อ่านสรุป บทที่ 1273 ขายหน้า, เสด็จอาเก้าล้มลงพื้น จาก นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย
บทที่ บทที่ 1273 ขายหน้า, เสด็จอาเก้าล้มลงพื้น คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายInternet นางสนมแพทย์อัจฉริยะ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย อาช้าย อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ด้วยความตรงไปตรงมาของเฟิ่งชิงเฉิน ความลำบากใจฉายออกมาจากใบหน้าของเจ้าหญิงหมิงเว่ย จากนั้นก็พยายามอธิบายออกมา “ไม่ใช่ว่าข้าไม่ช่วย แต่เสด็จอาเก้าไม่รับน้ำใจจากข้า”
หากเสด็จอาเก้ายอมรับความหวังดีจากนาง เขาก็ไม่มีความจำเป็นที่จะอยู่ในดินแดนหนานหลิงนานถึงเพียงนี้ และนางก็สามารถโน้มน้าวเจ้าสำนักได้ตั้งนานแล้ว
“งั้นหรือ?” ความเย้ยหยันในดวงตาของเฟิ่งชิงเฉินชัดเจนยิ่งขึ้น “ที่แท้องค์หญิงก็ต้องการให้เสด็จอาเก้ารับน้ำใจด้วยความขอบคุณก่อนแล้วถึงให้ความช่วยเหลือ ข้าคิดว่าองค์หญิงไม่ได้ต้องการสิ่งใดเสียอีก และทำทุกสิ่งลงไปโดยไม่หวังผลตอบแทน”
“ข้าก็ไม่ได้ต้องการผลตอบแทนแต่อย่างใด” ในตอนที่เจ้าหญิงหมิงเว่ยพูดประโยคนี้ออกมา เสียงของนางดังกว่าปกติ เห็นได้ชัดว่านางขาดความมั่นใจ
“องค์หญิงช่างเป็นคนมีเมตตาและซื่อสัตย์อย่างที่ร่ำลือกันจริง ๆ” เฟิ่งชิงเฉินเบะปากและกล่าวออกมาอย่างไม่จริงใจ
หากเจ้าหญิงหมิงเว่ยต้องการให้เรื่องราวเป็นอย่างที่ตนเองพูด ช่วยเหลือโดยไม่หวังผลตอบแทน เช่นนั้นเหตุใดนางถึงไม่เกลี้ยกล่อมเจ้าสำนัก และปล่อยให้เสด็จอาเก้าเสียเวลาอยู่ที่นี่
จากการเคลื่อนไหวของเจ้าหญิงหมิงเว่ย มันคือการรอให้เสด็จอาเก้าหมดหนทาง นางถึงปรากฏตัวออกมาให้ความช่วยเหลือเสด็จอาเก้า เพื่อให้เสด็จอาเก้าซาบซึ้งให้บุญคุณ
ช่วยเหลือโดยไม่หวังผลตอบแทน นี่เป็นเพียงการหลอกตัวเองเท่านั้น แต่ในตอนที่นางช่วยเสด็จอาเก้าในตอนนั้น นางไม่เคยต้องการความรู้สึกซาบซึ้งหรือความรักของเสด็จอาเก้าเลยแม้แต่น้อย
ในตอนนั้นนางแค่อยากช่วยเสด็จอาเก้า พยายามอย่างหนักเพื่อให้เสด็จอาเก้าสามารถทำทุกอย่างได้เต็มที่ ต่อให้เสด็จอาเก้าไม่สำนึกบุญคุณก็ไม่เป็นไร เนื่องจากนางก็ไม่ได้ต้องการให้เสด็จอาเก้าซาบซึ้งในบุญคุณของนางตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
ดูเหมือนว่าเจ้าหญิงหมิงเว่ยยังอยากจะพูดอะไรออกมาอีก แต่เสด็จอาเก้าได้เก็บดอกบัวและเดินกลับมาแล้ว เจ้าหญิงหมิงเว่ยจึงรีบเงียบเสียงของนาง จ้องมองไปยังเสด็จอาเก้าอย่างลึกซึ้ง ราวกับเป็นใบหน้าของภรรยาที่รอคอยการกลับมาของสามี
แต่น่าเสียดายที่ในสายตาของเสด็จอาเก้านั้นไม่เคยมีนางอยู่เลย เสด็จอาเก้าแสดงสีหน้าไม่ชอบใจ นำเม็ดบัวออกมาและวางไว้บนมือของเฟิ่งชิงเฉิน “กิน”
ให้เขามานำเม็ดบัวออกมาเช่นนี้ ช่างน่าอายยิ่งนัก
