นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 970

แม้ว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่เต็มใจที่จะรับองค์รัชทายาทเป็นผู้ป่วย แต่เสด็จอาเก้าพูดออกมาเช่นนี้ นางก็คงไม่สามารถปฏิเสธออกไปได้ เป็นหมอไม่ได้มีอิสระอย่างที่คิด อย่างน้อยนางก็ไม่มีอำนาจในการเลือกผู้ป่วย

การผ่าตัดหัวใจนั้นยากกว่าการผ่าตัดกะโหลก หนึ่งปีที่ผ่านมาเฟิ่งชิงเฉินไม่เคยทำการผ่าตัดเกี่ยวกับหัวใจแม้แต่ครั้งเดียว ดังนั้นนางจึงรู้สึกไม่คุ้นชิน จึงขอให้เสด็จอาเก้าเตรียมพร้อมให้กับนาง นางต้องการฝึกฝน

“ต้องการคนที่ยังมีชีวิตอยู่? อายุเท่าไหร่? ผู้หญิงหรือผู้ชาย?” เสด็จอาเก้าถามออกมาอย่างปกติ แต่กลับทำให้เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกตกใจไม่น้อย เห็นเสด็จอาเก้าผงะอยู่ครู่หนึ่ง นางจึงดึงสติกลับคืนมาได้ จากนั้นกล่าวออกมาว่า “ไม่ต้อง ขอเป็นสัตว์ เป็นสัตว์ก็พอแล้ว ข้าแค่ต้องการฝึกซ้อม โดยทั่วไปจะใช้คนที่ตายแล้วสำหรับการฝึกซ้อม ดังนั้นไม่จำเป็นต้องใช้คนที่ยังมีชีวิตอยู่”

เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกพูดไม่ออกเล็กน้อย ครั้งนี้เสด็จอาเก้าทำให้นางรู้สึกตกใจมากจริง ๆ ทำให้เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกยุ่งเหยิงไปหมด เอาคนที่ยังมีชีวิตอยู่มาฝึกฝน นั่นมันแย่กว่าการนำหัวใจของอีกคนไปใส่ร่างของอีกคนเสียอีก

ชนชั้นปกครองด้วยศักดินาน่ากลัวจริง ๆ นางรู้สึกดีใจที่นางยังพอมีสถานะอยู่บนโลกใบนี้บ้าง หากนางเป็นนักโทษหญิงหรืออยู่ในครอบครัวที่ยากจน ไม่แน่ว่านางอาจจะถูกจับไปเป็นหนูทดลอง

“หากต้องการคนที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ไม่มีปัญหา ข้าสามารถหาให้เจ้าได้เป็นโหล” เสด็จอาเก้าเห็นท่าทางงุนงงของเฟิ่งชิงเฉิน เขาคิดว่านางกำลังรู้สึกลังเล

เนื่องจากปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีใช้คนที่ยังมีชีวิตในการฝึกฝนมาโดยตลอด ทุกครั้งที่ต้องเลือกระหว่างสิ่งมีชีวิตกับมนุษย์ ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีจะมีท่าทางเช่นนี้เสมอ

เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งร่างกาย สั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัว แต่นางก็ไม่ได้อธิบายออกมาว่าเหตุใดจึงไม่ใช้คนที่ยังมีชีวิตอยู่ นางเพียงกล่าวออกมาว่า “เตรียมสิ่งมีชีวิตตัวน้อย ๆ ไว้ให้ข้าก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้คนที่ยังมีชีวิตอยู่มาทำการฝึกฝน”

เฟิ่งชิงเฉินเพียงแค่ต้องการรักษาความเป็นตัวเองไว้ นางไม่มีทางโง่พูดเรื่องความเท่าเทียมของการมีชีวิตกับคนอย่างเสด็จอาเก้า

ไม่ต้องพูดถึงในยุคแห่งอำนาจสูงสุดของจักรพรรดิ แม้กระทั่งในสังคมที่มีกฎหมายรองรับก็มีคนจำนวนมากที่ถูกจับไปเป็นเครื่องทดลอง เพียงแต่กระบวนการเหล่านั้นถูกทำอย่างแนบเนียน

เมื่อมียาชนิดใหม่เข้ามาสู่ท้องตลาด เพื่อดูผลและประสิทธิภาพของยา จำเป็นต้องนำมาใช้กับร่างกายของคนไข้ จากนั้นถึงจะรู้ว่ายาตัวนั้นมีผลมากเพียงใด แม้ว่าจะใช้สิ่งมีชีวิตในการทดลองยาเหล่านั้นมาก่อน แต่การตอบสนองของสิ่งมีชีวิตกับมนุษย์นั้นไม่ได้เหมือนกันโดยสมบูรณ์ ทุกปีจึงมีคนมากมายต้องตายเพราะการทดสอบประสิทธิภาพของยาชนิดใหม่

