นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1013

สรุปบท บทที่ 1013 จักรพรรดิโกรธ,จักรพรรดิเริ่มร้อนรน: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

สรุปตอน บทที่ 1013 จักรพรรดิโกรธ,จักรพรรดิเริ่มร้อนรน – จากเรื่อง นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย

ตอน บทที่ 1013 จักรพรรดิโกรธ,จักรพรรดิเริ่มร้อนรน ของนิยายInternetเรื่องดัง นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดยนักเขียน อาช้าย เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

เสด็จอาเก้าไม่เพียงมาถึงซานตงอย่างปลอดภัย แต่ยังเริ่มแผนการอย่างรวดเร็ว แต่ในเรื่องของกรมคลังกลับยังไม่มีความคืบหน้า

เฉาซ่างซู่แห่งกรมคลังยังไม่ยอมออกหน้ามาถึงเวลานี้ ในรัฐบาลที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย เสนาบดีแต่ละคนต่างตกอยู่ในอันตราย สถานการณ์เลวร้ายขึ้นเรื่อย ๆ ขุนนางผู้มีหน้าที่ตรวจสอบเริ่มเข้าใจอย่างลึกซึ้งมากขึ้น ขุนนางบางแห่งไม่สามารถอยู่รอดต่อไปได้ ใบหน้าของจักรพรรดิก็เริ่มดูไม่ได้ขึ้นเรื่อย ๆ

หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ทุกคนคงไม่ยุ่งเกี่ยวกับบ้านเมืองและเอาแต่เป็นกังวลเรื่องของการตรวจสอบจากกรมคลัง

จักรพรรดิรู้ว่าเรื่องนี้จำเป็นจะต้องมีผลลัพธ์ที่ชัดเจน ไม่เช่นนั้นจะทำให้ทางการไม่มั่นคง เขาไม่มีเวลามากพอในการจัดการกับกลุ่มลึกลับที่ซ่อนตัวอยู่ในเมืองหลวง ก็คงไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะไปจัดการเรื่องของเสด็จอาเก้าที่ซานตง

จักรพรรดิรักษาคำสัญญา ตอนแรกจักรพรรดิสั่งให้กรมคลังทำการตรวจสอบบัญชีของขุนนางแต่ละตระกูล เรื่องทุกอย่างดำเนินการมาถึงขั้นนี้ จักรพรรดิไม่สามารถบอกให้หยุดลงได้แม้ว่าเป็นความต้องการของเขาก็ตาม

หลักฐานมากมายกองอยู่ตรงหน้า หากเวลานี้จักรพรรดิไม่ยอมทำให้เรื่องนี้จบลง เหล่าเสนาบดีใหญ่คงกังวลเกี่ยวกับการตรวจสอบของจักรพรรดิในอนาคต เรื่องของกรมคลังจำเป็นต้องหาแพะรับบาปออกมาให้จงได้ และสิ้นสุดเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด

เฉาซ่างซู่เป็นแพะรับบาปที่ถูกจักรพรรดิเลือกมาโดยตลอด แต่น่าเสียดายที่เฉาซ่างซู่เองก็ไม่ธรรมดา เขาอ้างว่าตนเองป่วยและไม่ยอมออกหน้า จักรพรรดิเห็นแก่ที่เฉาซ่างซู่เป็นขุนนางอาวุโสที่อยู่มาถึงสองราชสำนัก เขาจึงต้องระงับอารมณ์และอดทน แต่เมื่อเสด็จอาเก้าไปถึงซานตงอย่างปลอดภัย ความอดทนของจักรพรรดิก็หมดลง ประกอบกับหลักฐานมากมายตรงหน้า จักรพรรดิไม่สามารถเห็นแก่หน้าเฉาซ่างซู่ได้อีกต่อไป

ในตอนเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น จักรพรรดิตำหนิกรมคลังในการประชุมราชสำนักในช่วงเช้า กล่าวถึงเรื่องการทุจริตในท้องพระคลัง โยนความผิดในเรื่องของการทุจริตทั้งหกกรมให้ตกเป็นของกรมคลัง และยังต้องการให้กรมคลังแสดงหลักฐานทางบัญชีตามกำหนดเวลา

