สรุปตอน บทที่ 1263 ประตูเมือง, หนานหลิงข่มขู่เสด็จอาเก้า – จากเรื่อง นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย
ตอน บทที่ 1263 ประตูเมือง, หนานหลิงข่มขู่เสด็จอาเก้า ของนิยายInternetเรื่องดัง นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดยนักเขียน อาช้าย เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
เสด็จอาเก้าได้รับจดหมายอันดำมืดของเฟิ่งชิงเฉิน อารมณ์ของเขาก็ไม่กลับมาดีขึ้นอีกเลย แม้ว่าเขาจะมีวินัยในตัวเองเป็นอย่างมาก ไม่ระบายอารมณ์แบบสุ่มสี่สุ่มห้า และไม่ทำร้ายข้าวของหรือผู้คน แต่ความเยือกเย็นที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของเขา มันสามารถทำให้คนแข็งตายได้
อากาศที่ร้อนจัด ไอเย็นที่แผ่ซ่านออกมาอย่างกะทันหัน เดี๋ยวเย็นเดี๋ยวร้อน แล้วจะไม่ให้ไม่สบายได้อย่างไร
อย่าว่าแต่องครักษ์ของเสด็จอาเก้าเลย แม้แต่ทหารม้าสิบแปดแห่งตระกูลซื่อ แต่ละคนยังยืนตัวตรง ไม่กล้าพูดอะไรออกมา ไม่กล้าแม้แต่เดินไปด้านหน้าของเสด็จอาเก้าเลยด้วยซ้ำ เพราะกลัวจะเป็นหวัด
ตอนแรกเสด็จอาเก้าก็อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว ประกอบกับได้รับจดหมายฉบับนั้นของเฟิ่งชิงเฉิน อารมณ์ของเขาก็ยุ่งรุนแรงยิ่งขึ้น คนที่อยู่ข้างกายของเขาต่างระมัดระวัง เกรงกลัวต่อสายตาอันเยือกเย็นของเสด็จอาเก้า แต่เวลานี้ หนานหลิงจิ่นฝานยังคงไม่ดูตาม้าตาเรือ เข้ามาหาเรื่องเสด็จอาเก้า
เมื่อเสด็จอาเก้าเดินทางเข้าสู่เมืองจักรพรรดิแห่งหนานหลิง เขาได้รับการต้อนรับอย่างเป็นธรรมชาติ หนานหลิงได้ข่าวการมาถึงของเขาตั้งนานแล้ว หนานหลิงจิ่นฝานเป็นคนเชิญให้เสด็จอาเก้าเดินทางมาที่นี่ แต่เมื่อรถม้าของเสด็จอาเก้ามาถึงหน้าประตูเมือง เขากลับไม่เห็นแม้แต่เงาของหนานหลิงจิ่นฝาน
เสด็จอาเก้าไม่สนใจเรื่องมารยาทเหล่านี้ แต่เรื่องราวที่เกี่ยวกับการให้เกียรตินั้นจะขาดหายไม่ได้ หากเสด็จอาเก้ายอมเข้าไปในเมืองด้วยการต้อนรับเช่นนี้ นั่นก็เท่ากับว่าเขายอมอ่อนข้อให้กับหนานหลิง และเขาก็คงไม่มีความมั่นใจที่จะดำเนินเรื่องราวต่าง ๆ ตอนที่อยู่ในหนานหลิง
เสด็จอาเก้าไม่มีทางเข้าไปในเมืองด้วยสภาพเช่นนี้เป็นอันขาด ไม่ว่าขุนนางของหนานหลิงจะพูดออกมาอย่างไร เสด็จอาเก้าก็ยังคงไม่เคลื่อนไหว แน่นอน เขาไม่ได้บอกให้คนขับรถม้าขับรถม้าออกไปเพราะความโกรธ เขาเพียงแค่จอดรถม้าและรออยู่นอกประตูเมือง
“แล้วจะทำเช่นไรดี องค์ชายจิ่นฝานไม่ยอมเสด็จมา แล้วพวกเราจะทำอะไรได้?” ขุนนางพิธีกรรมผู้หนึ่งกล่าวออกมาพร้อมกับจะร้องไห้
“เข้าไปในเมืองเพื่อถามองค์จักรพรรดิก่อนไหม?” ขุนนางต่ำต้อยผู้หนึ่งของหนานหลิงกระซิบออกมา แต่ก็ถูกขัดจังหวะโดยหัวหน้าของเขา “ก็แค่ท่านอ๋องที่ใช้งานไม่ได้ของตงหลิง เขามีเกียรติถึงขั้นต้องให้ฝ่าบาทของพวกเรามาต้อนรับด้วยพระองค์เองเลยอย่างนั้นหรือ เขาอยากเข้าเมืองเมื่อไหร่ก็เข้า หากไม่เข้าก็กลับไป”
