นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1014

เฉาซ่างซู่เข้าใจในคำพูดของหวังจิ่นหลิง ที่จริงเฉาซ่างซู่เองก็ครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องถอนตัวออกจากราชสำนักมาโดยตลอด ก่อนที่เสด็จอาเก้าจะเสด็จออกไปจากเมืองหลวง เสด็จอาเก้าก็เคยเตือนเขาไว้ ให้เขาหาโอกาสในการมอบกรมคลังคืนกลับไปให้จักรพรรดิ ความอดทนที่จักรพรรดิมีต่อเขามาถึงขีดสุดแล้ว เพียงแต่......

“ตั้งแต่จักรพรรดิองค์ก่อน ข้าเป็นคนจัดการเกี่ยวกับกรมคลังมาโดยตลอด จากเหตุสงครามหลายปีก่อนหน้านี้ ทำให้ต้องสูญเสียงบประมาณจำนวนมาก แม้ทางด้านของเจียงหนานจะร่ำรวย แต่ก็ไม่อาจเก็บภาษีได้ เนื่องจากเจียงหนานจำเป็นต้องใช้เงินไปกับการป้องกันน้ำท่วมในทุกปี กรมแรงงาน กรมกลาโหม ไม่ว่าจะกองกรมไหนต่างต้องการใช้เงิน ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา ท้องพระคลังว่างเปล่า มีเงินเหลือเพียงไม่มาก และก่อนหน้านั้น จักรพรรดิยังมีความคิดที่จะก่อสงคราม ข้าได้พูดกับจักรพรรดิ กรมคลังไม่มีเงินสำหรับการสนับสนุนสงคราม แต่จักรพรรดิกลับคิดว่าข้าขัดขวางการขยายอำนาจของเขา”

ดวงตาคู่นั้นของเฉาซ่างซู่เป็นสีแดง มีน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาที่ขุ่นมัวของเขา “ทุกคนต่างคิดว่านี่คือยุคสมัยแห่งความสงบสุขและรุงเรื่อง แต่จะมีใครรู้ว่าราชสำนักยากจนเพียงใด ข้าไม่ได้ยึดติดกับอำนาจหรือความมั่งคั่ง เพียงแต่ข้าไม่อาจปล่อยมันไปได้”

ไม่สามารถละทิ้งกรมคลังที่ตนเองดูแลมาเป็นเวลาหลายปี ไม่สามารถละทิ้งประชาชนในใต้หล้า และไม่สามารถละทิ้งหน้าที่ของตนเองได้

เมื่อพูดจบ เฉาซ่างซู่ก็ไม่อาจกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ น้ำตาของเขาไหลพรากออกมา

แต่น่าสงสาร......

หวังจิ่นหลิงส่ายหน้า ความสงสารในแววตาของเขาในตอนแรกหายไปในชั่วพริบตา

เรื่องของคอกม้า เสด็จอาเก้าได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว แต่มันจะเป็นอย่างไรต่อไป เวลานี้เสด็จอาเก้าอยู่ในดินแดนห่างไกลอย่างซานตง ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนของเขา

หวังจิ่นหลิงรู้แผนการของเสด็จอาเก้าดี เห็นว่าทุกอย่างนั้นอยู่ในการคาดเดาของเสด็จอาเก้า เขาจึงไม่ได้ยื่นมือเข้ามายุ่ง เพียงแค่จับตาดูอย่างเยือกเย็นเท่านั้น และเมื่อเห็นความล้มเหลวในการตรวจบัญชีของลั่วอ๋อง เขาก็รู้สึกอับอายแทน

ทุกอย่างเป็นไปตามที่คาดไว้ จนกระทั่งได้เจอกับเฉาซ่างซู่ ด้วยความดื้อรั้นของเขาทำให้จักรพรรดิต้องเสียหน้าถึงสามครั้ง และเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเกิดความคาดหมายของพวกเขา หวังจิ่นหลิงจึงต้องปรากฏตัวออกมา แต่ผลลัพธ์ที่ได้......

