นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 114

"พี่สาวเฟิ่ง ข้าต้องกลับเข้าไปแล้วเจ้าค่ะ ท่านต้องช่วยแก้แค้นให้พี่สาวข้านะ" ดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำตา พลันหันไปหาแม่นม ราวกับว่ามิอยากจะห่างจากเฟิ่งชิงเฉินไปไหน แต่ทว่าก็ต้องจำใจเดินตามแม่นมกลับไป

เฟิ่งชิงเฉินจึงได้แต่ยืนส่งนางจนลับสายตา ดวงตาทั้งคู่เลื่อนลอยหาได้สนใจสิ่งใดไม่

ถ้าหากเสด็จอาเก้าอยู่ที่นี่คงจะดีไม่น้อย

หากเขาอยู่ อะไรก็คงจะจัดการได้ง่ายเป็นแน่

กว่าที่เฟิ่งชิงเฉินจะรู้ตัว ไม่รู้ว่าเมื่อใดที่ในหัวของนางก็จะมีแต่เสด็จอาเก้าไปหมดแล้ว

"เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ามิเป็นอันใดใช่หรือไม่ ?"อวี่เหวินหยวนฮั่วสะกิดเฟิ่งชิงเฉินเล็กน้อย เพื่อเรียกให้นางได้สติกลับมา

"มิเป็นอันใด พวกเราไปกันเถอะ ใช่แล้ว เรื่องของตระกูลซุนนั้น ฝากพวกเจ้าเป็นธุระให้ข้าที" เฟิ่งชิงเฉินรู้ดีว่า ทั้งสองคนนั้น เห็นแก่หน้าของนาง จึงได้ยินยอมยื่นมือเข้าช่วยเหลือตระกูลซุนเช่นนี้

ถึงแม้ว่า นางจะไม่รู้ว่า หน้าของตนเองมีค่ามากเพียงใดก็ตาม

หวังชีออกหน้าช่วยเหลือเช่นนี้ ย่อมเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากว่าความสัมพันธ์ของนางและตระกูลซุนนั้น อย่างไรก็มิอาจตัดขาดได้อีกแล้ว

"พูดเช่นนี้ทำไมกัน จะอย่างไรซุนยี่จิ่นก็ได้ช่วยเจ้าเอาไว้ครั้งหนึ่ง หากมิใช่นาง เจ้าก็คงตกตายไปแล้ว" อวี่เหวินหยวนฮั่วเอ่ยลองเชิงขึ้นมา

หลังจากที่เห็นฝีไม้ลายมือของเฟิ่งชิงเฉินนั้น หากมิมีการช่วยเหลือของซุนยี่จิ่น จะอย่างไรเฟิ่งชิงเฉินย่อมมิเป็นอันใดแน่

ถึงแม้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะมิเป็นวรยุทธ์ แต่ความว่องไวในการลงมือของนางนั้น หาได้เหมือนสตรีทั่วไปไม่

น่าเสียดาย อวี่เหวินหยวนฮั่วรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เฟิ่งชิงเฉินพลันพยักหน้าอย่างจริงใจออกมาว่า "ไม่ผิด หากไม่มีซุนยี่จิ่น ข้าคงตายไปนานแล้ว"

อวี่เหวินหยวนฮั่วกับหวังชีจึงได้พาเฟิ่งชิงมาส่งที่หน้าจวนประตูตระกูลเฟิ่งเสร็จ ก็พลันหันกายจากไป

ข่าวลือที่โหมกระหน่ำขึ้นมาในคราวก่อนก็พลันอันตธานหายไปในทันที เนื่องจากว่าเสด็จอาเก้าได้ส่งหลักฐานมายื่นในราชสำนัก ฮองเฮาจึงได้ยอมรามือ ในยามนี้ เฟิ่งชิงเฉินจึงปลอดภัยไปได้ในระยะหนึ่ง

