นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา นิยาย บท 358

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 358 การแข่งขันราชันย์นักกินจุ 3

ผ่านไปกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า บรรดาคนที่มาชมดูความสนุกคึกคักต่างก็ไม่มีใครเดินจากไปเลย แต่ละคน ๆ ล้วนชมดูด้วยความสนุกสนานอย่างยิ่ง

พวกเขาเคยเห็นเจ้าของร้านที่โง่เขลาขนาดนี้ซะที่ไหนล่ะ? นอกจากนี้ยังมีพวกขอทานที่ยัดอาหารเข้าปากอย่างไม่คิดชีวิตพวกนี้อีก พอดู ๆ ไปก็สนุกน่าสนใจอย่างมาก ถ้าไม่ใช่เพราะขอทานเหล่านี้มานั่งจนทำให้ที่นั่งสกปรกไปหมดแล้ว พวกเขาเองก็นึกอยากจะขึ้นไปลองแข่งดูบ้างเหมือนกัน

ด้านนอกเวทีมีผู้คนมากขึ้นเรื่อย ๆ เรียกได้ว่าเบียดเสียดเยียดยัดเสียจนพื้นที่ว่างที่ใช้จัดงานแน่นขนัดไปหมด สุดท้ายผู้คนก็แออัดจนล้นออกไปถึงริมถนน ส่งผลให้ถนนเส้นนั้นถูกปิดกั้นเส้นทางสัญจรไปโดยปริยาย

คนที่อยู่ข้างหลังมองไม่เห็นข้างหน้า ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขาไปเอาพวกเก้าอี้ กับพวกม้านั่งยาวมาจากไหน เอามาใช้วางต่อขาขึ้นไปยืนด้านบนเพื่อชมดูการแข่งขันต่อ

คนมาถึงทีหลังยิ่งมองเห็นไม่ชัดเข้าไปใหญ่ ได้แต่ก่นด่าโวยวายอยู่ข้างหลัง ผ่านไปครู่เดียว ด้านล่างก็เอะอะอึกทึกยิ่งกว่าการแข่งขันบนเวทีเสียอีก

พอผู้คนยืนรายล้อมจนเต็มพื้นที่ พวกขอทานที่เร่งตามมาหลังจากได้ยินข่าว ต่างก็ทำได้แค่รออยู่ข้างหลัง ไม่สามารถแทรกตัวขึ้นมาข้างหน้าได้แล้ว

เมื่อเห็นภาพฉากนี้ โจวกุ้ยหลานก็ดีใจจนรีบหันไปสะกิดไป๋ยี่เซวียนที่อยู่ข้าง ๆ อย่างอดใจไม่อยู่

“เห็นแล้วหรือไม่? มีคนตั้งมากมายขนาดนี้เชียวนะ! เราสร้างชื่อเสียงได้สำเร็จแล้ว!”

ไป๋ยี่เซวียนพยักหน้ารับโดยไม่รู้ตัว ก้มหน้ามองลงไปเห็นหัวของผู้คนที่กำลังเคลื่อนไหวไปมาด้านล่าง ลึก ๆ ในใจยังคงมีความรู้สึกไม่อยากจะเชื่ออยู่นิดหน่อย

ก่อนหน้านี้เขารับปากโจวกุ้ยหลานว่าจะจัดกิจกรรมนี้ แค่เพราะเขาไม่อยากจะขัดความคิดของนาง เดิมทีตัวเขาไม่ได้คาดหวังอะไรกับการแข่งขันราชันย์นักกินจุครั้งนี้อยู่แล้ว แต่เมื่อมาดูตอนนี้ กลับพบว่าผลลัพธ์ที่ออกมานี้ มันดีมากจนน่าประหลาดใจเลยทีเดียว!

“ไป๋ยี่เซวียน พวกเราจะรุ่งแล้ว!” สองตาของโจวกุ้ยหลานจับจ้องไปที่บรรดาหัวของผู้คนที่อยู่ด้านล่าง พยายามกลั้นเสียงของตัวเองเต็มที่ แต่ถึงแม้จะพูดเสียงเบาขนาดนี้แล้ว ก็ยังฟังออกถึงความตื่นเต้นยินดีในน้ำเสียงของนาง

แค่พริบตาเดียวก็เกือบจะหมดช่วงเช้าแล้ว บรรดาคนที่อยากจะมากินข้าวต่างก็ถูกขวางทางจนไม่อาจผ่านทางได้ มีบางคนที่ก่นด่าโวยวายอยู่ยอมหยุดด่า แล้วหันไปถามคนที่กำลังยืนชมดูความสนุกว่ามันนี่เกิดอะไรขึ้น คนเหล่านั้นก็หันไปบอกเล่าข่าวที่ตัวเองได้รับรู้มา ให้คนที่เพิ่งมาใหม่ได้ฟังอีกรอบ

