สรุปเนื้อหา บทที่ 395 กลับจวนหู้กั๋วกง – นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา โดย อารั่ง
บท บทที่ 395 กลับจวนหู้กั๋วกง ของ นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา ในหมวดนิยายประวัติศาสตร์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย อารั่ง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 395 กลับจวนหู้กั๋วกง
เดิมทีนางก็อ่อนล้าอยู่แล้ว ตอนนี้แบกเสี่ยวจิ่วอีก นางรู้สึกเหนื่อยจนไม่ไหว
ผู้ชายที่อยู่ด้านข้างจำนวนหนึ่งค่อนข้างลำบากใจ
ถ้าหากว่าเป็นคนอื่น พวกเขาเข้าไปแบกแล้ว แต่นี่คือเสี่ยวจิ่ว เป็นผู้หญิงคนเดียวในหมู่ของพวกเขา…..
สายตาที่เสี่ยวซื่อ มองเสี่ยวจิ่วเต็มไปด้วยความกังวล และหางตามองเห็นความฝืนกลั้นของโจวกุ้ยหลาน เขากำกระบี่ที่อยู่ข้างเอวไว้แน่น คล้ายดั่งว่าปลุกความกล้าหาญ ในการดึงแขนของเสี่ยวจิ่วมา
เพราะการกระทำของเขา ทำให้ฝีเท้าของโจวกุ้ยหลานหยุดชะงักลง
“ข้าแบกเองขอรับ”
เสี่ยวซื่อกล่าวจบ เหมือนกับว่าเขาโล่งอก มืออีกข้างหนึ่งจับที่แขนของเสี่ยวจิ่ว คนทั้งคนยกได้เสี่ยวจิ่วออกมาจากด้านหลังของโจวกุ้ยหลาน
ตอนที่ทุกคนยังไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา เขาก็แบกเสี่ยวจิ่วไว้แล้ว
โจวกุ้ยหลานรู้สึกว่าตัวเองเบาสบาย หันกลับไปมองดู ก็เห็นเสี่ยวซื่อแบกเสี่ยวจิ่วเดินไปข้างหน้าแล้ว
นางรู้สึกชะงักอึ้ง ตามมาด้วยความโล่งใจ เลยรีบสาวเท้าก้าวเดินอย่างว่องไว
เสี่ยวจิ่วอยู่ในสภาวะสะลึมสะลือไม่ได้สติแล้ว ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง มีเสี่ยวซื่อตะบึงแบกนางตลอดทาง นางเลยผ่อนคลายสงบจิตใจ ปล่อยให้ความง่วงครอบงำนาง
คนกลุ่มหนึ่งมาถึงสถานที่ที่ผูกม้าไว้ก่อนหน้านี้ ก็ได้เห็นว่าม้าลดลงไปจำนวนหนึ่ง แสดงว่าพวกเขากลุ่มนั้นพากันไปแล้ว
พอมาถึงตรงนี้ โจวกุ้ยหลานหย่อนก้นนั่งลงบนพื้น
“รอพวกเขาอยู่ที่นี่กัน”
กล่าวพูดจบ ก็ได้เห็นคนตรวจตราเดินมา
พวกโจวกุ้ยหลานอำพรางตัว รอคนกลุ่มนั้นไปแล้ว ถึงได้โล่งอกกัน
ต่อให้คนกลุ่มนั้นกล้าหาญแค่ไหน ก็ไม่กล้าตามสังหารนายพลสวีของต้าเหลียงแคว้นเหลียงอยู่ที่เมืองหลวงอย่างเปิดเผยหรอก
เสี่ยวซื่อวางเสี่ยวจิ่วลงบนขั้นบันได แตะสัมผัสแขนของนางอย่างแผ่วเบา อยากจะเรียกนาง แต่เสี่ยวจิ่วไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเลยสักนิดหนึ่ง
คนจำนวนหนึ่งสีหน้าเคร่งเครียด พากันมองเสี่ยวจิ่ว
โจวกุ้ยหลานพยายามคลานลุกขึ้นมา จากนั้นเดินไปหาเสี่ยวจิ่ว เอื้อมมือไปสัมผัสบาดแผลของนาง ความอุ่นร้อนร้อนยังแผ่ซ่านออกมาด้านนอก
“เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้หรอก นางจะต้องห้ามเลือด!”โจวกุ้ยหลานเงยหน้ามองแต่ละคน
กล่าวจบ ตรงหน้าก็ปรากฏขวดเซรามิคอันหนึ่ง
โจวกุ้ยหลานเอื้อมมือไปรับ กำลังจะเริ่มกระทำ เสื้อชุดหนึ่งก็ได้มาปกคลุมอยู่บนร่างของเสี่ยวจิ่วแล้ว เมื่อมองตามมือไป ก็ได้เห็นเสี่ยวซื่อหมุนตัว หันหลังให้เสี่ยวจิ่ว