จากการตรวจสอบที่ผ่านมาของลั่วอ๋อง กรมคลังสูญเสียเงินไปอย่างน้อยสามสิบล้านตำลึง แต่เงินจำนวนดังกล่าวไม่ใช่เงินที่เสด็จอาเก้าเป็นคนนำไป มันคือเงินที่อยู่ในการดูแลเรื่องภัยพิบัติน้ำท่วมในเจียงหนาน

แน่นอนว่าเงินจำนวนดังกล่าวไม่ใช่เงินที่เกิดจากการทุจริต แต่เป็นเงินที่เกิดจากการดำเนินการที่ผิดจากกฎเกณฑ์ของกรมคลัง เนื่องจากพวกเขาเคลื่อนย้ายเงินก่อนได้รับการอนุญาตจากจักรพรรดิ ทำให้บัญชีไม่ตรงกับความเป็นจริง

ลั่วอ๋องรับรู้ถึงความผิดพลาดอันยิ่งใหญ่ของกรมคลัง จักรพรรดิจึงใช้โอกาสนี้กล่าวหากรมคลัง ต้องการให้กรมคลังออกมารับผิด ซ่างซู่ของกรมคลังไม่อยู่ ความโชคร้ายจึงตกมาอยู่ที่รองซ่างซู่ เขาทำได้เพียงก้าวออกมารับคำตำหนิอันเยือกเย็นจากจักรพรรดิ เขาอยากจะเอ่ยปากอธิบายหลายครั้ง แต่จักรพรรดิกลับไม่มอบโอกาสให้เขาเลย

หลังจากระบายความโกรธเป็นอันเรียบร้อย จักรพรรดิทรงประการเลิกการประชุมพระราชสำนัก ทำให้เหล่าเสนาบดีมองหน้ากันด้วยความตะลึง

“แม้ว่าเรื่องที่เฉาซ่างซู่ทำลงไปครั้งนี้มันจะ......มันจะอยู่เหนือกฎเกณฑ์ แต่ทั้งหมดก็เพื่อประชาชน” ขุนนางท่านหนึ่งกล่าวเสียงเบาออกมา รู้สึกสงสารเฉาซ่างซู่ในใจ ในฐานะขุนนางอาวุโสสองราชสำนัก เฉาซ่างซู่ทำงานอย่างเป็นธรรม จัดการเกี่ยวกับกรมคลังได้อย่างยอดเยี่ยม แต่กลับไม่เคยถูกพระทัยของจักรพรรดิเลยแม้แต่น้อย

“เฮ้อ กรมคลังทำเรื่องเช่นนี้อยู่บ่อย ๆ ก่อนหน้านี้ไม่มีปัญหาใด ๆ การแก้ปัญหาน้ำท่วมในเจียงหนาน ปกติทุกปีก็จะใช้เงินประมาณสามสิบล้านตำลึง และจักรพรรดิทรงอนุญาตทุกปี แต่หากรอคำอนุญาตจากจักรพรรดิ ประกอบกับกระบวนการต่าง ๆ เกรงว่าเมื่อเงินจำนวนนี้ไปถึง เจียงหนานก็คงประสบกับภัยพิบัติน้ำท่วมไปแล้ว เมื่อก่อนกรมคลังก็ปฏิบัติเช่นนี้มาโดยตลอด นำเงินออกไปช่วยเหลือเพื่อป้องกันและหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุการณ์เลวร้าย จากนั้นค่อยรับการอนุญาตจากจักรพรรดิ และดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป จากนั้นเรื่องทุกอย่างก็จบลงโดยไม่มีข้อผิดพลาดใด ๆ แต่ปีนี้จักรพรรดิกลับถูกจักรพรรดิตรวจสอบ เฉาซ่างซู่ช่างโชคร้ายเหลือเกิน”

“ครั้งนี้เกรงว่าคงถึงคราวของเฉาซ่างซู่แล้ว” ขุนนางบางคนจับกลุ่มคุยกันสองถึงสามคน ในคำพูดของพวกเขาไม่มีความเสียใจเลยแม้แต่น้อย มีแต่ร่องรอยของความดีใจ ดีใจที่จักรพรรดิโยนความผิดทั้งหมดให้แก่เฉาซ่างซู่ เช่นนี้พวกเขาก็ไม่ต้องกังวลว่าจักรพรรดิจะสืบสวนและเอาผิดพวกเขาอีกต่อไปแล้ว