เมื่อเห็นลูกธนูที่ปักอยู่บนต้นขาของตงหลิงจื่อลั่วนั้น เสด็จอาเก้าพลันครุ่นคิดว่า

นานแล้วที่ฮองเฮามิมีเวลาออกไปหาเรื่องให้เฟิ่งชิงเฉิน

เสด็จอาเก้าที่นั่งอยู่ในห้องโถงนั้น หาได้สนใจนางกำนัล สาวใช้ ขันทีและหมอหลวงที่เดินไปเดินมาไม่ เสมือนกับว่า เรื่องวุ่นวายพวกนั้นมิได้อยู่ในสายตาของเขาเลยแม้แต่น้อย

เสด็จอาเก้าทั้งโหดเหี้ยมและเลือดเย็นยิ่งนัก ในยามนี้อารมณ์โมโหของเขาขึ้นไปจนถึงขีดสุด เมื่อได้รู้ว่า ตงหลิงจื่อลั่วบาดเจ็บในวันนี้ก็เพื่อช่วยเขา

"หมอหลวงหลิน เจ้าเป็นหัวหน้าสำนักแพทย์ เปิ่นกงเชื่อในวิชาแพทย์ของเจ้า หากลั่วอ๋องเป็นอันใดขึ้นมา เปิ่นกงจักมาเอาเรื่องเจ้าทันที" ฮองเฮาเหนียงเหนียงที่นั่งอยู่ พลันกล่าวคำขู่ออกมาในทันที

"กระหม่อม กระหม่อมจะพยายามจนสุดความสามารถพะยะค่ะ ฮองเฮาเหนียงเหนียงได้โปรดวางใจ" หมอหลวงหลินพลันกล่าวออกมา พร้อมกับทั่วร่างที่สั่นเทา

อาการบาดเจ็บของลั่วอ๋องสาหัสยิ่งนัก เกรงว่าจะมิอาจรักษาขาข้างนั้นไว้ได้

เลือดที่ไหลออกมาเป็นถัง ค่อย ๆถูกทยอยนำออกไปเททิ้งด้านนอก

เมื่อองค์รัชทายาทได้ยินข่าวนั้น ก็รีบมาหาในทันที ด้วยสีหน้าที่ซีดเผือด พร้อมทั้งอาการหายใจที่เหนื่อยหอบออกมาเล็กน้อย

พลางโบกมือไล่สาวใช้ออกไป องค์รัชทายาทก็พลันเดินเข้ามาหาเสด็จอาเก้า พลางกล่าวถามว่า "เสด็จอา น้องเจ็ดจะมิเป็นอันใดใช่หรือไม่พะยะค่ะ?"

"เจ้าหวังให้เขาเป็นอะไรงั้นหรือ?" แววตาของตงหลิ่งจิ่วพลันมองมาด้วยความเย็นชา

"เสด็จอา เขาเป็นน้องของกระหม่อม" องค์รัชทายาทพลันก้มหน้าลง พลางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ

พร้อมเล่าวว่า เรื่องราวในวันนี้ หาใช่เป็นฝีมือของเขาไม่

ตงหลิงจิ่วพลันพยักหน้าลงเล็กน้อย พลางชี้ไปยังที่นั่ง ที่ว่างอยู่ "นั่งลง อย่างไรย่อมไม่อาจตายได้" แต่จะกลายเป็นคนไร้ประโยชน์หรือไม่ ก็ไม่อาจพูดได้เช่นกัน

"พะยะค่ะ เสด็จอา" องค์รัชทายาทพลันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

ขอเพียงแค่เสด็จอาเก้าเชื่อใจเขา ฮองเฮาย่อมไม่อาจใส่ร้ายเรื่องนี้กับเขาได้ สิ่งที่สำคัญก็คือ

เท่าที่องค์รัชทายาททราบมา จุดมุ่งหมายของการลอบสังหารในครานี้ เป้าหมายของพวกมันคือเสด็จอาเก้า

"เสด็จอา ท่านมิได้บาดเจ็บที่ใดใช่หรือไม่พะยะค่ะ?" องค์รัชทายาทพลันเป็นกังวลขึ้นมาในทันที

ภายในราชสำนักนั้น หากว่ายังมีผู้ใดคอยสนับสนุนองค์รัชทายาทขี้โรคเช่นเขา คนผู้นั้นย่อมต้องเป็นเสด็จอาเก้า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