นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1040

สรุปบท บทที่ 1040 เลือก,ความโลภจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

ตอน บทที่ 1040 เลือก,ความโลภจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง จาก นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1040 เลือก,ความโลภจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายInternet นางสนมแพทย์อัจฉริยะ ที่เขียนโดย อาช้าย เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ใช่ ยกที่ดินเพื่อเป็นการชดใช้ค่าเสียหายของสงคราม!

เวลานี้เสด็จอาเก้าไม่เคยคิดจะครอบครองเมืองไถจง ต่อให้เขาสามารถนำเมืองไถจงมาไว้ในมือได้ แต่จักรพรรดิแห่งตงหลิงและหนานหลิงก็คงไม่มีทางปล่อยให้เมืองไถจงตกอยู่ในเอื้อมมือของเขา

มีเมืองไถจงอยู่ อย่างน้อยเขตแดนระหว่างหนานหลิงกับซานตงของตงหลิงก็ยังมีเมืองไถจงคอยขวางกั้นอยู่ หากไม่มีเมืองไถจง ทั้งสองประเทศก็จะไม่มีสิ่งใดมาขวางกั้นพรมแดน หากเป็นเช่นนั้นทั้งสองประเทศก็ต้องส่งกองกำลังทหารจำนวนมากมาเฝ้าระวัง ทำให้ต้องสูญเสียทรัพยากรไปโดยไม่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นตงหลิงหรือหนานหลิง พวกเขาต่างต้องการให้เมืองไถจงทำหน้าที่ขวางกั้นอยู่ตรงกลางทั้งนั้น

หนานหลิงไม่ต้องการเมืองไถจง แต่ต้องการเพียงเมืองเล็ก ๆ ไม่กี่แห่งที่อยู่ใกล้ ๆ ส่วนเสด็จอาเก้านั้นต้องการเงิน เมื่อทั้งสองฝ่ายร่วมมือกัน หลังจากทำให้เมืองไถจงหวาดกลัว เขาก็จะสั่งให้เมืองไถจงยกดินแดนใกล้กับเขตหนานหลิงให้หนานหลิง ส่วนพวกเขาก็จะรับเป็นค่าปฏิกรรมสงคราม

หลังจากเรื่องนี้จบลง เสด็จอาเก้าเชื่อว่าเมืองไถจงไม่มีทางฟื้นตัวได้ในระยะเวลาเพียงสิบหรือยี่สิบปี และเขาสามารถรับประกันได้ว่า เขาสามารถครอบครองเมืองไถจงได้ภายในระยะเวลายี่สิบปีนี้!

เรื่องอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นล้วนอยู่ในการคาดเดาของเสด็จอาเก้า แต่เรื่องบาดแผลที่หัวไหล่ของเฟิ่งชิงเฉินกลับอยู่นอกเหนือการคาดเดาของเขา

“นี่มันผ่านมากี่วันแล้ว? เหตุใดบาดแผลถึงได้ดูแย่ลงขึ้นทุกวัน?” เฟิ่งชิงเฉินไม่ดีมีร่างกายที่วิเศษเหมือนกับเสด็จอาเก้า ความเร็วในการฟื้นตัวจากบาดแผลของนางก็เหมือนกับคนปกติทั่วไป เรื่องนี้เสด็จอาเก้าเองก็รู้ดี เขายอมรับได้ในเรื่องที่บาดแผลของเฟิ่งชิงเฉินนั้นฟื้นตัวช้า แต่เขาไม่สามารถรับได้เมื่อเห็นบาดแผลของเฟิ่งชิงเฉินนั้นรุนแรงขึ้น

ด้วยความรู้สึกผิด เฟิ่งชิงเฉินประจบสอพลอ “อากาศมันร้อน ทำให้บาดแผลอักเสบ”

ต่อให้ตายเฟิ่งชิงเฉินก็ไม่กล้าพูดออกมา ว่าทั้งหมดเป็นเพราะนางออกไปขวางท่านอ๋องสาม บาดแผลของนางจึงกำเริบถึงเพียงนี้

“งั้นหรือ?” เห็นได้ชัดว่าเสด็จอาเก้าไม่เชื่อ จับร่างของเฟิ่งชิงเฉินไว้ ถอดเสื้อคลุมของนางออก ถอดผ้าพันแผลและตรวจสอบด้วยตัวเอง

เฟิ่งชิงเฉินไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ทำได้เพียงปล่อยให้เสด็จอาเก้าตรวจสอบตามที่เขาต้องการ ในใจแอบคิดว่าเหตุใดจึงโคร้ายถึงเพียงนี้ นี่ก็ผ่านไปตั้งหลายวันแล้ว เหตุใดเสด็จอาเก้าจึงสังเกตเห็นมัน

เป็นอย่างที่คิด เมื่อเสด็จอาเก้าเห็นว่าบาดแผลของเฟิ่งชิงเฉินไม่ได้มีการอักเสบแต่อย่างใด เขาพูดออกมาด้วยความไม่พอใจว่า “แผลอักเสบงั้นหรือ? หมอเฟิ่ง?”

