นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1197

สรุปบท บทที่ 1197 ลอบสังหาร พายุนองเลือดมาเยือน: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

สรุปเนื้อหา บทที่ 1197 ลอบสังหาร พายุนองเลือดมาเยือน – นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย

บท บทที่ 1197 ลอบสังหาร พายุนองเลือดมาเยือน ของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ ในหมวดนิยายInternet เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย อาช้าย อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ความจริงที่เสด็จอาเก้าถูกลอบโจมตีเป็นอย่างไรนั้นไม่สำคัญ เพียงแค่เสด็จอาเก้ายืนยันว่าตนถูกคนลอบโจมตี และคนอื่นๆ ก็ไม่มีหลักฐานมายืนยันว่าเสด็จอาเก้ากำกับและแสดงละครเอง เช่นนั้น…

หากมีผู้ใดที่คิดสงสัยย่อมต้องชดใช้ต่อเรื่องที่เสด็จอาเก้าถูกลอบโจมตี เสด็จอาเก้าไม่ใช่คนจิตใจดีอะไรแต่ไหนแต่ไร มีแค้นต้องชำระถึงจะเป็นวิถีของเสด็จอาเก้า แบบนี้ถึงจะทำให้ฝ่าบาททรงเชื่อว่าเสด็จอาเก้าสิ้นชีวิตไปแล้วจริงๆ

คนบางคนไม่ตายไม่ได้ มิเช่นนั้นจะไม่มีใครเชื่อว่าเกิดเรื่องขึ้นกับเสด็จอาเก้าจริงๆ การที่สังหารคนใช้มีฝีมือที่ของคนเหล่านี้ ก็เพื่อต้องการจะบอกกับฝ่าบาทว่า เขา…ตงหลิงจิ่วไม่ใช่คนที่จะมารังแกกันได้ง่ายๆ และไม่ต้องทำความรู้จักกับคนพวกนี้ด้วย

อีกฝ่ายมีเพียงสิบคน ทว่ากลุ่มคนชุดดำกลับมีกำลังคนมากกว่าอีกฝ่ายหลายเท่า ไม่นาน เสียงสู้ฟันแทงกันในตรอกเล็กๆ ก็เงียบลง คาวเลือดสีแดงไหลนองไปทั่วพื้น หัวหน้ากลุ่มชุดดำทำสัญลักษณ์มือต่อลูกน้อง ไม่นานร่างศพสิบร่างพลันถูกขนย้ายไปอย่างรวดเร็ว น้ำสะอาดถูกราดมาอย่างต่อเนื่อง ไม่เหลือแม้แต่ร่องรอยเดียว…

หลังจากที่ทำทั้งหมดนี้เสร็จ คนกลุ่มนี้พลันซ่อนตัวกลับในที่มืดอีกครั้งอย่างรวดเร็ว

ในตรอกเล็กๆ พลันเงียบสงบ บรรยากาศรอบๆ ตลบอบอวลด้วยกลิ่นหอมจางๆ ราวกับไม่เคยมีคนมาที่นี่ และไม่มีคนตายที่นี่มาก่อน

กลุ่มคนชุดดำเหล่านี้ราวกับวิญญาณล่องหน พวกมันแทรกซึมอยู่ในตรอกในซอยเล็กๆ แล้วเดินเข้าไปหาเป้าหมายเงียบๆ จากนั้นลงมือสังหารทันทีในขณะที่อีกฝ่ายยังไม่ทันรู้ตัว

สังหารคน ไม่จำเป็นต้ององอาจผ่าเผย!