ขุนนางที่ยืนอยู่ด้านหน้ากล่าวออกมาด้วยใบหน้ากังวล “แม้จะพูดเช่นนี้ แต่เสด็จอาเก้าก็เสด็จมาที่นี่ในนามของตงหลิง พวกเรากำลังทำให้ตงหลิงขุ่นเคือง และสุดท้ายมันก็จะกลายเป็นปัญหาตามมา”
“จะไปกลัวอะไร อีกไม่นานตงหลิงก็จะทำสงครามกับซีหลิง เจ้าคิดว่าตงหลิงจะกล้ายกทัพมาตีหนานหลิงของพวกเราอย่างนั้นหรือ เจ้าวางใจ ไม่ว่าอย่างไรเสด็จอาเก้าผู้นั้นก็ต้องเสด็จเข้าเมืองในวันนี้ เพราะหากปล่อยให้เวลาล่วงเลยไป คนที่เสียหน้าก็คือตัวของเขาเอง” ขุนนางผู้นั้นยกมือขึ้นมากอดอก ยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนผู้กุมชัยชนะ
เขาคือคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในคนกลุ่มนี้ คำพูดที่เขาพูดออกมาไม่มีใครกล้าขัดขืน ทำได้เพียงก้มหน้าทำตาม ส่วนคนที่รู้สึกกังวลกับผลที่ตามมาเหล่านั้น พวกเขาก็ทำได้เพียงเดินเข้าไปหลบในมุม
หนานหลิงจิ่นสิงจ้องมองฉากที่เกิดขึ้นในระยะไกล ใบหน้าของเขาเผยให้เห็นรอยยิ้มแห่งความเย้ยหยัน “นับวันจิ่นฝานก็ยิ่งเย่อหยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ไว้หน้าตงหลิงเช่นนี้ ช่างโง่เขลายิ่งนัก”
จักรพรรดิตงหลิงไม่สนใจความเป็นความตายของเสด็จอาเก้า แต่เขาจะต้องสนใจเกียรติของตนเองเป็นแน่ นี่ไม่เป็นเพียงการลดทอนเกียรติของเสด็จอาเก้า แต่มันเป็นการลดทอนเกียรติของตงหลิงด้วย เห็นได้ชัดว่าการกระทำเช่นนี้นั้นอาจเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของหนานหลิง แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าหนานหลิงจิ่นสิงจะยื่นมือเข้ามายุ่ง
หากไม่ลายสิ่งเก่า ก็ไม่อาจสร้างสิ่งใหม่ขึ้นมาทดแทนได้ สถานการณ์ในหนานหลิงตอนนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อน โดยเฉพาะหลังจากที่หนานหลิงจิ่นฝานร่วมมือกับองค์หญิงใหญ่ที่อยู่ต่างแดน สถานการณ์มันก็ยิ่งซับซ้อนมากขึ้น และโอกาสในการชนะของเขาก็ยิ่งน้อยลงเรื่อย ๆ
ขณะที่ผู้คนของหนานหลิงกำลังคิดกันไปเอง เสด็จอาเก้านั่งอ่านหนังสืออยู่บนรถม้า เสด็จอาเก้าแสร้งทำเป็นไม่เห็นการกระทำของหนานหลิง พวกเขารออยู่ที่หน้าประตูเมืองอยู่เงียบ ๆ เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง
ในตอนนั้น ดวงอาทิตย์เคลื่อนตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เหงื่อจำนวนมากไหลออกมาจากร่างของเหล่าทหารที่สวมชุดเกราะ แต่ทหารม้าสิบแปดแห่งตระกูลซื่อยังคงยืนแข็งทื่อราวกับหิน และในตอนที่พวกเขาคิดว่าเสด็จอาเก้าจะทนต่อการกระทำของหนานหลิงเช่นนี้ต่อไป จู่ ๆ เสด็จอาเก้าก็กล่าวออกมาว่า “กลับ”
เป็นเพียงถ้อยคำสั้น ๆ แต่ความหมายของมันกลับชัดเจน แม้ว่าผู้คนที่อยู่นอกรถม้าจะตกตะลึง แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา พวกเขารีบปฏิบัติตามคำสั่งของเสด็จอาเก้า นั่นก็คือ......