เฉาซ่างซู่ไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น เฉาซ่างซู่ไม่สนใจในอำนาจ ไม่สนใจในทรัพย์สิน เขาเป็นเพียงขุนนางที่ทำหน้าที่โดยชอบธรรมและทำทุกอย่างเพื่อประชาชนเท่านั้น

หวังจิ่นหลิงรู้ว่าต่อให้เขาพูดออกไปมากแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์ รอให้เฉาซ่างซู่สงบสติอารมณ์ หวังจิ่นหลิงก็ไม่ได้พูดเรื่องที่เป็นทางการกับเขา เขาเพียงพูดคุยเรื่องทั่วไปกับเฉาซ่างซู่ จากนั้นก็บอกลา

ทันทีที่กลับมาถึงจวน หวังจิ่นหลิงเขียนจดหมายลับถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในคอกม้าและส่งไปให้เสด็จอาเก้า อยากรู้ว่าเสด็จอาเก้ามีความคิดเช่นไร เนื่องจากเหตุการณ์และความวุ่นวายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเมืองจักรพรรดิ เสด็จอาเก้าวิเคราะห์และคาดการได้แม่นยำกว่าเขามาก

ในขณะเดียวกัน นอกจากจดหมายของหวังจิ่นหลิง ยังมีจดหมายของซีหลิงเทียนอวี่ด้วย ก่อนหน้านี้เสด็จอาเก้าหายไปในทะเลเป็นเดือน ซีหลิงเทียนอวี่จึงไม่สามารถติดต่อกับเขาได้ เมื่อได้ยินว่าเสด็จอาเก้าเดินทางไปถึงซานตงแล้ว เขาถึงให้คนส่งจดหมายลับไปให้

นอกจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคิดม้า หวังจิ่นหลิงยังเขียนถึงเรื่องการจัดการกับเหล่าบัณฑิตที่สอบผ่านการคัดเลือกขุนนางในครั้งนี้ด้วย

คุณชายตระกูลขุนนางใหญ่อย่างหวังเซี่ย แน่นอนว่าได้ทำงานอยู่ในเมืองหลวง ส่วนบัณฑิตยากจนคนอื่น ๆ ที่อยู่ฝ่ายเสด็จอาเก้า พวกเขาทั้งหมดถูกส่งไปยังเมืองยากจนในฐานะขุนนางระดับเก้า

ส่วนบัณฑิตยากจนและลูกหลานของขุนนางที่จักรพรรดิถูกใจ พวกเขาถูกจัดให้ไปอยู่ในพื้นที่เจริญ และดูเหมือนว่าเป็นประโยชน์ต่อการใช้งาน

การเคลื่อนไหวของจักรพรรดิไม่ใช่เพียงการเพาะเลี้ยงเด็กที่มีพรสวรรค์เท่านั้น แต่ยังเป็นการประกาศให้ทุกคนได้รับรู้ ใครก็ตามที่คิดจะต่อต้านเขา ไม่มีทางจบลงด้วยดีเป็นแน่ ต่อให้คนของเสด็จอาเก้าสอบผ่านเข้ามาได้แล้วอย่างไร พวกเขาก็ไม่มีโอกาสที่จะได้แสดงความสามารถเหมือนกับความทะเยอทะยานของพวกเขา

ด้วยวิธีการของจักรพรรดิ แม้มันจะดูเหมือนใช้อารมณ์และโชคชะตา แต่มันก็ได้ผลจริง ๆ แววตาอันเยือกเย็นของเสด็จอาเก้าเผยให้เห็นถึงความเย้ยหยัน

เขากำลังกังวลว่าอาจจะมีผู้รับใช้ไม่เพียงพอ แต่จักรพรรดิกลับมอบโอกาสอันงดงามให้กับเขา อยู่ในเมืองยากจนหรือเขตเล็ก ๆ แล้วอย่างไร ภูเขาสูงห่างไกลจากจักรพรรดิ หากไร้ซึ่งการเฝ้ามองของจักรพรรดิ การที่คนเหล่านี้จะได้เลื่อนตำแหน่งมันก็ไม่ใช่เรื่องยาก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