นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1037

สรุปบท บทที่ 1037 ค้าขาย,ถ้าจะตายก็ต้องตายในเมืองจักรพรรดิ: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

บทที่ 1037 ค้าขาย,ถ้าจะตายก็ต้องตายในเมืองจักรพรรดิ – ตอนที่ต้องอ่านของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

ตอนนี้ของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายInternetทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1037 ค้าขาย,ถ้าจะตายก็ต้องตายในเมืองจักรพรรดิ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

เป็นอย่างที่เสด็จอาเก้ากล่าวไว้ ท่านอ๋องสามตั้งใจจะเปิดเผยตัวตนของเขา เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าเสด็จอาเก้าจะคาดเดาตัวตนของเขาออกได้เร็วถึงเพียงนี้ มันก็เหมือนกับการบุกเข้าไปสังหาร วิธีการเปิดเผยและเที่ยงตรงเช่นนี้นั้นไม่เหมือนวิธีการของราชวงศ์ แต่ท่านอ๋องสามก็ไม่ได้รังเกียจแต่อย่างใด

ทั้งสองคนผลัดกันทดสอบซึ่งกันและกัน เจ้าโจมตีข้าป้องกัน เจ้าป้องกันข้าโจมตี ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดท่านอ๋องสามและเสด็จอาเก้าระมัดระวังตนเองเป็นอย่างมาก เนื่องจากสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการพูดคุยของพวกเขานั้นมันเกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้คนจำนวนมาก

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป หนึ่งชั่วโมงผ่านไป......

ในที่สุดการพูดคุยของเสด็จอาเก้าและท่านอ๋องสามก็จบลง และดูจากท่าทางของพวกเขา ดูเหมือนพวกเขาจะพึงพอใจเป็นอย่างมาก

คนรับใช้นำชาเข้ามาให้ในเวลาที่เหมาะสม เสด็จอาเก้ายกถ้วยชาขึ้นมา แต่ไม่ได้มีท่าทีว่าจะดื่มแต่อย่างใด ท่านอ๋องสามจิบชาและกล่าวออกมาว่า “ทำไมงั้นหรือ? กลัวข้าใส่ยาพิษ?”

“ใช่ ข้ากลัว” เสด็จอาเก้าวางถ้วยชาลงบนโต๊ะ และตัดสินใจว่าจะไม่ดื่มมัน

“กลัว? เจ้ากลัวอะไรงั้นหรือ? ข้างกายของเจ้าก็มีหมอซึ่งมีทักษะทางการแพทย์อันยอดเยี่ยมอยู่ไม่ใช่หรือไง มีนางอยู่ เจ้าจะต้องกลัวอะไร” ท่านอ๋องสามกล่าวอย่างฉุนเฉียว

เมื่อพูดถึงเฟิ่งชิงเฉิน สีหน้าของเสด็จอาเก้าก็นุ่มนวลลงไม่น้อย “เสด็จพี่สามประเมินนางสูงเกินไป ทักษะทางการแพทย์ของนางก็งั้น ๆ”

“งั้น ๆ อย่างนั้นหรือ? แต่งั้น ๆ ของเจ้ากลับสามารถรักษาขาทั้งสองข้างขององค์ชายอวี่ได้ สามารถทำให้องค์ชายอวี่เป็นประโยชน์กับเจ้าได้?” ท่านอ๋องสามไม่พอใจกับทัศนคติที่ปกปิดของเสด็จอาเก้าเป็นอย่างมาก น้ำเสียงของเขามีไอสังหารแอบแฝงอยู่ และไอสังหารนั้นก็มุ่งเป้าไปที่เฟิ่งชิงเฉิน

เสด็จอาเก้านึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองจักรพรรดิ คนของท่านอ๋องสามเคยมาตามเฟิ่งชิงเฉินเพื่อให้นางไปทำการรักษา แต่ผลลัพธ์ที่ออกมา เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ไปตามคำเรียกร้อง ใบหน้าของเขาจึงเคร่งขรึมขึ้นทันที พร้อมกับกล่าวอย่างเยือกเย็นว่า “เสด็จพี่ เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการค้าของพวกเรา”

เสด็จอาเก้าสวมชุดเกราะ ตอนแรกไอสังหารที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเขาก็น่ากลัวอยู่แล้ว แต่ในเวลานี้ เขารู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก ไอสังหารบนร่างกายของเขาก็น่าสะพรึงกลัวยิ่งขึ้น ถึงขั้นทำให้ท่านอ๋องสามรู้สึกตกใจ จากนั้นเขาจึงหัวเราะและพูดออกมาว่า “น้องเก้า พี่สามเลือกไม่ผิดจริง ๆ เจ้า......ช่างยอดเยี่ยม!”

