นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 367 พวกเรามิกลัวเจ้า
ลูกจ้างในร้านนั่งอยู่ด้านข้างมองไปทางโจวกุ้ยหลานตาปริบๆ โจวกุ้ยหลานยกมือขึ้นโบกเป็นความหมายให้พวกเขากลับไปพักผ่อน
จากนั้นนางก็นั่งอยู่ด้านข้างทำการคิดบัญชีรายรับรายจ่ายทั้งวันนี้ร่วมกับผู้คิดบัญชี
ก่อนหน้านี้ไป๋ยี่เซวียน ผู้คิดบัญชีและนางสามคนจะร่วมกันคิด แต่ในวันนี้คาดว่าไป๋ยี่เซวียนคงมิอาจคิดบัญชีได้
เพียงแต่ทั้งสองคนนี้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ พวกเขาทั้งสองนั่งดื่มสุรากันอยู่ที่นี่อย่างสงบ
แต่การดื่มสุราของพวกเขานี้ ดูช่างเงียบเหลือเกิน……
เมื่อนางและผู้คิดบัญชีทำการคิดตารางบัญชีออกมาแล้ว ก็ได้ทำการลงนามในสมุด ผู้คิดบัญชีนั้นก็กลับไปยังห้องของตนเพื่อพักผ่อน
โจวกุ้ยหลานนั่งอยู่บริเวณมิไกลออกไปนัก แล้วมองทั้งสองดื่มให้กันไปมา หนังตาของนางก็เริ่มหย่อน
ผ่านไปมินาน นางก็ได้ฟุบลงที่โต๊ะแล้วหลับไป
เนื่องจากมิได้นอนมาทั้งคืน และยุ่งอยู่ตลอดสองวันมานี้ นางจึงเหนื่อยจนแทบทนมิไหว
ตอนที่นางตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าถูกใครบางคนทำให้ตื่น
นางขยี้ดวงตาของตนแล้วเงยหน้ามองไป พบว่ามีอาจารย์คนหนึ่งนำนักเรียนทั้งสำนักของตนเดินถือหม้อถือกระทะถือไม้กวาดมากที่หน้าประตู จับจ้องมาทางนาง
“เจ้าเป็นสตรี เหตุใดจึงทำท่าทางใกล้ชิดสนิทชิดเชื้อกับชายหนุ่มแปลกหน้าเช่นนี้ได้ มิอายบ้างหรือ?”
ท่านอาจารย์เห็นโจวกุ้ยหลานเบิกตาจ้องเขม็งดังนั้น ก็ตะโกนออกมาด้วยความโมโหกว่าเดิม
โจวกุ้ยหลานยังคงสับสนเล็กน้อยนางชี้ไปที่ร่างของตนเอง
มิรอให้นางเอ่ยสิ่งใดออกมา ก็ได้ยินน้ำเสียงของเจ้าหนูน้อยดังขึ้นจากฝั่งตรงข้ามว่า “ท่านแม่ ข้าจะปกป้องท่านเอง!”
โจวกุ้ยหลานก้มหน้าลงมอง พบว่าเสี่ยวรุ่ยหนิงวิ่งเข้ามาหานาง พร้อมด้วยไม้กระบองท่อนหนึ่ง
จากนั้นนางก็เห็นเขาใช้กิ่งไม้เรียวยาวกิ่งนั้นฟาดไปที่ขาของสวีฉางหลินสองสามที แล้วพึมพำว่า “เจ้าคนชั่ว ปล่อยแม่ของข้า! ข้าจะตีเจ้า ตีเจ้าให้ตาย……!”
โจวกุ้ยหลาน “……”
นางเงยหน้าขึ้นมอง พบว่าสวีฉางหลินกำลังเคลื่อนไหวเบาๆ ด้วยสีหน้าอันไร้ความรู้สึกนั้น
นั่นหมายความว่า……นางถูกสวีฉางหลินอุ้มไว้แล้วยืนอยู่ที่หน้าปากประตูหรือ?
