เฟิ่งชิงเฉินแทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่สายตาของนางมองเห็น วันนี้ไม่ใช่วันแต่งงานของนางหรือ? เหตุใดนางจึงฟื้นขึ้นมาที่นอกประตูเมืองในอาภรณ์หลุดลุ่ยได้เล่า?
เมื่อก้มหน้าลงมองสภาพของตนเอง ส่วนล่างไม่เลวนัก มีกางเกงอยู่ตัวหนึ่ง แต่ส่วนบนนั้น นอกจากชั้นในแล้วก็มีเพียงแต่ผ้าพลิ้วผืนบางสีแดงเท่านั้น
ข้างใต้ผ้าพลิ้วนั้นมีผิวขาวราวหิมะวับแวม ผิวนั้นมีรอยช้ำเป็นจ้ำสีม่วงเขียวอย่างชัดเจน
สถานการณ์เช่นนี้ หากเป็นสมัยปัจจุบันก็คงไม่แปลกอะไรนัก หรือแม้กระทั่งอาจจะดูมิดชิดเสียด้วยซ้ำ แต่ที่นี่เป็นสมัยโบราณ!
จะต้องปกปิดร่างกายของตนเองอย่างมิดชิด นอกจากมือและหน้าแล้วจะให้เห็นสิ่งอื่นมิได้อีก!
แต่นี่ยังมิใช่สิ่งที่เลวร้ายที่สุด สิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็คือสภาพเช่นนี้ของนางกลับถูกคนห้อมล้อมจ้องมอง!
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? เฟิ่งชิงเฉินรีบนึกย้อนกลับไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในระยะนี้ นอกจากที่วันนี้นางจะต้องแต่งงานกับองค์ชายเจ็ดตงหลิงจื่อลั่วแล้วก็ไม่ได้มีเรื่องอันใดอีก...
"คุณ คุณหนู เกิด... เกิดอะไรขึ้น หวั่นอิน หวั่นอินกลัวเหลือเกิน..." ด้านข้างมีสาวใช้คนหนึ่งจับอาภรณ์ของเฟิ่งชิงเฉินไว้ ดวงตาฉายแววขลาดกลัวและไร้หนทางราวกับว่าเพียงถูกลมพัดก็คงจะล้มลง
ท่าทางเช่นนั้นดูบอบบางกว่าเฟิ่งชิงเฉินที่เป็นคุณหนูเสียอีก
เกิดอะไรขึ้น? นางก็อยากรู้เช่นกันว่านี่มันเรื่องอะไรกัน!
เฟิ่งชิงเฉินใช้สายตากวาดมองกลุ่มคนรอบด้าน ดวงตาของนางฉายแววคมปลาบและตบหลังปลอบสาวใช้ข้างกายอย่างลวกๆ "ไม่เป็นไร"
แม้ปากจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่เฟิ่งชิงเฉินกลับรู้ดีว่าเรื่องราวในวันนี้ต้องยุ่งยากมากแน่และต้องมีคนจงใจทำเช่นนี้
นางเป็นเด็กกำพร้าที่บิดามารดาเสียไปแต่วัยเยาว์ แต่กลับได้เป็นถึงพระคู่หมั้นขององค์ชายเจ็ด ผู้ที่ไม่ต้องการให้นางได้แต่งงานมีมากมายนัก
อย่างไรเสีย นอกจากที่นางและองค์ชายเจ็ดคนหนึ่งหญิงคนหนึ่งชายแล้วก็ไม่มีคุณสมบัติอื่นใดเหมาะสมกันอีก นี่เป็นยุคสมัยที่ยึดถือเรื่องความเหมาะสม นางไม่อาจเอื้อมถึงเขาได้อย่างแน่นอน
ต้องรู้ว่าก่อนเมื่อวานนี้เจ้าของร่างมิใช่ว่าตกน้ำจนเสียชีวิตไปหรือ? มิเช่นนั้นแล้วนางจะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
เฟิ่งชิงเฉินหรี่ตาลงเพื่อปิดบังประกายตาเฉียบคมของนาง
ไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องบอกว่าวิธีนี้ช่างโหดเหี้ยมนัก
ในยุคที่ความบริสุทธิ์มีค่าเสียยิ่งกว่าชีวิต นำเอานางมาทิ้งไว้ที่นอกกำแพงเมืองในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ย มิใช่ว่าต้องการบีบให้นางไปตายอีกครั้งหรอกหรือ?