คนอื่นเหมือนเป็นสัญญาณรู้กัน แทบจะหันหลังกลับไปเวลาเดียวกันหมด
โจวกุ้ยหลานดึงเสื้อของเสี่ยวจิ่วอย่างระมัดระวัง ผ้าที่ถูกนางพันไว้ก่อนหน้านี้เต็มไปด้วยเลือดสีแดงฉาน
นางค่อยๆดึงผ้าออกมาทีละนิด จากนั้นเปิดยาที่อยู่ในขวดเซรามิคออก เทผงที่อยู่ด้านในออกมา จากนั้นใช้มือกดแน่นที่ปากแผลของนางไว้
ตามด้วยหยิบเสื้อที่เป็นขนปุยฝ้าย เอามาปิดร่างของเสี่ยวจิ่วไว้
อาจเป็นเพราะความเจ็บ ถึงแม้เสี่ยวจิ่วจะไม่ได้สติ ท่าทางของนางก็ยังมีความทรมานอยู่
โจวกุ้ยหลานเอาศีรษะของนางวางไว้ที่อ้อมแขนของนาง ใช้มือโอบที่ไหล่ของนาง พยายามทำให้นางสบาย แต่ทว่าการกระทำบนมือไม่กล้าที่จะผ่อนปรนเลยแม้แต่น้อย
รอจนนางไม่รู้สึกว่าความร้อนระอุแผ่ซ่านออกมา โจวกุ้ยหลานจึงทอดถอนใจออกมาด้วยความโล่งใจ นางรีบพันแผลของนาง แล้วช่วยนางแต่งชุดให้เรียบร้อย
นางนั่งอยู่บนพื้น เป็นหมอนให้เสี่ยวจิ่วนอนอยู่บนขาของตนเอง
ในความเปล่าเปลี่ยวนอกเหนือจากทหารลาดตระเวน อย่างอื่นเป็นความเงียบสงบหมด
ความเงียบเช่นนี้ ถูกคนสองคนที่ปรากฏตัวอย่างกะทันหันทำลายจนหมดสิ้น
ตอนที่ทุกคนเห็นสวีฉางหลินกับเสี่ยวปามา ถึงได้พากันโล่งใจ
สวีฉางหลินเดินมา เห็นเสี่ยวจิ่วที่สลบไสลอยู่
เขาหันไปมองทางเสี่ยวปา แล้วกล่าวว่า“เอานางขึ้นม้า กลับจวนหู้กั๋วกง”
เห็นสายตาอ้อนวอนหน้าสงสารของเด็กน้อยทั้งสองคน โจวกุ้ยหลานหักใจ เดินเข้าไปในห้อง
ที่นี่มีนางเป็นผู้หญิงคนเดียว ไม่ใช่นางเป็นคนดูแล ใครจะดูแล?
ถึงแม้ว่าสามปีก่อนหน้าจะคลุกคลีไม่กี่วัน แต่สุดท้ายนางก็เป็นคนที่ปกป้องโจวกุ้ยหลานไว้ถึงได้รับบาดเจ็บ
รอโจวกุ้ยหลานไปแล้ว สวีฉางหลินถึงได้ปล่อยเด็กน้อยทั้งสองคนลง
เด็กน้อยทั้งสองคนถอยหลังไปไม่กี่ก้าว ทำราวกับว่าไม่กล้าเข้าใกล้สวีฉางหลิน
ความหวาดกลัวแบบนี้ เพิ่มมากขึ้นในค่ำคืนนี้
เหมือนสวีฉางหลินดูออกว่าพวกเขากลัว เขาดึงเก้าอี้มานั่ง จากนั้นชี้ไปทางเก้าอี้ที่อยู่ด้านหลังเด็กน้อยทั้งสอง และกล่าวพูดกับพวกเขาว่า“ไปนั่งได้”
ตอนนี้เด็กน้อยทั้งสองคนจะกล้าต่อต้านที่ไหนกัน? เด็กน้อยทั้งสองคนปีนขึ้นไปนั่งเก้าอี้คนละตัวอย่างว่านอนสอนง่าย ก้มหน้าลงและไม่กล้าพูดต่อต้านตอบโต้
พ่อลูกสามคนนั่งตรงข้ามกัน ไม่มีใครพูดอะไรอยู่เป็นเวลานาน
เสี่ยวรุ่ยหนิงที่แต่ก่อนคึกคักร่าเริง ตอนนี้ก็ก้มหน้างุดๆ
“กลัวหรือ?”
สวีฉางหลินน้ำเสียงนุ่มนวล ถามเด็กน้อยสองคนที่นั่งขดเป็นก้อน
เสี่ยวรุ่ยอานเฉลียวฉลาด พยักหน้า
เสี่ยวรุ่ยหนิงก็พยักหน้าด้วยเช่นกัน
“พวกเจ้ามีลูกพี่ลูกน้องผู้ชายคนหนึ่ง ตอนอายุมากกว่าพวกเจ้าหนึ่งปี เขาออกสนามรบกับข้า ทุกวันที่เจอคือคนตาย”
น้ำเสียงสวีฉางหลินเย็นชา ไม่ได้มีความอ่อนโยน
“ตอนนี้สิ่งเขาต้องเผชิญน่ากลัวกว่าการรบ ต้องเจอการโจมตีทั้งเปิดเผยและแอบแฝง ตั้งแต่พวกเจ้าเกิดมา ก็กำหนดให้ต้องเจอสิ่งเหล่านี้แล้ว ในเมื่อวันนี้เจอแล้ว ก็จะต้องเรียนรู้การเผชิญหน้า”
“ท่านแม่……”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา
รอ บทต่อไปค่ะ...