นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1022

ปกติแล้วสาวใช้ทั้งสองไม่มีทางยกเก้าอี้ตัวใหญ่ขนาดนี้ขึ้นมาได้ แต่เวลานี้สาวใช้ไม่เพียงแต่ยกมันขึ้นมาเท่านั้น แต่นางยังขว้างมันไปทางศีรษะของเฟิ่งชิงเฉิน ทำให้รับรู้ได้ทันทีว่า สาวใช้ต้องการเอาชีวิตของเฟิ่งชิงเฉินมากน้อยเพียงใด

เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าเก้าอี้ดังกล่าวนั้นหนักแค่ไหน หากถูกเก้าอี้ตัวดังกล่าวกระแทกเข้ากับร่างกาย ต่อให้ไม่ตายก็บาดเจ็บสาหัส เฟิ่งชิงเฉินจึงรีบหลบในทันที แต่ในตอนนั้นเอง จู่ ๆ ชายชุดดำผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวออกมาด้านหน้าของเฟิ่งชิงเฉิน และกอดร่างของเฟิ่งชิงเฉินไว้......

มีเพียงเสียงแตกหักของเก้าอี้ตัวดังกล่าวเท่านั้น สาวใช้กรีดร้องออกมา และล้มลงไปบนพื้น

เฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในตอนที่กำลังเงยหน้าขึ้นมองว่าใครเป็นคนช่วยนาง แต่จู่ ๆ นางก็รู้สึกเจ็บหลัง แววตาพร่ามัว ร่างกายอ่อนแรงและควบคุมไม่ได้

ชายชุดดำอุ้มเอวของเฟิ่งชิงเฉิน จากนั้นยกร่างของนางขึ้นไว้บนบ่า หันหลังและจากไป ในตอนที่เสด็จอาเก้ามาถึงเขาก็เห็นแค่เพียงร่องรอยของชายชุดดำที่หายไปจากสวนฮวาหยวนพอดี

เสด็จอาเก้ารีบไล่ตามออกไป แต่วิชาตัวเบาของอีกฝ่ายนั้นไม่ธรรมดา ประกอบกับระยะห่างที่ไกลกันมาก ทำให้เสด็จอาเก้ามองไม่เห็นแม้แต่เงาของอีกฝ่าย

ช่วยไม่ได้ เสด็จอาเก้าทำได้เพียงหันกลับมา เห็นสวนฮวาหยวนกำลังตกที่นั่งลำบาก เสด็จอาเก้าระงับความโกรธในหัวใจ “โจ่วอัน บอกข้าได้หรือไม่ เหตุใดเรื่องราวถึงเป็นเช่นนี้ได้?”

“หากข้าบอกว่านี่เป็นเหตุสุดวิสัย เจ้าจะเชื่อข้าหรือไม่?” โจ่วอันมองดูซากศพที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นและผงะอยู่ครู่หนึ่ง

เขายังไม่ทันลงมือ คนพวกนี้ปลิดชีพตนเอง นี่มันเป็นการท้าทายเกินไปหรือเปล่า

“เหตุสุดวิสัย? ข้าเชื่อ เช่นนั้นเฟิ่งชิงเฉิน? เวลานี้นางอยู่ที่ไหน?” เสด็จอาเก้ากัดฟันและถามออกมา

“เรื่องนี้......” โจ่วอันคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ดูเหมือนว่าจะถูกหนึ่งในชายชุดดำเหล่านี้จับตัวไป”

“จับตัวไป? ชายชุดดำพวกนี้ไม่ได้ต้องการชีวิตของเฟิ่งชิงเฉินงั้นหรือ?” เสด็จอาเก้าชี้ไปยังเหล่าชายชุดดำที่เพิ่งจะฆ่าตัวตายเพราะภารกิจล้มเหลว และพูดอย่างเย็นชา

โจ่วอันพยักหน้าอย่างว่างเปล่า “ใช่”

“เช่นนั้นเจ้ามั่นใจหรือไม่ว่าชายชุดดำผู้นั้นพาตัวของเฟิ่งชิงเฉินไป แต่ไม่ได้สังหารนาง?” เสด็จอาเก้าถามออกมาอีกครั้ง

