ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีกล่าวว่าดวงตาของจิ่นหลิงจะไม่มีวันมองเห็นได้อีก
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขาจะกล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเฟิ่งชิงเฉินอีกได้อย่างไร
พอถึงเวลานางขายหน้าเป็นเรื่องเล็ก แต่หน้าตาของตระกูลหวังและจิ่นหลิงไม่เหลือหลอแล้ว นั่นต่างหากที่จะเป็นเรื่องใหญ่
อวี่เหวินหยวนฮั่วกำลังจะบอกหวังซู่ว่านี่เป็นพระราชบัญชาของจักรพรรดิ แม้ว่าเขาจะไม่เห็นด้วยก็ไม่มีทางอื่น แต่หวังจิ่นหลิงกลับปรากฏตัวขึ้นที่ประตูและพูดอย่างหนักแน่น "ท่านพ่อ ข้าเห็นด้วย ข้าเชื่อในตัวเฟิ่งชิงเฉิน นางจะต้องสามารถรักษาดวงตาของข้าได้อย่างแน่นอน"
พร้อมกับหวังชี หวังจิ่นหลิงเดินเข้ามาในห้องอย่างสง่างาม ท่าทางผ่อนคลายนั้นดูไม่ออกเลยว่าดวงตาของเขามีปัญหาและยิ่งดูไม่ออกว่าเขาถูกโจมตีด้วยเรื่องนี้
หวังจิ่นหลิง ชายผู้นี้เกิดมาเพื่อเป็นชายสูงศักดิ์ แม้แต่ในห้องที่ทรุดโทรมก็ไม่ได้บดบังความสง่างามของเขาได้เลย
หลังจากที่ทักทายอวี่เหวินหยวนฮั่วแล้ว หวังจิ่นหลิงก็นั่งลงตรงข้ามเฟิ่งชิงเฉิน
"ชิงเฉิน ในที่สุดข้าก็โล่งใจที่เห็นเจ้าออกมาจากหน่วยองครักษ์เสื้อโลหิตได้อย่างปลอดภัย"
"เฟิ่งชิงเฉิน หลายวันมานี้พี่ใหญ่ของข้ากังวลใจแทบแย่" วงชมองเฟิ่งชิงเฉินอย่างตำหนิ
ถ้าเฟิ่งชิงเฉินไม่ออกมาอีก พี่ชายคนโตจะไปหาเจ้าหญิงอันผิง
"จิ่นหลิง ข้าขอโทษที่ทำให้เจ้าต้องกังวล" เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกผิด
"ชิงเฉินสบายดีก็พอแล้ว" หวังจิ่นหลิงยังคงมีรอยยิ้มอบอุ่นบนใบหน้า เขาไม่ต้องการให้เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าเขาทำอะไรเพื่อนางบ้าง
"ข้าสบายดี ข้าไม่ได้ถูกทรมานในหน่วยองครักษ์ ตอนนี้ข้าออกมาอย่างปลอดภัยแล้ว ข้ากำลังปรึกษาใต้เท้าหวังเกี่ยวกับเรื่องการรักษาดวงตาของเจ้า" ใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินแจ่มใสขึ้น แต่ไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้าของนาง
เรื่องที่เกิดขึ้นกับซุนยี่จิ่นคือบาดแผลในใจของนาง
"เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าน่าทึ่งยิ่งนักที่ไม่ได้รับการทรมานในหน่อยองครักษ์เสื้อโลหิต รีบบอกพวกเรามาเถอะว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าในนั้น" หวังชีรู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินตั้งใจพูดเพื่อไว้หน้า
คุณชายตระกูลใหญ่ ใครบ้างเล่าจะไม่มากฝีมือ
หวังซู่ก็อยากรู้เรื่องนี้เป็นอย่างมากและจ้องไปที่หวังชี แต่ก็ไม่ได้ตำหนิเขา
เมื่อเฟิ่งชิงเฉินเห็นดังนั้นจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในหน่วยองครักษ์เสื้อโลหิตอีกครั้งและเน้นย้ำอีกครั้งว่านางรักษาอาการเจ็บป่วยของลู่เส้าหลินจนหาย
ส่วนเรื่องเป็นโรคอะไรนั้นไม่ได้กล่าวถึง
คนตระกูลหวังเข้าใจดีว่าเรื่องนี้ไม่ควรถาม
แต่ทว่าสิ่งที่หวังซู่สนใจกลับเป็นองค์ชายเก้า
เมื่อมองไปที่เฟิ่งชิงเฉินอย่างครุ่นคิด ในใจเขาก็สงสัยว่าเขาจะสามารถติดต่อกับองค์ชายเก้าผ่านทางเฟิ่งชิงเฉินได้หรือไม่
ถ้าเขาสามารถเข้าเป็นพวกขององค์ชายเก้าได้ ตระกูลหวังต้องสามารถพลิกชะตากลับมาได้แน่
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของหวังซู่ก็ดีขึ้นเล็กน้อย เฟิ่งชิงเฉินก็ดูน่าพึงพอใจขึ้นอีกเล็กน้อย
ไม่ว่าจะว่าอย่างไร หญิงสาวผู้ก็นี้ยังมีความสามารถอยู่บ้าง
หวังซู่หยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมาและถามอย่างไม่ใส่ใจว่า "ดูแล้ว แม่นางเฟิ่งมั่นใจว่าจะรักษาดวงตาของจิ่นหลิงได้เช่นนั้นหรือ?"
เมื่อเห็นหวังซู่คลายความระมัดระวังตัวลง เฟิ่งชิงเฉินก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
"ใต้เท้าหวัง ท่านวางใจได้เลย ชิงเฉินมีความมั่นใจถึงเกาส่วนว่าจะสามารถรักษาตาของคุณชายใหญ่ได้"
"ช่างมั่นใจเสียเหลือเกิน" แม้จะพูดเช่นนี้แต่หวังซู่กลับมีท่าทางสงบนิ่ง
"ชิงเฉินกล้าพูดเช่นนี้ย่อมมีความมั่นใจ ใต้เท้าหวัง ยามนี้ชิงเฉินย่อมไม่เอาชื่อเสียงของตระกูลหวังมาล้อเล่นแน่ ใต้เท้าหวังคิดว่าทำไมแม่ทัพอวี่เหวินจึงได้ปรากฏตัว?"
"ทำไมหรือ?"
"เพราะว่าเรื่องที่ชิงเฉินจะรักษาตาให้คุณชายใหญ่ได้มาถึงหูของฝ่าบาทแล้ว" เฟิ่งชิงเฉินกล่าวขณะมองที่หวังซู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