จักรพรรดิได้ตัดสินไปแล้วว่าทั้งหมดเป็นความผิดของกรมคลัง การลงโทษ จะไม่ลงโทษถึงสองฝ่ายในคราวเดียว เมื่อถึงเวลาก็แค่ให้กรมคลังออกมารับโทษก็เพียงพอแล้ว

ในฐานะเสนาบดีจำเป็นต้องเรียนรู้ความคิดของจักรพรรดิ ครั้งนี้จักรพรรดิเปิดเผยความคิดของเขาออกมาอย่างชัดเจน เหล่าขุนนางผู้ชาญฉลาดอย่างพวกเขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไร เหล่าขุนนางที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเฉาซ่างซู่ เมื่อเสร็จการประชุมทางราชสำนักแล้ว พวกเขาจึงเดินทางไปหาเฉาซ่างซู่เพื่อแนะนำให้เฉาซ่างซู่ถอนตัวออกจากตำแหน่ง

จักรพรรดิประกาศอย่างชัดเจนว่าเขาต้องการให้เฉาซ่างซู่ออกจากตำแหน่ง และต้องการให้ตำแหน่งของกรมคลังว่างเปล่า

“ต้องการให้ข้าออกจากราชสำนัก?” รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉาซ่างซู่แข็งทื่อในทันใด จากนั้นกล่าวออกมาอย่างโศกเศร้า “คุณชายใหญ่โปรดไปทูลฝ่าบาท ข้าไม่มีวันออกจากราชสำนัก”

หวังจิ่นหลิงส่ายหน้า “เหตุใดใต้เท้าจึงต้องทรมานตนเองด้วย มาถึงขั้นนี้แล้ว ท่านจะยังทนต่อไปได้นานอีกแค่ไหน?”

จักรพรรดิทรงประกาศอย่างชัดเจนถึงความผิดของกรมคลัง และต้องการให้เฉาซ่างซู่แสดงตัวออกมาเพื่อยอมรับความผิดทั้งหมด และบอกเป็นนัยว่าเพียงแค่เฉาซ่างซู่ปรากฏตัวออกมา เรื่องทุกอย่างก็จะจบลงแต่เพียงเท่านี้

เวลานี้ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายของจักรพรรดิ ฝ่ายของลั่วอ๋อง หรือเป็นฝ่ายขององค์รัชทายาทและเสด็จอาเก้า เพื่อความปลอดภัยของตนเอง พวกเขาต้องการโยนความผิดทั้งหมดให้แก่กรมคลังเพื่อเอาตัวรอด หากเฉาซ่างซู่ไม่ปรากฏตัวออกมา เขาจะตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสาธารณชน

“น้ำใจของคุณชายใหญ่ ข้าได้รับมันไว้แล้ว แต่ข้าเองก็ได้ตัดสินใจไปแล้วเช่นกัน” เฉาซ่างซู่ส่ายหน้า ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโศกเศร้าแต่มีความสุข ราวกับพร้อมและเต็มใจที่จะตาย

หวังจิ่นหลิงเห็นเช่นนั้น เขารู้สึกไม่สบายใจ กล่าวออกมาอีกครั้งว่า “ใต้เท้า ครั้งนี้ฝ่าบาทตัดสินใจที่จะดึงกรมคลังกลับมาไว้ในกำมือ หากท่านยืนกรานที่จะต่อต้าน มันก็มีแต่ทำให้จักรพรรดิไม่พอใจเท่านั้น ต่อให้ท่านไม่ถอย ท่านก็ต้องถอย ถึงเวลานั้นไม่แน่อาจจะส่งผลกระทบต่อครอบครัวของท่าน”

หากเฉาซ่างซู่ยอมถอยตอนนี้ จักรพรรดิก็จะไว้ชีวิตเขา และหกกรมที่เหลือก็จะช่วยพูดออกมาแทนเขา เพราะเนื่องจากนิสัยและการกระทำของเขาถึงสามารถปกป้องชีวิตของประชาชนไว้ได้จำนวนมาก แต่หากเขาฝืนทนต่อไป ถึงเวลานั้นอย่าว่าแต่จักรพรรดิจะไม่พอใจเฉาซ่างซู่เลย หกกรมที่เหลือก็ไม่อาจฝืนลิขิตสวรรค์และช่วยเหลือเขาได้

เมื่อเวลานั้นมาถึง เฉาซ่างซู่คงมีจุดจบอย่างน่าอนาถ......

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