เขาพูดคำว่า “หมอเฟิ่ง” ออกมา เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าเรื่องร้ายกำลังมาเยือน นางจึงยิ้มและพูดออกไปว่า “เพิ่งจะหายจากอาการอักเสบ ข้ารับประกันได้ว่าอีกสองวันมันจะดีขึ้น จริง ๆ นะ”

“ไม่กี่วันก่อนเจ้าก็พูดกับข้าเช่นนี้” เสด็จอาเก้าปล่อยเฟิ่งชิงเฉิน ทำแผลให้กับเฟิ่งชิงเฉินด้วยตัวเอง เฟิ่งชิงเฉินเห็นว่าไม่อาจปฏิเสธได้ นางจึงทำได้เพียงปล่อยให้เสด็จอาเก้าทำตามความต้องการของเขา

บาดแผลตรงหัวไหล่ของเฟิ่งชิงเฉิน เดิมทีมันก็ไม่ได้น่าตกใจแต่อย่างใด หลังจากเย็บเสร็จมันก็ดูเหมือนรอยตะขาบ แต่เมื่อบาดแผลเปิดออก ด้ายที่ใช้เย็บแผลขาด เฟิ่งชิงเฉินนำด้ายที่ขาดออกมา บาดแผลไม่เพียงแต่เป็นสีแดงเท่านั้น แต่มันยังบวมมากขึ้น เมื่อมองดู ๆ ก็จะเห็นรอยเข็มที่แทงเข้าไป ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกขนหัวลุก

ทายาเสร็จ เสด็จอาเก้าพับผ้าพันแผลให้เฟิ่งชิงเฉินใหม่ เมื่อเห็นเฟิ่งชิงเฉินกัดริมฝีปากและอดทนกับความเจ็บปวด สุดท้ายเสด็จอาเก้าก็ใจอ่อน ยื่นมือออกไปลูบผมของเฟิ่งชิงเฉิน

“อีกสองวัน พวกเราจะเดินทางกลับเมืองหลวง ตอนแรกข้าคิดจะเดินทางไปยังเสวียนเซียวกงอีกสักรอบ แต่ด้วยสภาพของเจ้าในเวลานี้......จะให้ข้าวางใจได้อย่างไร” เสด็จอาเก้าแอบถอนหายใจ

อาการบาดเจ็บของเฟิ่งชิงเฉินรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ การเดินทางไปยังเสวียนเซียวกงคงต้องหยุดเอาไว้ก่อน

“ไปเสวียนเซียวกงเพื่ออะไร? เกิดเรื่องขึ้นกับเส้าฉีงั้นหรือ?” เฟิ่งชิงเฉินถามออกมาด้วยความกังวล

เมื่อได้ยินเฟิ่งชิงเฉินเรียกชื่อของเซวียนเส้าฉีอย่างสนิทสนม เสด็จอาเก้ารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย เขาจึงพูดออกมาอย่างไม่มีความสุข “ประมุขเสวียนสบายดี ที่ไม่สบายนั้นเป็นผู้อื่น ช่างมันเถิด เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น จะไปหรือไม่ไปก็ไม่มีปัญหา”

ด้วยสภาพของเฟิ่งชิงเฉินในเวลานี้ทำให้ไม่อาจเดินทางต่อไปได้ และเรื่องที่เซวียนเส้าฉีพูดถึงก็ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอะไร เสด็จอาเก้าจึงไม่พูดถึงมันอีก และออกคำสั่งให้เฟิ่งชิงเฉินพักผ่อนแต่โดยดี

“เรื่องของราวในซานตงได้จบลงแล้ว สิ่งที่ข้าทำได้มีเพียงเท่านี้ ที่เหลือคงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของจักรพรรดิ เจ้ายังต้องการสิ่งใดอีกหรือไม่?” ไม่ว่าจะจัดการกับตระกูลลู่หรือไม่ แต่เพื่อจัดการกับซากของท่านอ๋องสามที่อยู่ในซานตง ต่อให้เสด็จอาเก้าไม่ลงมือ จักรพรรดิก็ต้องลงมืออยู่ดี

“ไม่ เช่นนี้ก็ดีมากแล้ว” เฟิ่งชิงเฉินรู้ดีว่าเสด็จอาเก้าไม่ต้องการใช้เวลาให้เสียเปล่าไปกับสิ่งซึ่งไร้ประโยชน์เหล่านี้ บางครั้งเสด็จอาเก้าก็จ้องมองไปที่เหมืองทองคำ

องค์รัชทายาทขมวดคิ้วด้วยความโศกเศร้า เขามองดูทิวทัศน์ที่ห่างไกลอย่างว่างเปล่า ดวงตาของเขาเหม่อลอย เขาหายใจเบา ๆ และพูดว่า “ข้าเองก็ยังไม่รู้ เวลานี้ข้อกำลังไตร่ตรองอยู่”

ในตอนที่เป็นโรคหัวใจ เพียงหวังว่าสามารถรักษาจนหายขาด มีร่างกายแข็งแกร่งและมีชีวิตอยู่ต่อไป แต่หลังจากรักษาหายดีแล้ว เขากลับรู้สึกไม่พอใจ และมีสิ่งที่ต้องการมากขึ้นเรื่อย ๆ

“เสด็จพี่ ท่านยังอยากกลับไปครอบครองตำแหน่งนั้นอย่างนั้นหรือ?” ชิงอ๋องเข้าใจความคิดขององค์รัชทายาท

ในเรือนแยกแห่งนี้ นอกจากซุนซือสิงที่เป็นเด็กผู้อุทิศตนให้กับการแพทย์ ก็ไม่มีใครรู้ความคิดที่แท้จริงขององค์รัชทายาท

“ข้าอยู่ห่างจากตำแหน่งนั้นเพียงแค่เอื้อม จะให้ข้าไม่คิดได้อย่างไร ขอแค่เสด็จพ่อจากไป ข้าก็จะกลายเป็นผู้สืบทอดโดยชอบธรรม” ความยิ่งใหญ่อยู่ตรงหน้า เมื่อก่อนเป็นเพราะร่างกายที่เจ็บป่วย เขาจึงต้องยอมปล่อยไปแต่โดยดี แต่เวลานี้......

ซุนซือสิงกล่าวว่า ตราบใดที่เขาไม่หักโหมร่างกายมากเกินไป ไม่ทำให้อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ เขาก็สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกหลายสิบปี เขาจะไม่หวั่นไหวได้อย่างไร

ชิงอ๋องเห็นว่าองค์รัชทายาทไม่ได้พูดเล่น เขารู้สึกเจ็บปวดในหัวใจ เขาจึงกล่าวออกมาอย่างรับผิดชอบ “เสด็จพี่ ท่านไตร่ตรองให้ดี ไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะสนับสนุนท่าน ไม่ว่าท่านจะเลือกทางไหน ข้าจะอยู่เคียงข้างท่านเสมอ”

เห็นอยู่ว่าเสด็จพี่ของเขานั้นตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้อย่างชัดเจนด้วยความมุ่งมั่น ทำให้เขาแอบรู้สึกดีใจที่สุดท้ายเสด็จพี่ของเขาก็ออกจากวงเวียนอันชั่วร้ายได้ แต่เหตุใดเวลานี้จึงไม่สามารถละทิ้งมันได้?

ตงหลิงชิงอ๋องส่ายหน้าพร้อมหายใจ เขาสงสัยว่าเฟิ่งชิงเฉินบิดเบือนจิตใจเสด็จพี่ของเขาหรือไม่ ถึงขั้นทำให้เสด็จพี่ของเขาคิดถึงเรื่องที่ไม่ควรนึกถึงเหล่านี้

“ข้า......ข้าต้องการเวลาคิดอีกสักเล็กน้อย” องค์รัชทายาทเองก็ถอนหายใจออกมา เขาเองก็ไม่รู้ว่าตนเองเป็นอะไรไป บางทีคนเราก็เป็นแบบนี้ ไม่เคยพอใจในสิ่งที่ตนเองมี......

กลับไปยังเมืองจักรพรรดิหรือลงไปยังเจียงหนาน นี่คือปัญหา!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