คณะที่เดินทางร่วมกับเสด็จอาเก้านับร้อยคน หันหัวกลับทันที......
“นี่มัน นี่มันเกิดอะไรขึ้น? คนของตงหลิงไม่เข้าเมืองแล้วอย่างนั้นหรือ?” เหล่าขุนนางของหนานหลิงตกใจเป็นอย่างมาก พวกเขาไม่กล้าเชื่อในสิ่งที่พวกเขาได้เห็น
แม้ตงหลิงจะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่อาจเย่อหยิ่งได้ถึงเพียงนี้ ต้องรู้ก่อนว่านี่คือดินแดนของหนานหลิง คงไม่ใช่เรื่องฉลาดหากเสด็จอาเก้าโกรธเคืองพวกเขา เพราะหากทำให้พวกเขาโกรธขึ้นมา พวกเขาก็สามารถสังหารเสด็จอาเก้าได้ในทันที มากที่สุดตงหลิงก็ทำได้แค่ประณามพวกเขา และพวกเขาก็มอบดินแดนบางส่วนเพื่อเป็นการชดเชยก็สิ้นเรื่อง
“องค์ชายจิ่นฝาน แส้มันอยู่ผิดที่ผิดทาง กรุณาไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน” ชายผู้นั้นสะบัดมือออกไป หากไม่ใช่เพราะอ้อมแรงเอาไว้บ้าง เวลานี้ร่างของหนานหลิงจิ่นฝานคงตกจากหลังม้าไปแล้ว
“เจ้า......” ใบหน้าของหนานหลิงจิ่นฝานกลายเป็นสีแดง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความดุร้าย แต่คนผู้นั้นก็ไม่สนใจ มือขวาของเขาเอื้อมไปจับดาบที่เอว และพร้อมที่จะชักมันออกมาทุกเวลา
คนผู้นี้ก็คือหนึ่งในทหารม้าสิบแปดแห่งตระกูลซื่อ เขาได้รับคำสั่งให้ปกป้องเสด็จอาเก้าด้วยชีวิต
และในตอนนี้ ในที่สุดเสด็จอาเก้าก็เอ่ยปากออกมา แต่เขาพูดออกมาเพียงแต่สองพยางค์เท่านั้น แถมยังเป็นน้ำเสียงที่เยือกเย็นอย่างสุดขีด “หลีกไป!”
หนานหลิงจิ่นฝานโกรธจนอยากฆ่าคน แต่เมื่อเห็นว่าหนานหลิงจิ่นสิงเองก็อยู่ที่นี่ เขาก็ทำได้เพียงระงับความโกรธเอาไว้ ฝืนยิ้มออกมาพร้อมกับกล่าวว่า “เสด็จอาเก้า ท่านคงไม่ได้น้อยใจที่ข้ามาช้าเกินไปหรอกใช่ไหม? แต่เสด็จอาเก้า ท่านมองข้าผิดไปแล้ว เมื่อข้าได้ยินว่าเสด็จอาเก้าจะเสด็จมา ข้าจึงจงใจออกไปล่าสัตว์ คิดที่จะจัดงานเลี้ยงต้อนรับอันยิ่งใหญ่ให้กับเสด็จอาเก้า คิดไม่ถึงเลยว่าจะมาต้อนรับช้าเกินไป
เสด็จอาเก้า หากท่านไม่พอใจเรื่องที่ข้าต้อนรับท่านไม่ดีพอ เช่นนั้นข้าก็ต้องขอโทษท่านไว้ ณ ที่นี้ เสด็จอาเก้าได้โปรดให้อภัยข้า และเสด็จเข้าเมืองไปพร้อมกับข้าด้วยเถิด”
คำพูดของเขามันคือการเล่นสำบัดสำนวน แต่กลับพูดออกมาอย่างอาจหาญ ทำให้คนไม่รู้ว่าควรจะปฏิเสธอย่างไร และคำพูดเช่นนี้ก็เป็นการลดตัวของพวกเขาลงมาแล้ว เพียงแต่พวกของเสด็จอาเก้าจะต้องตามน้ำไปด้วยงั้นหรือ?
คนของตงหลิงต่างมองมาที่ด้านในของรถม้า รอคำตอบของเสด็จอาเก้า
ที่นี่คือประตูเมืองของหนานหลิง จะเข้าไป หรือไม่เข้า?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ไม่ต่อให้จบเหรอคะ นานแล้ว แวะมาบอกกล่าวกันบ้าง...
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...