ผ่านไปครึ่งชั่วโมง สีหน้าของตงหลิงจื่อลั่วดีขึ้นเล็กน้อย เฟิ่งชิงเฉินแตะที่หน้าผากของเขา พบว่าไม่สามารถแน่ใจได้หากสวมถุงมืออยู่ แต่หากถอดถุงมือก็ลำบาก นางจึงใช้หน้าผากแตะเบาๆ
"โชคดีจริงๆ ที่ยังไม่มีไข้ แต่อีกไม่นานคงจะเป็นไข้สูง" เขาทั้งสองสัมผัสกันแค่วินาทีเดียว สำหรับเฟิ่งชิงเฉินแล้ว นางไม่รู้สึกกระไร
แต่... ตงหลิงจื่อลั่วซึ่งอยู่ในอาการหมดสติอย่างหนัก กลับฟื้นสติขึ้นมาเล็กน้อยในตอนนี้
ท่ามกลางความสับสนมันงง เขารู้สึกว่ามีใบหน้าที่สวยงามมากกำลังเข้าใกล้เขา แต่เขาจับต้องไม่ได้ เขารู้สึกเพียงว่าช่วงเวลาที่ใบหน้านั้นเข้าใกล้เขา ร่างกายของเขาก็อบอุ่นขึ้น น่าเสียดายที่เป็นช่วงเวลาสั้นๆ เกินกว่าที่เขาจะคว้าเอาไว้ได้
ตงหลิงจื่อลั่วบ่นด้วยความไม่พอใจ เฟิ่งชิงเฉินเหลือบมองไปที่เขา แต่ไม่ได้ใส่ใจ
ป่วยจนสับสนไปหมด
หลังจากยืนยันครั้งแล้วครั้งเล่าว่า ในที่สุดร่างกายของตงหลิงจื่อลั่วสามารถทนต่อความเสียหายที่เกิดจากการดึงลูกธนูออกแล้ว เฟิ่งชิงเฉินหยิบกรรไกรและตัดกางเกงของตงหลิงจื่อลั่วออกทั้งหมดพร้อมตัดลูกธนูส่วนที่อยู่นอกร่างกายไปด้วย
ไม่มีทางที่จะทำความสะอาดแผลอย่างละเอียดได้ เฟิ่งชิงเฉินเองก็ไม่ได้มีจิตใจที่ดีเช่นนั้น นางเปิดขวดแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ เฟิ่งชิงเฉินเทลงบนขาของตงหลิงจื่อลั่วโดยตรง
ยาบนแผลถูกแอลกอฮอล์ชะล้างออกไปจนหมด และแอลกอฮอล์ก็แทรกซึมเข้าไปในบาดแผล และได้ยินเสียงของดัง "ซี่ ซี่" แต่ตงหลิงจื่อลั่วกลับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด ขาขวาของเขาให้เฟิ่งชิงเฉินจัดการทั้งหมด
เฟิ่งชิงเฉินไม่เคยเป็นคนที่รักษาของสวยงามกระไรอย่างดี มือซ้ายของนางเทแอลกอฮอล์ลงบนบาดแผลของตงหลิงจื่อลั่วต่อไป ส่วนมือขวาถือแหนบและหนีบสำลีเช็ดทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่อยู่รอบบาดแผล และห้ามเลือดในขณะเดียวกัน
หลังจากใช้แอลกอฮอล์หมดไปหนึ่งขวด เฟิ่งชิงเฉินก็เริ่มทำความสะอาดบาดแผลของตงหลิงจื่อลั่วอย่างระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งตกค้างใด ๆ หลังจากที่ทำความสะอาดแผลเรียบร้อยแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็เปิดแผลด้วยแหนบ จากนั้นนางได้เห็นหัวลูกธนูที่ปักอยู่ในเนื้อ ...
สีหน้าของเฟิ่งชิงเฉินเปลี่ยนไป มือที่ถือแหนบสั่น และแหนบตกลงที่พื้น
เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?