“ขอบคุณ” เฟิ่งชิงเฉินยิ้มออกมา ทิ้งเจ้าหญิงหมิงเว่ยไว้ด้านข้างอย่างไม่สนใจ
ที่นางกล้าทำตัวโอหัง อวดดี และมั่นใจในตัวเองต่อหน้าของเจ้าหญิงหมิงเว่ยถึงเพียงนี้ ทั้งหมดก็เป็นเพราะในใจของเสด็จอาเก้ามีแต่นางเท่านั้น ขอแค่ไม่ล้ำเส้นของเสด็จอาเก้า นางก็สามารถทำทุกอย่างได้อย่างสบายใจ
เจ้าหญิงหมิงเว่ยแทบจะแสร้งยิ้มออกมาไม่ได้ นางอิจฉา อิจฉาเฟิ่งชิงเฉินอย่างสุดหัวใจ แต่เสด็จอาเก้าอยู่ที่นี่ นางจึงไม่มีวันแสดงตัวตนที่ก้าวร้าวของนางออกมาให้เห็น
เมื่อเห็นเฟิ่งชิงเฉินทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เจ้าหญิงหมิงเว่ยก็เลิกคิดเกี่ยวกับสิ่งที่พูดคุยกับเฟิ่งชิงเฉินเมื่อครู่ นางยิ้มและกล่าวออกมาว่า “เมล็ดบัวพวกนี้ดูน่าอร่อยยิ่งนัก ข้าเองก็อยากชิมบ้าง”
ในตอนที่พูดออกมา นางก็ยื่นมือมายังมือของเฟิ่งชิงเฉิน แต่คิดไม่ถึงว่าเสด็จอาเก้าจะเข้ามาขวางเอาไว้ “องค์หญิงอยากกิน เช่นนั้นก็ให้คนไปเก็บให้” เขาไม่ได้เอามันมาเพื่อให้องค์หญิงกิน
มือของเจ้าหญิงหมิงเว่ยแข็งทื่ออยู่กลางอากาศ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเขินอาย แต่คำพูดดังกล่าวออกมาจากปากของเสด็จอาเก้า ต่อให้นางโกรธก็ไม่สามารถแสดงอารมณ์ออกมาได้
เจ้าหญิงหมิงเว่ยแอบถอนหายใจ ดึงมือกลับเข้ามาอย่างสงบ จากนั้นก็กล่าวด้วยใบหน้าแห่งความอิจฉา “ชิงเฉิน เสด็จอาเก้าช่างดีกับเจ้ายิ่งนัก น่าอิจฉาเสียจริง”
ผู้หญิงคนนี้หน้าหนายิ่งนัก ภายใต้สถานการณ์ที่น่าอับอายเช่นนี้ นางยังยิ้มออกมาได้ เฟิ่งชิงเฉินจ้องมองไปที่เจ้าหญิงหมิงเว่ยอย่างมีความหมาย จากนั้นก็ดึงชายเสื้อของเสด็จอาเก้า “ไปนั่งในศาลากันเถอะ ข้าอยากปอกเมล็ดบัว”
“อ่า” เสด็จอาเก้าไม่รู้สึกว่าตนเองเป็นแขกผู้มาเยือนเลยแม้แต่น้อย เขาทิ้งเจ้าหญิงหมิงเว่ยไว้ตรงนั้นอย่างไม่ไยดี
เฟิ่งชิงเฉินคร่ำครวญถึงเจ้าหญิงหมิงเว่ยในใจอย่างเงียบ ๆ
นางมั่นใจแล้วว่า ในสายตาของเสด็จอาเก้า เจ้าหญิงหมิงเว่ยเป็นเพียงแค่ฝุ่นควันในอากาศเท่านั้น และเป็นฝุ่นควันที่ไม่ได้รับความสำคัญเลยแม้แต่น้อย
เฟิ่งชิงเฉินอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก นั่งปอกเมล็ดบัวอยู่ในศาลาอย่างสุขใจ ไม่นานก็ปอกเมล็ดบัวได้จำนวนหนึ่ง หลังจากที่เจ้าหญิงหมิงเว่ยระงับอารมณ์ของตนเองได้แล้ว นางก็เดินตามเข้ามา เห็นเสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินต่างคนต่างนั่งอย่างไร้อารมณ์ คนหนึ่งนั่งเฉย ๆ อีกคนนั่งปอกเม็ดบัว ทั้งสองไม่มีปฏิสัมพันธ์กันแต่อย่างใด และพวกเขาก็ไม่แม้แต่จะสบสายตากันเลยด้วยซ้ำ
เมื่อเห็นฉากดังกล่าว เจ้าหญิงหมิงเว่ยเริ่มรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย เสด็จอาเก้าไม่ได้เป็นเหมือนที่กับเฟิ่งชิงเฉินบอกไปทั้งหมด เขาไม่ได้ใส่ใจเฟิ่งชิงเฉิน ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ปล่อยให้เฟิ่งชิงเฉินนั่งอยู่เพียงลำพังโดยที่ไม่เข้ามาช่วยปอกเมล็ดบัวเป็นแน่
