นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1274

สรุปบท บทที่ 1274 ห้องหนังสือ, คืนนี้จะไม่ต้องนอนไม่หลับอีกต่อไป: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

บทที่ 1274 ห้องหนังสือ, คืนนี้จะไม่ต้องนอนไม่หลับอีกต่อไป – ตอนที่ต้องอ่านของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

ตอนนี้ของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายInternetทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1274 ห้องหนังสือ, คืนนี้จะไม่ต้องนอนไม่หลับอีกต่อไป จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ข้าเห็นอะไรผิดไปหรือเปล่า?

เสด็จอาเก้าล้มลงกับพื้นอย่างนั้นหรือ?

ไม่ใช่ หรือว่าเสด็จอาเก้าจะถูกแม่นางเฟิ่งทำร้าย?

ดวงตาของเหล่าองครักษ์ต่างเบิกกว้าง หลังจากนั้นก็ขยี้ตาของตนเองอย่างไม่ได้นัดหมาย ไม่ว่าพวกเขาจะขยี้ตาอย่างไร พวกเขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงเรื่องที่ว่าเสด็จอาเก้าล้มลงกับพื้นได้

“ข้า ข้าออกมาผิดเวลาไปหรือเปล่า?” มู่เหลียวออกมาต้อนรับเสด็จอาเก้า สุดท้ายกลับได้เห็นเสด็จอาเก้าในสภาพที่กำลังล้มลงกับพื้น เขามองไปที่เฟิ่งชิงเฉินด้วยความตกใจ

กล้าหาญเกินไปแล้ว เขาติดตามอยู่ข้างกายเสด็จอาเก้ามาเกือบสิบปี นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นว่ามีคนทำให้เสด็จอาเก้าล้มลงพื้นได้ แต่คนผู้นั้นก็เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง

เขาตัดสินใจอย่างแน่วแน่ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คนที่เขานับถือมากที่สุดจะกลายเป็นเฟิ่งชิงเฉิน เนื่องจากคนที่สามารถเอาเปรียบเสด็จอาเก้าได้ คนผู้นั้นจะต้องไม่ใช่คนธรรมดา

อย่าว่าแต่เหล่าองครักษ์เลย แม้แต่เสด็จอาเก้าเองก็ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะถูกเฟิ่งชิงเฉินทำให้ล้มลงกับพื้น เขาถูกผู้หญิงที่อ่อนแอทำให้ล้มลงกับพื้นงั้นหรือ?

โลกนี้มันช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก!

ความเงียบเข้ามาปกคลุมในทันใด ได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจ หลังจากผ่านความตกใจ เหล่าองครักษ์ก็เหมือนนัดกันไว้ล่วงหน้า หันหน้าไปทางอื่นพร้อมกันอีกครั้ง......

พวกเขาไม่เห็นอะไรทั้งนั้น อย่าลงโทษพวกเขาเป็นอันขาด

คนเดียวที่ยังคงนิ่งสงบและเยือกเย็นก็คือเฟิ่งชิงเฉิน หลังจากที่เฟิ่งชิงเฉินปล่อยให้เสด็จอาเก้าล้มลงพื้น นางก็ทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น นางยังคงยืนอยู่ข้างรถม้า และเตือนเสด็จอาเก้าออกมาด้วยความหวังดี “ไม่ลุกขึ้นมาอย่างนั้นหรือ?”

“ลุก” เสด็จอาเก้าเก็บใบหน้าแห่งความตกใจของเขาไว้ มองมาที่เฟิ่งชิงเฉินอย่างเฉยเมย ดวงตาคู่นั้นเหมือนกับสามารถพูดออกมาได้ เขาต้องการให้เฟิ่งชิงเฉินพยุงเขาขึ้น

เฟิ่งชิงเฉินแสร้งทำเป็นยื่นมือออกไปตามสัญชาตญาณ หลังจากยื่นมือออกไปครึ่งทาง นางถึงรู้สึกตัวว่าตนเองกำลังทำอะไร นางรีบดึงมือกลับมา หันไปหาเหล่าองครักษ์ที่อยู่รอบ ๆ พร้อมตะโกนออกมาว่า “พวกเจ้ามัวยืนทำอะไรกันอยู่ ไม่เห็นหรือไงว่าเสด็จอาเก้าล้มลงกับพื้น เหตุใดถึงยังไม่รีบวิ่งเข้ามาพยุงเขา”

“อ่า......ขอรับ” คราวนี้องครักษ์ไม่สามารถหลบหลีกได้อีกต่อไป ใบหน้าของแต่ละคนเต็มไปด้วยความลำบากใจ ไม่มีใครอยากก้าวออกมาด้านหน้า ในใจของเขาได้แต่ภาวนา ขออย่าให้เสด็จอาเก้าโกรธและลงโทษพวกเขาเลย

หึ......มีเจ้านายเป็นคนอย่างไร ก็จะมีลูกน้องเป็นคนอย่างนั้น แต่ละคนแสร้งทำเป็นโง่ เฟิ่งชิงเฉินจ้องเขม็งมาที่เสด็จอาเก้า จากนั้นก็เดินเข้าไปด้านใน

“นายท่าน......” เหล่าองครักษ์ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว พวกเขาก้มหน้าลงและลดตัวลงต่ำอยู่ด้านข้างของเสด็จอาเก้า เพื่อเขาพยายามเก็บความรู้สึกของตนเองให้มากที่สุด พยายามทำให้เสด็จอาเก้าสังเกตไม่เห็นการมีอยู่ของพวกเขา

