ยี่สิบหมื่นตำลึง” ไป๋ยี่เซวียนพูดไป ก็แบมือออกอย่างระอา
โจวกุ้ยหลานกัดฟันเงียบๆ นี่มันไม่ใช่ระดับเดียวกันเลย ไม่อาจเปรียบเทียบได้เลย!
“เจ้าก็อย่าคิดมากเลย พวกเราเดือนแรกก็ได้กำไรมาหนึ่งพันตำลึง ก็ถือว่าดีมากแล้ว” ไป๋ยี่เซวียนพูดอย่างยิ้มแย้ม
สำหรับสิ่งนี้เขาถือว่าพอใจ อย่างไรเสียเปิดร้านอาหาร เดือนแรกล้วนขาดทุนทั้งนั้น
โจวกุ้ยหลานกัดฟัน “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็เพิ่มกิจการเสริม!”
“กิจการเสริมอะไร?” ไป๋ยี่เซวียนมีชีวิตชีวาขึ้นมา
ขอเพียงสิ่งที่โจวกุ้ยหลานพูด นั่นต้องมีวิธีแปลกใหม่แน่นอน
“ขายโค้ก” โจวกุ้ยหลานพูด
ไป๋ยี่เซวียนคิดอย่างละเอียด รู้สึกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างยาก
“เจ้าจะทำอย่างไร?”
โจวกุ้ยหลานพูดความคิดของตัวเองออกมา ไป๋ยี่เซวียนฟังแล้วก็พยักหน้า ตัดสินใจไปทำตามคำพูดของโจวกุ้ยหลาน
โจวกุ้ยหลานนวดขมับของตัวเอง โยนเรื่องของสวีฉางหลินไปด้านหนึ่ง คิดเรื่องแผนการทั้งหมดที่ตามมา
ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ในละแวกนี้คุ้นเคยกับการกินไก่ทอดแล้ว แต่ว่าอย่างไรเสียที่นี่ก็ห่างไกลจากสถานที่เจริญรุ่งเรือง ราคาของพวกเขาก็ไม่แพง กำไรมีจำกัด
อีกอย่างไก่ทอดเย็นแล้วก็ไม่อร่อย และในเวลานี้ ก็ทำได้เพียงห่อโค้กใส่กระป๋องขายแล้ว
ทางด้านนี้พวกเขากำลังยุ่งอยู่กับร้าน ส่วนเพื่อนบ้านรอบด้านพวกเขากำลังพูดถึงเรื่องเมื่อคืนแล้ว
“ต้องเป็นผีผู้หญิงแน่! ดึกๆดื่นๆแล้ว หญิงสาวบ้านใครจะไปเดินบนถนน?”
“ตอนที่พวกเราเปิดประตูก็ไม่เห็นคน ต้องไม่ใช่คนแน่นอน”
“โอ้โห เช่นนั้นพวกเรารีบหาคนมาทำพิธีเถิด?”
“ใช่ใช่ใช่ รีบไปทำพิธี ผีผู้หญิงคนนี้ต้องถูกผู้ชายทิ้งแน่นอน ตายโหง เพราะฉะนั้น ความอาฆาตรุนแรง พวกเราต้องรีบแล้ว!”
ดังนั้นคนละแวกใกล้เคียงต่างก็ยุ่งกันขึ้นมา จนทำให้ร้านของโจวกุ้ยหลานไม่ค่อยมีคนอะไรเข้ามาเลยทั้งวัน
เมื่อตอนเที่ยงพวกซิ่วฉายมาช่วย พบว่าในร้านไม่มีคนอะไร คิดถึงสิ่งที่พวกเขาเดาตอนเช้า ต่างก็ตัวสั่น ตอนเที่ยงกินข้าวก็กล้ากินแค่พออิ่ม
โจวกุ้ยหลานรู้สึกแปลกใจ ทำไมพวกเขาถึงกินได้น้อยขนาดนี้อย่างกะทันหัน
ไป๋ยี่เซวียนรวดเร็วมาก ไม่นานก็เอากระป๋องหลายใบมาให้โจวกุ้ยหลานดู โจวกุ้ยหลานก็เสนอความคิดเห็นบ้าง เอาไปปรับปรุงสองครั้ง กระป๋องนี้ก็ใช้ได้พอประมาณแล้ว
พวกเขาเข้าไปทำโค้กในห้องครัวใส่เข้าไปในกระป๋อง ปิดฝาให้แน่น เขย่าไปหลายครั้ง ไม่ได้รั่วออกมา พวกเขาก็วางใจแล้ว
กระป๋องนี้ก็เหมือนกับกระป๋องในยุคปัจจุบันมาก ด้านบนเรียบไม่น่าดู โจวกุ้ยหลานคิดไปคิดมา ไปร้านทำกล่องแห่งหนึ่งกับไป๋ยี่เซวียน ให้พวกเขาใช้กระดาษห่อภายนอกกระป๋องทั้งใบคนสวยงาม
มองดูกระป๋องอันประณีตตรงหน้า ความมืดมนในใจโจวกุ้ยหลานถูกกวาดล้างจนหมดสิ้น
คราวนี้ โจวกุ้ยหลานและไป๋ยี่เซวียนเอาเงินมาคนละหนึ่งพันตำลึงมาทำกระดาษห่อ จากนั้นก็เอาเงินที่ได้กำไรจากร้านออกมา ไปซื้อวัตถุดิบในการทำโค้ก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา
รอ บทต่อไปค่ะ...