เฟิ่งชิงเฉินกำหมัดแน่น ดวงตาคู่สวยกวาดมองผู้คนที่อยู่รอบด้าน "มองอะไรกัน ยังไม่รีบหลีกไปอีก!"
อยากให้นางตายหรือ? จะง่ายดายถึงเพียงนั้นได้อย่างไร นางไม่ใช่เจ้าของร่างเดิมเสียหน่อยที่จะอ่อนแอได้ถึงเพียงนั้น เพียงคิดไม่ตกก็ฆ่าตัวตายเสียแล้ว นางเป็นถึงแพทย์ทหารผู้โดดเด่นแห่งศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด ไม่ว่าจะเผชิญหน้ากับปัญหาแบบใด นางก็มีความกล้าที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป...
เมื่อคนที่มามุงถูกเฟิ่งชิงเฉินตวาดใส่ก็ตกใจและรีบถอยออกไป แต่ละคนก็พูดอย่างข้องใจ
"นี่ นี่เป็นใครกัน..."
"นั่นน่ะสิ เป็นแม่นางจากบ้านไหนกัน เช้าตรู่ขนาดนี้เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่..."
"พวกเจ้าดูท่าทางของนางสิ ใบหน้านั่น บนคอนั่น... ต้องเป็นนางคณิกาแน่"
"นางคณิกาหรือ? คงไม่ใช่หรอก ดูเหมือนจะเป็นคุณหนูจากตระกูลใหญ่มากกว่า?"
"เฮอะ คุณหนูตระกูลใหญ่เป็นเช่นนี้งั้นหรือ เช้าตรู่มาโผล่อยู่ที่นี่ ชิชะ เจ้าดูเนื้อนวลนั่นเสียก่อน แล้วยังรอยบนตัวนางอีก เกรงว่าเมื่อคืนคงจะถูกเอ็นดูไปไม่น้อย..." ชายวัยกลางคนท่าทางลามกผู้หนึ่งพูดขึ้นมา
"อยากจะลูบคลำดูสักหน่อยเสียจริง!"
"ไม่รู้ว่าคืนหนึ่งราคากี่ตำลึง นางช่างงามยิ่งนัก แม่ใบหน้านั่นจะไม่ได้ดูอ่อนหวานสักเท่าไหร่ แต่กิริยาท่าทางของนางงดงามยิ่งนัก เพียงหญิงนางโลมแต่กลับมีกิริยาราวกับคุณหนูตระกูลใหญ่ก็มิปาน จิ๊จ๊ะๆ หญิงที่เย่อหยิ่งเช่นนี้หากถูกกดไว้ใต้ร่างไม่รู้ว่าจะรู้สึกอย่างไรบ้างหนอ..."
"ฮ่าๆๆ เจ้าฝันไปเถอะ ย่อมราคาสูงแน่นอน..."
...
สารเลว คนพวกนี้ถือสิทธิ์อะไรมาวิพากษ์วิจารณ์นางด้วยคำพูดสกปรก...
เฟิ่งชิงเฉินโมโหจนกัดปาก แต่ความเหตุผลกลับบอกนางว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาสนใจเรื่องนี้
เมื่อสำรวจร่างกายของตนเองดูก็พบว่าที่คอที่ถูกเปิดเผยสู่ภายนอกเป็นดังที่พวกเขากล่าวไว้จริงๆ มันเต็มไปด้วยรอยจูบ
ท่าทางเช่นนี้แม้ว่านางจะกลับเมืองไปได้อย่างปลอดภัย เรื่องราวต่อมาก็คงไม่ใช่สิ่งที่เด็กกำพร้าอย่างนางจะสามารถรับมือได้แต่เพียงผู้เดียว
"เป็นวิธีที่ร้ายกาจเสียจริง เอาข้ามาทิ้งไว้ที่นอกเมืองก็แย่แล้ว ยังทำให้มีสภาพเช่นนี้อีก แล้วจะให้ข้ากลับเข้าเมืองไปได้อย่างไรกัน" ดวงตาทั้งสองของเฟิ่งชิงเฉินลุกเป็นไฟ ตอนนี้นางอยากจะฆ่าคนเสียจริง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