นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 6

ในขณะที่เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกตื่นตระหนก คนคนนั้นมาหยุดอยู่ตรงหน้านาง และเตะเข้าที่ตัวเฟิ่งชิงเฉิน เขาทำกับนางราวกับว่านางเป็นลูกสุนัขข้างทาง

หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดอย่างเหยียดหยามว่า "เฟิ่งชิงเฉิน"

มีความรู้สึกดูหมิ่นและเย่อหยิ่งปรากฏขึ้นมา

เฟิ่งชิงเฉินเงยหน้าขึ้นและเห็นชายผู้สูงศักดิ์สง่างามสวมชุดสีม่วงยืนอยู่ข้างหน้าตน ในแววตาของชายคนนี้มีความโกรธเคืองอย่างมาก

นางแขนขาแข็งเล็กน้อย และคิดกระไรไม่ออก นางสับสนเล็กน้อย จนเวลาผ่านไปอยู่นานจึงทำท่าทีตะลึงและกล่าวว่า "ลั่วอ๋อง"

ที่แท้แล้วชายหนุ่มผู้หยิ่งผยองที่ดูดีและสง่านั้น คือคู่หมั้นของเจ้าของร่างเดิมนี้นั่นเอง มีเขาคือองค์ชายเจ็ดแห่งราชวงศ์ตงหลิง มีนามว่าตงหลิงจื่อลั่ว

ในความทรงจำของเฟิ่งชิงเฉิน ส่วนที่เกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาของตงหลิงจื่อลั่วนั้นมีน้อยนัก แต่จะมีความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องความชอบของตงหลิงจื่อลั่วมากกว่า เฟิ่งชิงเฉินจึงมองดูเขาอย่างละเอียด

เขามีผิวขาวดั่งหยก ตัวเรียวสูง คิ้วงามดั่งภาพวาด แววตาเหมือนดั่งดวงดาว หากว่าแยกแล้วมองแต่ละส่วน ก็มิได้งดงามเท่าไหร่นัก แต่เมื่อทุกส่วนมารวมกัน รูปลักษณ์ของเขากลับหล่อเหลาเสียจนมิอาจละสายตาไปได้

อีกทั้งกลิ่นอายของผู้ดีที่เผยออกมาจากข้างในของเขา ทำให้เขาดูสูงส่งและน่าเกรงขามยิ่งขึ้นกว่าเดิม ยากที่จะละเลยเขาไป

หากว่ามองข้ามความเย่อหยิ่งของตงหลิงจื่อลั่วไปล่ะก็ เขานับว่าเป็นชายที่หล่อเหลาที่สุดก็ว่าได้ เพราะเขามีคุณสมบัติต่างๆที่สามารถดึงดูดสาวไร้เดียงสาอยู่ครบถ้วน

"เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าเป็นกระไรไป? ลืมข้าไปแล้วหรือ?" ตงหลิงจื่อลั่วขมวดคิ้ว เขาเกลียดแววตาที่เฟิ่งชิงเฉินมองไปที่เขาอย่างมาก เขารู้สึกเหมือนว่าเขาถูกมองเป็นวัตถุและถูกวิพากษ์วิจารณ์

แต่เฟิ่งชิงเฉินนี่กล้าดีมาจากไหน แต่ก่อนทุกครั้งที่นางพบตนก็มักจะก้มหัวตลอดมิใช่หรือ?

เกิดในครอบครัวทหารแท้ๆ แต่กลับทำตัวลับๆล่อๆเหมือนหนูที่ทุกครั้ง คอยแอบมองตัวเองอยู่ลับๆ เมื่อถูกพบแล้ว นางก็จะหน้าแดง แล้วก้มหน้าบิดผ้าเช็ดหน้า พอเริ่มพูดมากนางก็จะร้องไห้ออกมา

ไม่ใช่ว่าตงหลิงจื่อลั่วจำนางได้ แต่ว่าเฟิ่งชิงเฉินในเมื่อก่อนมักจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่เจอกับตงหลิงจื่อลั่ว