ในเรือนลั่วที่เจ้าเมืองฉู่เฉิงพักชั่วคราวมีเชือกแขวนหลายเส้นแขวนอยู่ด้านนอก ทว่าด้านในกลับแขวนร่างคนไว้เป็นแถวเรียงกัน สีหน้าของคนเหล่านี้ม่วงช้ำ ขาทั้งสองข้างลอยอยู่กลางอากาศอย่างช่วยไม่ได้

ในชุมชนของตระกูลชุยที่อยู่นอกเมืองมีเสียงไล่ฆ่าดังขึ้นวุ่นวาย บุรุษสามคนกำลังวิ่งออกไปด้วยสีหน้าหวาดกลัว บนร่างของพวกเขาเต็มไปด้วยบาดแผลที่เลือดไหลนอง

ไม่นานกลุ่มคนชุดดำที่ไล่ฆ่าพวกเขาก็ไล่ตามมาถึง พวกมันไม่มีความเกรงใจเลยสักนิด มาถึงก็ใช้กระบี่แทงอีกฝ่ายแล้วใช้เท้าเตะคนเข้าไปในผืนป่าในคราเดียว

แม้นจุดที่แทงไปรอบนั้นจะไม่ถึงตาย แต่การที่ล้มเข้าไปในป่า ก็เทียบเท่ากับมีชะตาเป็นอาหารของสัตว์ร้ายเท่านั้น

ทั้งตระกูลหวัง ตระกูลเซี่ย และจวนซู่ซินอ๋องไม่เว้นแม้แต่คนเดียว…

โต้วโต้วถือแผนที่เอาไว้ ในที่สุดก็มาถึงเรือนฝู่หลิน โต้วโต้วเก็บแผนที่แล้วกำหมัด “ธุรกิจครั้งนี้ ข้าต้องทำให้ดีให้ได้”

เมื่อดึงผ้าคลุมปิดหน้าสีดำออก ดวงตาของโต้วโต้วคู่นั้นพลันฉายแววสังหารอันเยือกเย็นออกมาทันที

เสด็จอาเก้าบอกว่าคนกลุ่มนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาต้องไปป่าจั้งซี่อย่างเลี่ยงไม่ได้ เมื่อนึกถึงความลำบากที่พบเจอในป่าจั้งชี่แล้ว จิตสังหารของโต้วโต้วก็ยิ่งพรั่งพรู

ณ จวนฝู่…ทหารยามไม่ได้แน่นหนาเข้มงวดอย่างที่คิด และไม่ได้กว้างใหญ่เพียงนั้นด้วย ไม่นาน โต้วโต้วก็หาเป้าหมายพบ แล้วทำการสังหารอีกฝ่ายพร้อมซ่อนศพอย่างรวดเร็ว

ในพระราชวัง จั่วอั้นถือกระบี่แล้วฟันองครักษ์ของพระราชวังอย่างเบามือ จากนั้นเดินเข้าไปข้างในต่อ

แผนที่และทหารยามที่เสด็จอาเก้าจัดเตรียมให้นั้น จั่วอั้นไม่ได้มีการเคลื่อนไหวผิดปกติอะไรเลยจนมาถึงวังหลัง

คืนนี้ ฝ่าบาททรงทอดรักอยู่กับสี่เฟยที่ตำหนักชิงหนิง ซึ่งเป้าหมายของจั่วอั้นก็คือสี่เฟย

จั่วอั้นกระโดดขึ้นบนหลังคาและอาศัยความทรงจำอันสุดยอดตามหาห้องที่สี่เฟยพักอยู่ จั่วอั้นดึงแผ่นกระเบื้องออกเผยให้เห็นช่องว่างช่องหนึ่ง

เพียงแค่แวบเดียว จั่วอั้นก็มั่นใจว่าจะลงมือที่ตำแหน่งใดทันที

เมื่อประกอบกระเบื้องเข้าที่เดิมแล้ว จั่วอั้นพลันดึงกระเบื้องแผ่นที่ห้าที่ถัดออกจากซ้ายมือออกอีกครั้ง จากนั้นยื่นนิ้วกลางที่สวมแหวนไว้เข้าไปผ่านช่องว่างเล็กๆ ได้ยินเพียงเสียงดัง ‘ฟิ้ว’ เบาๆ สี่เฟยที่นอนอยู่บนเตียงนอนศีรษะเอียงไปด้านข้างสิ้นลมหายใจไปในทันที