โจ่วอันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตอบกลับมาด้วยใบหน้าจริงจัง “ชายชุดดำผู้นั้นเข้ามาภายหลัง น่าจะไม่ใช่พวกเดียวกันกับเจ้าพวกนี้ ดูเหมือนว่าเขาช่วยชีวิตเฟิ่งชิงเฉินไว้ครั้งหนึ่ง เฟิ่งชิงเฉินตกอยู่ในมือของเขาน่าจะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต”

“หากเป็นเช่นนั้นคงดี ไม่เช่นนั้น......” เสด็จอาเก้าจ้องมองโจ่วอันด้วยสายตาอันเยือกเย็น และไม่สนใจเขาอีกต่อไป หันกลับไปพูดกับคนที่อยู่ด้านหลังว่า “ถ่ายทอดคำสั่งของข้าออกไป ปิดผนึกเมืองนี้ในทันที เข้าได้แต่ออกไม่ได้ ตรวจค้นให้ทั่วเมือง ไม่ว่าจะเป็นหรือตายก็ต้องพาตัวกลับมาให้ได้”

เสด็จอาเก้าเพิ่งจะพูดจบ เจ้าเมืองซานตงก็วิ่งเข้ามาด้วยความเหนื่อยหอบ ได้ยินคำพูดนี้ของเสด็จอาเก้า สิ่งแรกที่เขาตอบสนองคือต้องการปฏิเสธ แต่ด้วยสายตาที่เย็นชาของเสด็จอาเก้า เจ้าเมืองซานตงก็อ่อนข้อลงทันที และกล่าวเห็นด้วยซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“ฮึ......” เสด็จอาเก้าพ่นลมหายใจออกมาอย่างเยือกเย็น ดวงตาที่ไร้ซึ่งความอบอุ่นในตอนแรก เวลานี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความน่าหวาดกลัว เขาหันไปพูดกับเจ้าเมืองซานตงว่า “ในเขตอำนาจการปกครองของเจ้า มีคนบุกเข้าไปในบ้านและทำการฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยม เจ้าต้องให้คำอธิบายแก่ข้า ไม่อย่างนั้น......เจ้าก็อย่าหวังว่าจะได้เป็นเจ้าเมืองต่อไป”

ไม่มีการสนับสนุนจากตระกูลลู่ ตำแหน่งเจ้าเมืองของเขาอาจจะไม่มั่นคง แต่หากทำให้เสด็จอาเก้าขุ่นเคือง อย่างว่าแต่เจ้าเมืองซานตงเลย ชีวิตนี้ของเขาคงไม่อาจได้เป็นขุนนางอีกต่อไปแล้ว

เจ้าเมืองซานตงตกใจจนเหงื่อไหล ทำได้เพียงพยักหน้า

เจ้าเมืองซานตงรู้สึกว่าวิกฤตกำลังเข้ามาหาตัว เสด็จอาเก้าจัดงานเลี้ยงขึ้นในซานตง แต่กลับถูกคนเข้ามาทำลาย เรื่องนี้ไม่ว่าอย่างไรก็มองเหมือนว่ามีคนในซานตงกำลังไม่พอใจเสด็จอาเก้าอยู่

จะลงมือลับ ๆ อย่างไรนั้นไม่สำคัญ แต่การบุกเข้ามาทำเรื่องแบบนี้ในเวลากลางวันแสก ๆ มันไม่ใช่เพียงการตบหน้าเสด็จอาเก้าเท่านั้น แต่มันยังเป็นการตอบหน้าเจ้าเมืองซานตงด้วย

เจ้าเมืองซานตงแอบสาปแช่งตระกูลลู่อยู่ในใจ ไม่กล้ารอช้า รีบเดินทางออกจากสวนฮวาหยวนในทันที สั่งปิดผนึกเมือง ค้นหาให้ทั่ว ไม่ว่าต้องทำเช่นไรก็ต้องหาเฟิ่งชิงเฉินให้พบ

เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แน่นอนว่างานเลี้ยงวันเกิดจึงต้องจบลงแต่เพียงเท่านี้ ใบหน้าของเสด็จอาเก้าเต็มไปด้วยความมืดมน ทั่วทั้งร่างกายเต็มไปด้วยจิตสังหารอันเยือกเย็น ใครก็ตามที่มีตาก็รู้ได้ทันทีว่าเสด็จอาเก้าในเวลานี้ไม่อาจยั่วยุได้ ไม่นานสวนฮวาหยวนก็กลายเป็นสถานที่ว่างเปล่า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