มีหลายคนที่คิดว่านี่ต้องเป็นเรื่องโกหกแน่ ๆ มันจะไปมีเรื่องดี ๆ แบบนี้เกิดขึ้นได้ซะที่ไหน? คนกลุ่มนี้ต่างส่ายหน้าด่าก่อนจะเดินผ่านไป มีบางคนที่ยืนนิ่งฟังเสียงหัวเราะและเสียงตะโกนให้กำลังใจของผู้คนที่อยู่ข้างหน้า แม้ว่าพวกเขาจะมองไม่เห็น แต่ก็อยากได้ยินเสียงความสนุกตื่นเต้น

พอเป็นแบบนี้นานเข้า จึงส่งผลให้ถนนสองสายที่อยู่ติดกับบริเวณนี้ถูกปิดกั้นจนหมด ร้านค้าหลายแห่งที่อยู่ข้าง ๆ ต่างก็อยากจะเข้ามาขอให้พวกโจวกุ้ยหลานออกไป แต่ทำยังไงก็ไม่สามารถแทรกผ่านเข้าไปได้เลย จึงได้แต่ทำหน้าบูดบึ้งด้วยความโกรธ

รถม้าวิ่งมาจนถึงที่นี่ก็ต้องหยุดลงเพราะไม่สามารถผ่านไปได้ สวีฉางหลินที่อยู่ในรถม้าถามคนขับว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้น? คนขับรถม้าจึงตอบว่าข้างหน้าถูกขวางกั้นจนติดขัดไปหมด คิดว่าอาจต้องหันหัวรถกลับเพื่ออ้อมไปใช้ถนนเส้นข้าง ๆ แทน

เขาเพิ่งจะเริ่มเคลื่อนรถ ก็ได้ยินเสียงม้าร้องดังแว่วขึ้นมาจากข้างหลัง เขาลงจากรถม้า พอหันกลับไปมอง ก็เห็นว่ามีรถม้าอีกคันมาจอดปิดอยู่ข้างหลังเขาแล้วเรียบร้อย

แวบแรกที่เห็น ก็รู้ว่าถึงกับเป็นรถม้าของบ้านนายท่านของพวกเขา จึงรีบเข้าไปน้อมทักทาย

สวีฉางหลินออกจากรถม้า เขายืนอยู่บนที่สูง จึงเห็นว่ามีผู้คนมากมายมหาศาลยืนออกันอยู่ข้างหน้า เขาลงจากรถม้า แล้วก้าวขาขึ้นไปข้างหน้าทีละก้าว ๆ

หลังจากตบ ๆ ไหล่คนที่อยู่ข้างหน้าคนหนึ่งแล้ว คนผู้นั้นก็หันหน้ามาด้วยท่าทางเหลืออด: “จะดูก็ดูไปสิ จะมาตบไหล่ข้าทำไม?”

สวีฉางหลินก็ไม่นึกหงุดหงิด ถามไปประโยคหนึ่งว่า “ข้างหน้ามันเกิดอะไรขึ้นรึ?”

“แล้วเจ้าไม่มีปัญญาดูเองรึ?” ชายคนนั้นยังคงแสดงท่าทางเหลืออด

สวีฉางหลินตอบอย่างราบเรียบไปประโยคหนึ่งว่า: “มองไม่เห็น”

“เฮ้อ! ข้าก็มองไม่เห็นเหมือนกันนั่นแหล่ะ ได้ยินว่ามีร้านร้านไก่ทอดผิ่นเว่ยอะไรสักอย่างจัดการแข่งขันราชันย์นักกินจุอะไรประมาณนี้ ตอนนี้คนที่อยู่บนนั้นกำลังแข่งขันกันอยู่ ไม่คิดเงินแถมจะกินเท่าไหร่ก็ได้ คนไหนที่กินได้มากที่สุด ก็ยังให้เงินคนนั้นด้วย เจ้าว่ามาซิ ทำไมเรื่องดี ๆ แบบนี้ถึงไม่เคยหล่นมาใส่ข้าบ้างเลยล่ะ?”

ดวงตาของสวีฉางหลินพลันแข็งค้าง หัวใจสั่นสะท้าน เงยหน้าขึ้นมองไปข้างหน้า แต่ทั้งหมดที่เขาเห็นตรงหน้าล้วนเป็นผู้คนทั้งสิ้น

เขาหันหลังกลับ ก็เห็นว่าพ่อของตัวเองเปิดม่านรถม้าออกมา แล้วเหลือบตามองมาทางนี้ด้วย

สวีฉางหลินชะงักฝีเท้าไปชั่วขณะ แล้วเดินสี่ห้าก้าวตรงไปที่รถม้า จากนั้นก็สั่งให้คนขับรถม้าของเขาขับรถกลับบ้านไปก่อน ส่วนเขายังมีธุระที่ต้องทำ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา