นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1121

สรุปบท บทที่ 1121 สู้ไม่สู้ นี่คือปัญหา: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

บทที่ 1121 สู้ไม่สู้ นี่คือปัญหา – ตอนที่ต้องอ่านของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

ตอนนี้ของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายInternetทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1121 สู้ไม่สู้ นี่คือปัญหา จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

 

ถูกต้อง ซีหลิงเทียนเหล่ยกบฎแล้ว !

หวังจิ่นหลิงพยักหน้าช้าๆ รอยยิ้มบนใบหน้ายังคงเหมือนเดิม เพียงแต่ดวงตาที่ยิ้มนั้นดูเคร่งขรึมและจริงจังขึ้น

ซีหลิงเทียนเหล่ยนำคนไม่ถึงสามแสนคนไปยึดพื้นที่บนภูเขาแล้วตั้งตนเป็นฮ่องเต้ และพร้อมเผชิญหน้าโดยตรงกับสี่อาณาจักรและเก้าเมือง เขาไม่กลัวการข่มขู่ของสี่อาณาจักรและเก้าเมือง

แต่เดิมฮ่องเต้แห่งเมืองซีหลิง จะต้องออกหน้ารับผิดชอบกับสถานการณ์ที่พังพินาศนี้ เสด็จลุงเก้าวางแผนกะใช้โอกาสนี้ให้ฮ่องเต้แห่งซีหลิงคายเงินที่เขาเคยปล้นไปจากตระกูลหลู แต่เขาไม่คาดคิดว่าซีหลิงเทียนเล่ยจะก่อการกบฎกระทันหันเช่นนี้

ซีหลิงเทียนเล่ยก่อกบฏ และเมืองซีหลิงก็โยนความผิดเรื่องโจมตีเมืองเหลียนให้ซีหลิงเทียนเล่ยแทน เมืองตงหลิง เมืองเป่ยหลิง และเมืองหนานหลิง ถ้าเมืองไหนมีปัญหาให้ไปคิดบัญชีกับซีหลิงเทียนเล่ย

ซีหลิงเทียนเล่ยได้แยกตัวออกจากเมืองซีหลิงแล้ว ไม่ว่าพวกเจ้าจะเป็นคนไร้เหตุผล ก็ไม่สมควรที่จะให้เมืองซีหลิงมาช่วยเทียนเล่ยแก้ปัญหานี้ เมืองซีหลิงก็ไม่ใช้ใครจะมารังแกกันง่าย ๆ

"เมืองตงหลิงมีแผนการว่าอย่างไร? โจมตีไหม? ซีหลิงเทียนเล่ยก่อกบฎ ฮ่องเต้แห่งเมืองซีหลิงแสดงท่าทีชัดเจนว่าไม่สนใจ แล้วสามอาณาจักรที่เหลือก็จะไม่สนใจงั้นหรือ

การกระทำของซีหลิงเทียนเล่ยถือเป็นการตบหน้าสามอาณาจักร

วังจิ่นหลิงส่ายหน้า: "ในขณะนี้ยังไม่มีใครพูดอะไร บางคนอยากสู้และบางคนไม่เห็นด้วย เมื่อวานฮ่องเต้เรียกคนไปหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วมิใช่หรือ คาดว่าน่าจะทราบผลภายในวันนี้ อย่างไรก็ตาม เกรงว่าสงครามครั้งนี้ยากที่สู้รบ"

หวังจิ่นหลิงคาดเดาสถานการณ์ เฟิงชิงเฉิงเองก็เชื่อมั่น เพียงแต่ว่า : " ฮ่องเต้จะยอมกลืนคำพูดหรือไม่"

ซีหลิงเทียนเล่ยเหมือนเป็นการตบหน้าทั้งสามอาณาจักร ตงหลิง เป่ยหลิงและหนานหลิง ถ้าหากต่างก็ยอมรับ ต่อไปภายหน้าจะปักหลักอยู่ที่แผ่นดินจิ่วโจวได้อย่างไร คนที่ไม่รู้คงคิดว่าพวกเขากลัวซีหลิงเทียนเล่ยเป็นแน่