หัวลูกศรมีหนามสวนทาง เฟิ่งชิงเฉินเคยเห็นหนามแบบนี้มาก่อน อาการบาดเจ็บของหลานจิ่วชิงก็เป็นแบบนี้ หนามนั้นทรมานมาก หากว่าดึงออกมาจะต้องเกี่ยวเนื้อออกมาด้วยอย่างแน่นอน และถึงขั้นเกี่ยวเส้นเลือดขาด และเสียชีวิตเนื่องจากไม่สามารถห้ามเลือดได้
ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเวลาที่จะดึงหัวลูกธนูชนิดนี้ และบางครั้งต้องผ่าแผลออกมาด้วยซ้ำ เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อหลอดเลือด
ตงหลิงจื่อลั่วได้รับบาดเจ็บที่หลอดเลือดแดง เดิมก็ไม่ง่ายที่จะรับมือ หากว่าจัดการไม่ดี เขาจะตายเพราะเสียเลือดมาก แต่เมื่อเปิดแปลออกมา เฟิ่งชิงเฉินก็ตระหนักว่ามันไม่ใช่แค่ยากอย่างเดียว
หนามของหัวลูกธนูติดอยู่ระหว่างหลอดเลือดสองเส้นที่บางมาก อย่าว่าแต่เอาลูกธนูออกมาแล้ว แม้แต่เคลื่อนไหวเล็กน้อยก็อาจทำให้หนามเหี่ยวเส้นเลือดจนขาดได้
เลือดไปเลี้ยงไม่เพียงพอจะทำให้เนื้อใต้ต้นขาตายได้ ในกรณีนี้ หมอจะเกลี้ยกล่อมให้ครอบครัวของผู้ป่วยเลือกตัดขา ซึ่งเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้คนไข้ปลอดภัยได้
ชิงเฉินมองไปที่ตงหลิงจื่อลั่ว นี่เป็นครั้งแรก นางไม่รู้ควรทำอย่างไรดี
การตัดขาเป็นวิธีที่ดี แต่ไม่สามารถใช้ได้ และนางไม่มั่นใจเลยแม้แต่น้อย
เสด็จอาเก้า เจ้าสร้างปัญหาใหญ่ให้ข้าจริงๆ
เฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจ ก้มศีรษะลงและหยิบแหนบที่อยู่บนพื้นขึ้นแล้ววางทิ้งไว้
ทำให้ดีที่สุด ฟังชะตากรรม ตอนนี้นางทำได้แค่ทำให้ดีที่สุดเท่านั้น
"คงจะดีหากว่านางมีผู้ช่วย อย่างน้อยก็มีคนที่สามารถช่วยข้าได้ หากว่าข้าทำเองทั้งหมดไม่รู้ว่าจะไหวหรือไม่?"
เฟิ่งชิงเฉินขจัดความรำคาญและความเศร้าใจออก นางนำมีดผ่าตัดหมายเลข 3 ออกจากถาดอุปกรณ์ และคราวนี้นางใช้วิธีนั่งยอง
นางนั่งยองข้างตงหลิงจื่อลั่ว นางเปิดบาดแผลของตงหลิงจื่อลั่วด้วยมือข้างหนึ่ง และมือที่ถือมีดพยายามกรีดแผล เพื่อที่จะลองว่าจะสามารถสอดนิ้วเข้าไปขยับเส้นเลือดออกไปได้หรือไม่
เมื่ออยู่ในป่า หากถูกยิงที่ต้นขาและหลอดเลือดแตก ในกรณีที่มีอุปกรณ์ผ่าตัดไม่พร้อม สามารถสอดนิ้วเข้าไปในบาดแผลโดยตรง แล้วดึงเอาหลอดเลือดที่อยู่ในต้นขาออกมาเย็บ
หลอดเลือดมีบางและหนา เส้นที่หนาเหมือนเส้นเลือดใหญ่และท่อเลือดดำ โดยทั่วไปมีความหนาประมาณนิ้วเราสองถึงสามนิ้ว สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าและสามารถเย็บได้โดยตรง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