จู่ ๆ ท่านอ๋องสามก็เปลี่ยนเรื่องคุย แต่เสด็จอาเก้าก็เข้าใจว่าท่านอ๋องสามนั้นพูดถึงอะไร มันก็คือข้อตกลงอันแปลกประหลาดที่พวกเขาเพิ่งพูดคุยกันเมื่อสักครู่

ท่านอ๋องสามยินดีที่จะมอบทหารที่เขาเป็นคนฝึกฝนออกมาด้วยตัวเองให้กับเสด็จอาเก้าจำนวนห้าหมื่นนาย สิ่งเดียวที่เขาต้องการก็คือ ต้องการให้เสด็จอาเก้าสร้างสุสานจักรพรรดิไว้บนยอดเขานอกเมือง ทำให้เขาสามารถมองเห็นได้ยามมองไปทางเมืองจักรพรรดิตงหลิง สามารถมองเห็นจุดจบจักรพรรดิได้หลังความตาย

แม้รู้ว่าเงื่อนไขที่ท่านอ๋องสามเสนออกมานั้นมันแสนง่ายดาย เพียงเพราะต้องการให้เขากับจักรพรรดิเป็นศัตรูกัน แต่เขากับจักรพรรดิก็เป็นศัตรูกันอยู่แล้ว ดังนั้น......

ข้อตกลงนี้ ไม่ว่าจะมองอย่างไรเสด็จอาเก้าก็รู้สึกว่าเขาไม่มีทางขาดทุน และแน่นอนว่าเสด็จอาเก้าไม่มีทางปฏิเสธ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเสด็จอาเก้าจะเชื่อในคำพูดของท่านอ๋องสาม

เขาเชื่อว่า จากการเคลื่อนไหวและฟักตัวของท่านอ๋องสามตลอดหลายปีที่ผ่านมา ในมือของเขาไม่มีทางมีทหารเพียงเท่านี้เป็นแน่ ต้องรู้ก่อนว่าความแข็งแกร่งของท่านอ๋องสามในเมืองจักรพรรดิเองก็ไม่ธรรมดา

แต่เกิดเป็นคนไม่อาจโลภมากเกินไปได้ ได้ทหารห้าหมื่นนายของอีกฝ่ายมาไว้ในมือ เท่านี้เสด็จอาเก้าก็รู้สึกพอใจมากพอแล้ว เขาคิดไม่ถึงเลยว่า การเดินทางมายังซานตงครั้งนี้ จะได้ประโยชน์มากมายถึงเพียงนี้ มีทหารส่วนตัวห้าหมื่นนายอยู่ในมือ เขาจะสามารถควบคุมซานตงไว้ในมือได้อย่างง่ายดาย จากนั้นก็ไปร่วมมือกับหนานหลิงจิ่นสิงเพื่อจัดการเมืองไถจง

เขาคิดว่าหนานหลิงจิ่นสิงเองก็น่าจะสนใจครึ่งหนึ่งของเมืองไถจง

ด้านนอก ไม่ว่าจะเป็นทหารส่วนตัวหรือทหารม้าทมิฬของเสด็จอาเก้า พวกเขาต่างตั้งหน้าตั้งตารอให้เสด็จอาเก้าปรากฏตัวออกมา หรือไม่ก็รอสัญญาณโจมตี ตั้งแต่วินาทีที่เสด็จอาเก้าเดินเข้าไป หัวใจของพวกเขาก็ไม่สามารถสงบลงได้เลย ด้านในมีอันตรายอะไรบ้างก็ไม่รู้ ต่อให้เป็นเสด็จอาเก้าที่เข้าไป แม้จะเป็นแมวเก้าชีวิตก็ไม่พอ

เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ แต่ความกังวลกลับไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย หากไม่ใช่เพราะระเบียบวินัยที่เข้มขนของเสด็จอาเก้า จึงทำให้ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งของเขา ทุกคนคงบุกเข้าไปด้านในตั้งแต่แรกโดยไม่สนใจสิ่งใด

หนึ่งชั่วโมง เสด็จอาเก้าเข้าไปด้านในแล้วหนึ่งชั่วโมงแต่ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวแต่อย่างใด หากยังไม่ออกมา พวกเขาคงสงสัยว่าเสด็จอาเก้าคงเสียชีวิตอยู่ด้านในอย่างไร้ซึ่งการตอบโต้

ทำเช่นไร? พวกเขาควรทำเช่นไร?

แปดแม่ทัพมองหน้ากัน หัวใจของพวกเขาร้อนรนจนแทบทนไม่ไหว แต่ไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหวแม้แต่ก้าวเดียว สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ประตูของสวนลู่ หวังว่าประตูจะเปิดออกพร้อมกับเสด็จอาเก้าที่เดินออกมา

ดังนั้นตอนที่ประตูของสวนลู่เปิดออกอีกครั้ง ทหารทั้งสี่พันคนจึงมองไปที่ประตูเพื่อเฝ้ารอผู้ที่ปรากฏตัวออกมา

เสด็จอาเก้าหันหลังกลับและลงจากแท่น เขากลับไปยังห้องหนังสือ นำเรื่องที่ท่านอ๋องสามยังไม่ตายและใช้ชีวิตอยู่ในซานตงเขียนลงบนกระดาษ จากนั้นรายงานไปยังจักรพรรดิ มันเป็นการบ่งบอกจักรพรรดิอย่างลับ ๆ ว่า กองกำลังลึกลับที่ซ่อนตัวอยู่ในเมืองจักรพรรดิก็คือกองกำลังของท่านอ๋องสาม ท่านอ๋องสามซ่อนตัวอยู่ในที่มืดมาโดยตลอด รอโอกาสที่จะทรยศ และผู้หญิงที่เข้ามาทำลายบ้านเมืองในปีนั้นก็คือฝีมือของท่านอ๋องสาม

การกบฏของตระกูลลู่นั้นคงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ประกอบกับข้อกล่าวหาการกักขังท่านอ๋องสาม ตระกูลลู่ไม่มีทางพลิกตัวได้เป็นแน่ และซานตง......ถือว่าความวุ่นวายได้เกิดขึ้นแล้ว จักรพรรดิจะเป็นผู้รับผิดชอบทุกอย่าง และจักรพรรดิก็ไม่มีทางปล่อยท่านอ๋องสามไปเป็นแน่

“เสด็จพี่สาม อย่าโทษน้องเก้าเลย หากโทษก็ต้องโทษที่เจ้าไร้ความน่าเชื่อถือมากเกินไป ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่ใส่ใจกับเรื่องที่ข้าขายเจ้าให้กับจักรพรรดิ” เสด็จอาเก้าเขียนข้อความลงบนกระดาษและปิดผนึกมัน และสั่งให้ลูกน้องของเขานำมันไปส่งยังเมืองจักรพรรดิทันที

ด้วยจดหมายฉบับนี้ ต่อให้เขาพลิกซานตงจนล่มสลาย จักรพรรดิก็ไม่มีทางถือโทษโกรธเขา จักรพรรดิเป็นหนามในใจของท่านอ๋องสาม เช่นเดียวกัน ท่านอ๋องสามเองก็เป็นหนามในใจของจักรพรรดิ พวกเขาทั้งสองเป็นเหมือนไม้เบื่อไม้เมาของกันและกันตลอดการ

ในขณะเดียวกัน เฟิ่งชิงเฉินและซูเหวินชิงอยู่นอกเมือง พวกเขาได้เผชิญหน้ากับพรรคพวกของท่านอ๋องสามที่หนีออกมาจากตระกูลลู่

“ท่านอ๋องสาม ข้ารอท่านมาอย่างช้านาน” เฟิ่งชิงเฉินนั่งบนหลังม้า มองท่านอ๋องสามที่ออกมาจากช่องทางลับ แล้วยิ้มอย่างมีเสน่ห์

สายตาซึ่งเหมือนประกายไฟอันพร่างพราว ทันทีที่ท่านอ๋องสามปรากฏตัวออกมา เขาก็รู้ทันทีว่าตนเองถูกล้อมไว้แล้ว และผู้นำของอีกฝ่ายก็คือผู้หญิงในชุดเกราะ แววตาของท่านอ๋องสามเต็มไปด้วยความตกใจ จากนั้นถามออกมาว่า “เจ้าคือเฟิ่งชิงเฉิน?”

สีหน้าของท่านอ๋องสามเปลี่ยนไปเล็กน้อย หากเฟิ่งชิงเฉินไม่สังเกตสีหน้าของเขาอยู่ตลอดเวลา นางคงมองไม่ออก

เฟิ่งชิงเฉินลงจากหลังม้าและคำนับท่านอ๋องสาม “ข้าคือเฟิ่งชิงเฉิน นี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบกัน ท่านอ๋องสามได้โปรดให้คำชี้แนะด้วย”

การนำทหารจำนวนมากมาปิดกั้นที่นี่ในเวลานี้ จุดประสงค์ของเฟิ่งชิงเฉินนั้นชัดเจนในตัวเอง

ท่านอ๋องสาม วันนี้เจ้าไม่มีทางหนีรอด เจ้าจะต้องทำตามข้อตกลงที่ให้ไว้กับเสด็จอาเก้า กลับเมืองจักรพรรดิไปพร้อมกับเสด็จอาเก้า!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