ฝ่าบาทที่บรรทมอยู่ข้างกายสี่เฟยไม่รู้ตัวเรื่องแม้แต่น้อย พอตกดึกพลันพบว่าสตรีข้างกายลำตัวเย็นเฉียบ ฝ่าบาทจึงสวมกอดนางเอาไว้แล้วบรรทมต่อไป

สีหน้าของสี่เฟยไม่แปรเปลี่ยน ร่างกายก็ไม่แข็งทื่อเช่นกัน มีเพียงจุดสีแดงบริเวณหว่างคิ้วนั่นเท่านั้นที่จะบอกกับผู้คนว่านางตายไปแล้ว…

คนที่เป็นถึงองครักษ์ข้างกายได้นั้น เรื่องความซื่อสัตย์ จงรักภักดีนั้นไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ความสามารถก็ไม่ธรรมดา คนเหล่านี้ฝึกอบรมมาไม่ง่าย ทว่ากลับตายในมือของเสด็จอาเก้าไปในพริบตาเช่นนี้ ทำให้ลั่วอ๋องเจ็บปวดหัวใจ

ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์มีความรู้สึกเดียวกันกับลั่วอ๋อง

คนที่เสด็จอาเก้าสังหารล้วนแต่เป็นมือซ้ายมือขวาของพวกเขาทั้งนั้น พวกเขาจะไม่โกรธได้อย่างไร ฝูงชนจ้องมองเสด็จอาเก้ารอให้เขาตอบ

เสด็จอาเก้ากวาดมองทีละคน สุดท้ายหยุดอยู่ที่ลั่วอ๋องพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยว่า “ฝ่าบาทตรวจสอบมาเป็นเดือนแล้ว ก็ไม่พบว่าเป็นฝีมือใคร พวกเจ้าคิดว่า…ข้าควรจะทำอย่างไรดีล่ะ? ข้าสูญเสียองครักษ์ผู้ภักดีไปหลายนายเชียวนะ”

คำพูดของเสด็จอาเก้านี้กำลังบอกกับคนอื่นๆ ว่า เขาสูญเสียคนสนิทไปกลุ่มหนึ่ง คนพวกนี้ก็ต้องชดใช้ด้วยคนสนิทกลุ่มหนึ่ง

เอื้อก…ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์โมโหจนแทบจะกระอักเลือด

วิธีโจมตีที่ไม่แตกต่างของเสด็จอาเก้านี้ไร้ยางอายเสียจริง พวกเขาไม่ได้ทำอะไรเลยแท้ๆ เหตุใดถึงต้องถูกเสด็จอาเก้าลากเข้าไปเกี่ยวด้วย

“เสด็จอาเก้า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับหลาน” ลั่วอ๋องและโจวอ๋องสะกดน้ำเสียงอ่อนหวานเอาไว้แล้วเอ่ยอย่างกรุ่นโกรธ

เสด็จอาเก้าสังหารคนของพวกเขาย่อมต้องให้คำอธิบายอยู่แล้ว

เสด็จอาเก้าหัวเราะแห้ง “พวกเจ้าลืมแล้วหรือ ข้ามาจากราชวงศ์ตงหลิง ในพระราชวงศ์นั้นชอบโกรธแล้วพาลใส่ผู้อื่น ดังนั้นหากพวกเจ้าจะโทษ ก็ไปโทษคนที่ลงมือกับข้าแล้วกัน เพราะพวกเจ้าถูกข้าพาลใส่เพราะเขา”

กล่าวจบ เสด็จอาเก้าพลันเดินแทรกระหว่างลั่วอ๋องกับโจวอ๋องออกไปทันที โจวอ๋องและลั่วอ๋องจนชนกระแทกจนเซล้มไปด้านข้างพร้อมกระอักเลือดออกมาในบัดดล

เรื่องนี้…สมควรโทษคนที่ลงมือกับเสด็จอาเก้าจริงๆ

เหตุใดถึงไม่สังหารเสด็จอาเก้าไปเลยให้มันจบสิ้น แต่กลับปล่อยให้เขารอดชีวิตกลับมาได้ สมควรตายจริงๆ!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