เสด็จอาเก้าไม่มีวี่แววว่าจะนัดพบนางเพื่อมาชมสวนเลยแม้แต่น้อย แต่กลับนัดพบนางเพื่อมาชมสวนในวันที่เฟิ่งชิงเฉินเดินทางมาถึงหนานหลิง นี่มันไม่ใช่การใช้นางเป็นเครื่องระบายอารมณ์ให้กับเฟิ่งชิงเฉินอย่างนั้นหรือ
ส่วนเฟิ่งชิงเฉินเข้ามาในสวนแห่งนี้ได้อย่างไร เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมาก จะต้องเป็นเพราะพี่ชายที่พลัดพรากจากนางไปหลายปีผู้นั้น
เจ้าหญิงหมิงเว่ยโกรธจนตัวสั่น แต่นางก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อควบคุมตนเอง ไม่ยอมให้ตนเองระเบิดมันออกมา
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าจำเอาไว้ วันนี้เจ้าทำให้ข้าต้องอับอาย ในอนาคต ข้าจะต้องทำให้เจ้าต้องอับอายมากกว่าข้าอีกหลายเท่า”
ตอนที่เฟิ่งชิงเฉินอยู่ต่อหน้าเจ้าหญิงหมิงเว่ย นางได้แสดงความรักในรูปแบบต่าง ๆ กับเสด็จอาเก้า แต่ทันทีที่ออกจากสวนแห่งตระกูลราชวงศ์ ใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินก็กลับมาเยือกเย็นในทันใด เมื่อขึ้นมาบนรถม้า นางหลับตาลง ไม่สนใจเสด็จอาเก้าแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นสภาพเช่นนั้นของเฟิ่งชิงเฉิน เสด็จอาเก้าก็รู้ได้ทันทีว่าเฟิ่งชิงเฉินพอจะคาดเดาบางสิ่งบางอย่างได้แล้ว แต่เขาก็ไม่ได้กังวลแต่อย่างใด
ทั้งสองคนไม่พูดคุยกันตลอดเส้นทาง แต่เสด็จอาเก้าก็ไม่ได้รู้สึกเบื่อหน่ายแต่อย่างใด ในตอนที่เฟิ่งชิงเฉินหลับตาลง เสด็จอาเก้าก็จ้องมองมาที่ใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉิน ช่วงเวลาเกือบสองเดือนที่ไม่ได้พบกัน เมื่อเทียบกับสิ่งที่เสด็จอาเก้าได้เห็นในวันนี้ก็คุ้มเกินพอ
แต่น่าเสียดายที่ระยะทางนั้นไม่ได้ไกล เสด็จอาเก้ายังชื่นชมความงามได้ไม่สาแก่ใจ พวกเขาก็มาถึงที่หมายแล้ว ช่วยไม่ได้ เสด็จอาเก้าทำได้เพียงเก็บสายตาของเขา
เสด็จอาเก้าลงมาจากรถม้าเป็นคนแรก จากนั้นก็ช่วยพยุงเฟิ่งชิงเฉินลงจากรถม้า การกระทำนี้เหมือนกับที่ผ่านมา การที่ไม่ได้เจอกันสองเดือน มันไม่ได้ให้ทำให้สิ่งใดเปลี่ยนไปเลย เพียงแต่......
ในตอนที่เท้าของเสด็จอาเก้าสัมผัสพื้น จู่ ๆ นางก็หันมามองเสด็จอาเก้า ยิ้มให้กับเสด็จอาเก้าอย่างมีเสน่ห์ เสด็จอาเก้ารู้สึกชื่นใจเป็นอย่างมาก ในตอนที่กำลังจะพูดอะไรออกมา เขาก็รู้สึกเจ็บที่เท้าของเขา และวินาทีถัดมา......
เสียง “ตุบ” ก็ดังขึ้นมา จากนั้น......
เสด็จอาเก้าล้มลงกับพื้น!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ไม่ต่อให้จบเหรอคะ นานแล้ว แวะมาบอกกล่าวกันบ้าง...
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...