“ใช่ นอกจากต้องการฝึกฝน ข้ายังจำเป็นต้องมีผู้ช่วย ข้าไม่สามารถทำคนเดียวได้” การผ่าตัดหัวใจนั้นก็ไม่ได้ต่างกับการผ่าตัดชนิดอื่น หลังจากเปิดทรวงอกออกมาแล้ว มันจำเป็นต้องแข่งกับเวลา นางไม่สามารถทำเรื่องทั้งหมดด้วยตัวคนเดียวได้

“เรื่องนี้เจ้าวางใจ ข้าได้เตรียมผู้ช่วยไว้ให้เจ้าแล้ว” ผู้ช่วยเป็นใคร แม้ว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่ได้พูดออกมา แต่เสด็จอาเก้าก็รู้ว่านางต้องการใคร

เฟิ่งชิงเฉินได้ยินเสด็จอาเก้าพูดออกมาเช่นนี้ นางรู้สึกโล่งใจในทันใด ในที่สุดซือสิงก็กลับมาแล้ว ถือเป็นเรื่องที่น่าดีใจเรื่องหนึ่ง

เมื่อเห็นว่าเฟิ่งชิงเฉินผ่อนคลาย สีหน้าของเสด็จอาเก้าก็ดุอ่อนโยนขึ้นมาก เขาไม่ต้องการบังคับเฟิ่งชิงเฉิน แต่บนหากถามว่าบนโลกใบนี้ยังมีใครสามารถช่วยชีวิตขององค์รัชทายาทได้ เช่นนั้นคงมีแต่เฟิ่งชิงเฉิน เนื่องจากเขาได้ยินเฟิ่งชิงเฉินพูดออกมาด้วยหูของเขาเองว่า หัวใจสามารถซ่อมแซมได้

เสด็จอาเก้าเตรียมการไว้เป็นอย่างดี ไม่ได้พูดคุยอะไรกับเฟิ่งชิงเฉินมาก เมื่อเรือเทียบท่า กรงกระต่ายจำนวนมากถูกนำขึ้นมา เนื่องจากเขาเคยเห็นเฟิ่งชิงเฉินทำการฝึกฝนโดยใช้กระต่ายตอนที่อยู่ในจวนเฟิ่ง

เฟิ่งชิงเฉินเห็นกระต่ายเหล่านั้น น้ำตานางก็ไหลออกมา “เสด็จอาเก้า ข้าลืมบอกท่านไป บ้าไม่สามารถลงมือบนเรือได้” บนเรือ ในตอนที่มีกระแสน้ำ เรือจะไม่สมดุล นางไม่สามารถลงมีดได้

“......” เส้นเลือดสีดำปรากฏบนใบหน้าของเสด็จอาเก้า เขาสั่งให้คนนำกระต่ายพวกนี้ไปเลี้ยง เมื่อเห็นสภาพของกระต่ายเหล่านี้ เขาก็อยากกินเนื้อกระต่ายขึ้นมา และมันก็ถือว่าไม่ทำให้เสียวัตถุดิบไปโดยเปล่าประโยชน์

เฟิ่งชิงเฉินไม่สามารถทำการฝึกฝนบนเรือได้ แน่นอนว่าจำเป็นต้องเพิ่มความเร็ว หลังจากผ่านไปห้าวันห้าคืน เสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินก็มาถึงจุดที่นับพบกับองค์รัชทายาทไว้ แต่องค์รัชทายาทยังมาไม่ถึง ซุนซือสิงเองก็ยังมาไม่ถึงเช่นกัน

หลังจากเสด็จอาเก้าจัดเตรียมทุกอย่างให้กับเฟิ่งชิงเฉินเป็นอันเรียบร้อย เขาก็ไม่ถามอะไรออกมาอีก แม้เฟิ่งชิงเฉินจะไม่ได้นำอะไรติดตัวมา แต่เมื่อหันกลับไปก็มีกล่องเครื่องมือปรากฏออกมา เสด็จอาเก้าเองก็ไม่ได้ถามอะไรสักคำ

เฟิ่งชิงเฉินเข้าใจว่าเฟิ่งชิงเฉินต้องรู้อะไรบางอย่าง ทั้งสองคนเข้าใจกันโดยปริยาย ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนเอง เสด็จอาเก้าสั่งให้คนไปสืบหาที่อยู่ขององค์รัชทายาท ส่วนเฟิ่งชิงเฉินก็กำลังฝึกฝนกับสิ่งที่มีเพื่อรอการผ่าตัดที่เสด็จอาเก้าจัดเตรียมไว้ให้ในห้อง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