ซึ่งทำให้ตงหลิงจื่อลั่วเกลียดเฟิ่งชิงเฉินจากใจจริงๆ

เฟิ่งชิงเฉินมองดูตงหลิงจื่อลั่วที่ดูสูงส่ง จากนั้นนางก็ยืนขึ้น

การคุกเข่าต่อหน้าชายคนนี้แล้วคุยกับเขา มันไม่ใช่สิ่งที่เฟิ่งชิงเฉินคนนี้จะทำจริงๆ

แขนขาของนางแข็งทื่อจนดูไม่เหมือนแขนของตัวเอง แต่เฟิ่งชิงเฉินก็พยายามอดทน และมองไปที่ตงหลิงจื่อลั่ว นางยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า "ไม่รู้จักจริงๆ เหตุใดข้าจึงต้องรู้จักชายเยี่ยงเจ้า?"

ตงหลิงจื่อลั่ว การที่เฟิ่งชิงเฉินเสียชีวิต แม้ว่าไม่ใช่ฝีมือของเจ้า แต่ก็คงเกี่ยวข้องกับเจ้าอย่างแน่ และเรื่องในวันนี้ เจ้าจะแสดงเป็นตัวละครไหนล่ะ?

"เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าหมายความว่าอย่างไร?" สีหน้าของตงหลิงจื่อลั่วเปลี่ยนไป

เขาไม่ได้สนใจว่าเฟิ่งชิงเฉินยืนขึ้นเมื่อไหร่ เพราะแววตาของเฟิ่งชิงเฉิน สายตาคู่นั้นที่ดูเศร้าโศกและเย็นชาทำให้ตงหลิงจื่อลั่วรู้สึกอึดอัด เขารู้สึกราวกับว่าตนนั้นเป็นคนที่แย่ที่สุดในโลกนี้

"หมายความว่าอย่างไรงั้นรึ?"

เฟิ่งชิงเฉินยิ้มอย่างขมขื่น ฝีเท้าของนางยืนไม่มั่นคง นางเดินถอยหลังไปสองสามก้าวจึงสามารถยืนนิ่งได้ และนางกล่าวว่า

"ข้าจะหมายความว่าอย่างไรกันเล่า? ท่านลั่วอ๋องเพคะ การที่เฟิ่งชิงเฉินมีวันนี้ได้ก็เพราะฝีมือของลั่วอ๋องมิใช่หรือ?"

เฟิ่งชิงเฉินดึงผ้าสีแดงที่คลุมร่างตนออก เผยให้เห็นแผลบนร่างกาย เป็นการเตือนตงหลิงจื่อลั่วว่า ตอนนี้นางนั้นอับอายและอยู่ในสภาพที่แย่อย่างมาก

วันนี้เดิมเป็นวันแต่งงานที่มีความสุขที่สุดสำหรับผู้หญิง แต่สุดท้ายเรื่องกลับกลายเป็นเช่นนี้ การแตกต่างอย่างชิ้นเชิงเช่นนี้ ใครจะรับได้?

ตงหลิงจื่อลั่วมองไปที่เฟิ่งชิงเฉิน รูม่านตาของเขาขยายทันที ผู้หญิงคนนี้น่าสมเพชราวกับดินที่ติดอยู่ใต้ฝ่าเท้า แต่เหตุใดเขาจึงไม่เห็นภาพนี้แต่แรก?

สิ่งแรกที่เขาเห็นกลับเป็นแสงสว่างที่ไม่ยอมแพ้ในดวงตาของผู้หญิงคนนี้

ตงหลิงจื่อลั่วถอนหายใจและระงับความสงสัยที่เกิดขึ้นในใจของตน เขามองดูเฟิ่งชิงเฉิน........

ผิวของนางเปิดเผยออกมาเกือบทั้งหมด มีรอยช้ำสีเขียวสีม่วงเต็มร่างกาย

ผ้าไหมสีน้ำเงินที่เปื้อนเลือดกระจัดกระจายอยู่ข้างหลังนาง ซึ่งภาพของนางในตอนนี้ดูน่าสงสารยิ่งกว่านางในตำหนักเย็น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