"แน่นอนไม่ยินยอม ถ้าศึกนี้ต้องสู้รบกัน เมืองตงหลิงจะสูญเสียอย่างหนัก สถานที่ที่ซีหลิงเทียนเล่ยครองนั้นเป็นป่ารกทึบ

สถานที่นั้นไม่มีใครพักอาศัยอยู่ เต็มไปด้วยอากาศที่เป็นพิษและอับชื่น ตรงกลางยังมีหนองน้ำที่ไม่รู้จัก หากก้าวเข้าไปในสถานที่นั้น เก้าในสิบคนอาจจะไม่มีชีวิตรอดออกมา

มีฉากกำบังตามธรรมชาติ ไม่มีเมืองใดในสี่อาณาจักรคิดที่จะสนใจพื้นที่ตรงนั้น และไม่มีอาณาจักรใดคิดที่จะรวบรวมพื้นที่นี้เข้าเป็นเขตดินแดนของตน ซีหลิงเทียนเล่ยครอบครองสถานที่นั้น ถ้าสามอาณาจักรคิดที่จะสู้รบ ยังต้องพิจารณาว่ามันคุ้มค่าหรือไม่”

คนที่ไม่มีอะไรจะเสียย่อมไม่กลัวผู้ใด ซีหลิงเทียนเล่ยก็คือคนที่ไม่มีอะไรคนนั้น เขาแยกออกไปตัดสัมพันธ์กับซีหลิง และตงหลิงคิดที่จะสู้รบกับเขา ถึงชนะก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร ซีหลิงก็ไม่คิดที่จะรับผิดชอบกับการสู้รบในครั้งนี้ อีกอย่างซีหลิงเทียนเล่ยก็ไม่มีเงินที่จะจ่ายค่าความสูญเสียในสงครามของเมืองตงหลิง

การต่อสู้ไม่มีอะไรนอกจากดินแดน เพื่อเงิน และไม่มีประโยชน์ที่จะไปโจมตีซีหลิงเทียนเล่ย แม้ว่าฮ่องเต้แห่งเสามอาณาจักรจะอยากสู้รบ พวกเหล่าเสนาบดีย่อมมิยินยอมเป็นแน่แท้

ชีวิตของทหารก็เป็นชีวิต พวกเขาจะเสียสละโดยเปล่าประโยชน์ไม่ได้

"ซีหลิงเทียนเล่ยเป็นบุคคลที่ในช่วงวิกฤตเขายอมตัดแขนตัดขาปล่อยทุกอย่าง แล้วนำคนจำนวนหนึ่งก่อกบฏ ข้านั้นอยากรู้จริง ๆ ว่าเขาใช้วิธีพูดหว่านล้อมเหล่าทหารได้อย่างไร” เฟิงชิงเฉิงสายตาแฝงความเย้ยหยัน

การทำสงครามนั้นไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ สู้รบเพื่อความเห็นแก่ตัวของคนเพียงคนเดียวนั้น มันทำไม่ได้ สงครามที่สู้รบแล้วไม่ได้ผลประโยชน์อะไร ไม่มีผู้ใดอยากจะเข้าร่วมสงคราบกันหรอก อีกอย่างทุกครั้งที่มีการสู้รบก็มีคนรบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก และยังผลกระทบต่อชาติบ้านเมืองมิใช่น้อย

แต่ถ้าหากพวกเขาสู้รบกัน พวกเขาจะถูกวิพากษ์วิจารณ์จากผู้คน เมื่อไม่นานมานี้สามอาณาจักรนี้ต้องการโจมตีเมืองซีหลิง อ้างในนามของความชอบธรรม แต่พวกเขาก็ยอมแพ้เมื่อพบกับความยากลำบาก แล้วคนทั่วฟ้าแผ่นดินจะมองตงหลิงและสามอาณาจักรนี้อย่างไร?