“เจ้าปล่อยข้าก่อน!” โจวกุ้ยหลานเอ่ยเตือนสวีฉางหลิน
สวีฉางหลินยังคงมิขยับเขยื้อน “มิได้หรอก”
ภรรยาของเขาเหนื่อยมากแล้ว เขาตั้งใจจะอุ้มนางไปนอนที่ห้องนอน
“รุ่ยหนิงเจ้ากลับมาก่อน พวกเราเข้าไปจัดการด้วยกัน มิอย่างนั้นเจ้าคนร้ายอาจจะจับเจ้าไปอีก!” เมิ่งเจียงยกฝาหม้อขึ้นแล้วก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว
เขาก้าวมาข้างหน้าแล้วยื่นมือออกไปจับรุ่ยหนิงเอาไว้ ดึงเข้าไปอยู่ข้างกายเขา นับว่าสามารถช่วยชีวิตรุ่ยหนิงได้สำเร็จ
จากนั้นเขาจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ผู้คนที่อยู่รอบข้างล้วนพากันจับมือชื่นชม
“นี่……เจ้าโจร จงวางป้ากุ้ยหลานลงเดี๋ยวนี้นะ เจ้าคิดจะทำสิ่งใด อยากได้อะไรก็ไปเอาที่ในเรือน พวกเรา……พวกเราจะมิขัดขืน!”
เมิ่งเจียงพยายามระงับความกลัวในใจของตน เขาตัวสั่นและเจรจาต่อรองเงื่อนไขกับชายร่างกำยำที่อยู่ตรงหน้าผู้ซึ่งกำลังลักพาตัวป้ากุ้ยหลานของเขาไป
มิรอให้สวีฉางหลินเอ่ยสิ่งใดออกมา ชายชราก็ตะโกนขึ้นด้วยความโมโห “เมิ่งเจียง หนังสือเหล่านั้นดุจดั่งสมบัติของข้า จะให้เขาเอาไปมิได้!”
ใช่แล้ว ยังมีหนังสือเหล่านั้นอีก
บรรดาซิ่วฉายทั้งหลายต่างพากันตื่นตระหนก พวกเขากำหนังสือในมือของตนเอาไว้แน่นแล้วพยายามจะก้าวไปข้างหน้า
“เจ้า……แม้ว่าเจ้าจะรูปร่างสูงใหญ่ แต่……แต่พวกเรา……มีคน……มีคนมากกว่าเจ้า เรา……เรามิกลัวเจ้าหรอก……” จ้าวจงตี้กล่าวออกมาด้วยคำพูดติดอ่าง
เขาเป็นเพียงซิ่วฉายที่ยากจน มิเคยเจอใครมาปล้นถึงที่บ้านแบบนี้มาก่อน
คนอื่นๆ นั้นบางคนก็ยิ่งกว่าเขาเสียอีก ขาสั่นงันงก มองไปช่างดูอ่อนแอบอบบางเหลือเกิน
โจวกุ้ยหลานยกมือขึ้นปิดหน้าของตน นางมิอยากจะยอมรับเลยว่าเคยรู้จักกับคนเหล่านี้
เสี่ยวรุ่ยอานตัวน้อยถูกท่านอาจารย์ลากไปไว้ที่ด้านหลัง มิให้เขาออกมา ดังนั้นตัวเขาเองก็มิรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ในใจได้แต่คาดเดาไปต่างๆ นานาว่ามารดาของตนถูกลักพาตัว ดังนั้นจึงกระวนกระวายใจมาก เขาพยายามแทรกศีรษะน้อยๆ ออกมาจากด้านหลังของท่านอาจารย์ เมื่อพบว่ามารดาของตนถูกคนอื่นกอดรัดเอาไว้แน่น เขาก็ยิ่งกระวนกระวายใจแล้วกล่าวว่า “ปล่อยแม่ข้าเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นข้าจะฟ้องร้องเจ้า!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา
รอ บทต่อไปค่ะ...