เมื่อนึกถึงฉากที่ฮ่องเต้ทั้งสามอาณาจักรต้องตกที่หนักลำบากกลืนไม่เข้าคายไม่ออก หวางจิ่นหลิงอดที่หัวเราะออกมาไม่ได้ เฟิงชิงเฉิงและหวังจิ่นหลิงคิดในเรื่องเดียวกัน และทั้งสองก็แอบหัวเราะเยาะ : "ให้ฮ่องเต้คิดหนักไปเถอะ จะสู้หรือไม่สู้ก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับเพวกเรา พื้นที่ที่ซีหลิงเทียนเล่ยไปยึดครองนั้น เป็นสถานที่ที่โหดร้ายมาก เหล่าทหารพวกนั้นจะอยู่รอดได้หรือไม่ยังคงเป็นปัญหา”

อากาศเป็นพิษแบบนี้เฟิงชิงเฉิงเคยพบครั้งหนึ่งอีกภพหนึ่งของเธอ อากาศเป็นพิษและหนองน้ำ สถานที่แบบนั้น แม้จะเป็นทหารชำนาญการก็ไม่กล้าที่จะอยู่นาน และเธอซึ่งเป็นหมอเมื่อเข้าไปแล้วยังต้องให้คนแบกเธอออกมา และนับตั้งแต่นั้นมาเธอก็ไม่เคยเข้าไปพื้นที่ที่อากาศเป็นพิษอีกเลย

หวังจิ่นหลิงคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า: "อย่าประมาทซีหลิงเทียนเล่ย เขากล้าที่จะพาผู้คนไปยังสถานที่นั้น นอกจากไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว เขาน่าจะมีการเตรียมพร้อมไว้แล้ว ซีหลิงเทียนเล่ยไม่ใช่คนมุทะลุไม่ดูตาม้าตาเรือ และเขาจะไม่ยอมเสียทุนก้อนสุดท้ายที่อยู่ในมือเขาไปอย่างแน่นอน”

คนสามแสนคนที่อยู่ในมือของซีหลิงเทียนเล่ย ก็คือทุนก้อนสุดท้ายของเขา ถ้าไม่มีคนสามแสนคนเหล่านี้ เขาจะพลิกสถานการณ์กลับมามีอำนาจนั้นยากทีเดียว คนสามแสนคนเหล่านี้ต้องถูกทำลายด้วยมิลพิษทางอากาศ ซีหลิงเทียนเล่ยก็ถือช่างโชคร้ายมาก

“ข้าไม่เคยประเมินซีหลิงเทียนเล่ยต่ำเกินไป เขาเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าชื่นชม ที่พ่ายแพ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่เขายังคงสู้ต่อ แต่เขาโชคไม่ค่อยดีนัก และในครั้งนี้เขาจะยืนหยัดได้หรือไม่ ขึ้นอยู่ความเมตตาของเทวดาฟ้าดินแล้ว อากาศพิษเป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถควบคุมมันได้ ถึงซีหลิงเทียนเล่ยจะเตรียมการพร้อมแค่ไหน ถ้าสวรรค์ไม่เป็นใจ เขาก็เหลือทางเลือกเดียวคือตายเท่านั้น"

เฟิงชิงเฉิงรู้สึกพึงพอใจกับสถานการณ์ในตอนนี้ แม้ซีหลิงเทียนเล่ยจะถูกบีบให้จนมุนเช่นนี้ ความตายช้าหรือเร็วก็ต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว นอกซะจากซีหลิงจะอยู่บนพีระมิดสูงสุดของแผ่นดินจิ่วโจว และไม่มีผู้ใดสามารถทำอะไรพวกเขาได้ ......

 

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