“อ่า” น้ำเสียงของเสด็จอาเก้าไม่ได้แปลกไป รู้สึกได้เลยว่าเขาไม่ได้โกรธ เขาเพิกเฉยต่อการช่วยเหลือขององครักษ์ จากนั้นเสด็จอาเก้าก็ลุกขึ้นมาจากพื้นด้วยตัวเอง

เขาไม่ได้ล้มลงไปอย่างรุนแรง ที่เขานั่งอยู่นานและไม่ยอมลุกขึ้นมาก็เพราะว่าเขาเองก็ไม่อยากเชื่อว่าตนเองจะถูกเฟิ่งชิงเฉินทำให้ล้มลงไปกับพื้นจริง ๆ เวลานี้เขาเพิ่งจะได้สติกลับคืนมา

การระมัดระวังตัวของเขาลดลงและอ่อนแอถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? หากเมื่อครู่เฟิ่งชิงเฉินต้องการสังหารเขา เกรงว่าเวลานี้เขาคงกลายเป็นศพไปแล้ว

บางทีอาจจะเป็นเพราะเขาไม่เคยระมัดระวังตัวเองในตอนที่อยู่กับเฟิ่งชิงเฉินมาก่อน

เสด็จอาเก้ายิ้มเย้ยตัวเอง ปัดฝุ่นบนร่างกายของตน ส่ายหน้าพร้อมกับเดินเข้าไปด้านใน ในตอนที่เดินผ่านมู่เหลียว เสด็จอาเก้าหยุดฝีเท้าของเขา “หักเงินเดินเจ้าหนึ่งเดือน ส่วนคนอื่น ๆ ให้แบกน้ำหนักหนึ่งร้อยจินและวิ่งรอบแม่น้ำสามรอบ”

กล้าดูความอับอายของเขา ช่างกล้าหาญยิ่งนัก

“ขอรับ ท่านอ๋อง” มู่เหลียวก้มหน้า ไม่กล้าให้เสด็จอาเก้าเห็นรอยยิ้มที่กำลังอดกลั้นของเขา

รอยยิ้มแห่งความภูมิใจฉายออกมาให้เห็นจากแววตาของเสด็จอาเก้า เขาให้คนรับใช้ไปปรนนิบัติเฟิ่งชิงเฉินเป็นอย่างดี ส่วนตัวเขาก็เข้าไปทำงานในห้องหนังสือ

คืนนี้ ในที่สุดเขาก็ไม่ต้องนอนนอนไม่หลับอีกต่อไป

เฟิ่งชิงเฉินหลีกเลี่ยงที่จะพบเขา แม้แต่ตอนทานอาหารเย็นก็ทานในห้อง เสด็จอาเก้าขมวดคิ้ว ค่อย ๆ ทานอาหารอย่างช้า ๆ หลังจากทานเสร็จก็ออกไปเดินเล่นรอบ ๆ

ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ สถานที่ซึ่งเสด็จอาเก้าออกไปเดินเล่นนั้นอยู่แถว ๆ ห้องของเฟิ่งชิงเฉิน แต่เขาก็แค่เดินวนอยู่ใกล้ ๆ ห้องของเฟิ่งชิงเฉินเท่านั้น ไม่ได้เข้าไปด้านใน

จนกระทั่งท้องฟ้ากลายเป็นสีดำ เสด็จอาเก้าถึงเดินเข้าไปในห้อง ในตอนที่เดินไปได้ไม่กี่ก้าว สายลับของเขาก็ปรากฏตัวออกมาจากมุมมืด คุกเข่าข้างหนึ่งอยู่ตรงหน้าของเสด็จอาเก้า “ท่านอ๋อง แม่นางเฟิ่งถือกล่องอาหารเดินตรงไปยังห้องหนังสือ”

เสด็จอาเก้าชื่นชมสายลับด้วยสายตา จากนั้นก็หันกลับไปอย่างเฉยเมย เดินไปยังห้องหนังสือจากอีกเส้นทางหนึ่ง เพื่อให้ไปถึงที่นั่นก่อนหน้าของเฟิ่งชิงเฉิน เสด็จอาเก้าจึงใช้วิชาตัวเบาของเขาออกมา

“ท่านอ๋องแปลกไปจริง ๆ เหตุใดเขาจึงไม่ยอมพูดออกมาตามตรง?” สายลับส่ายหน้า ทำท่าทางเหมือนกับคนไม่เข้าใจ

“ด้วยนิสัยของท่านอ๋อง เขามักจะทำเช่นนี้เสมอ ไม่ใช่ว่าเจ้ารู้ตั้งแต่วันแรกแล้วหรือ ว่าท่านอ๋องไม่เคยพูดอะไรออกมาตรง ๆ เขาชอบให้คนอื่นคาดเดา หากคาดเดาได้ถูกก็ดีไป หากคาดเดาผิด เช่นนั้นก็คงน่าเห็นใจ” สายลับที่เพิ่งจะเข้ามารายงานกับเสด็จอาเก้าเช็ดเหงื่อเย็นของเขา “เมื่อครู่ข้าตกใจแทบแย่ ข้าคิดว่าท่านอ๋องจะไม่พอใจ และกล่าวหาว่าข้าว่างจนไม่มีอะไรทำ”

“เจ้าควรจะภาคภูมิใจ เมื่อครู่ข้าสังเกตเห็นอย่างชัดเจนว่าท่านอ๋องมีความสุขเป็นอย่างมาก เจ้าทำได้ดีมาก” สายลับชื่นชมออกมา แต่ในใจก็แอบสาปแช่งว่าเด็กคนนี้นั้นฉลาดเกินไป

“ข้าเองก็แค่เดิมพันกับมันเท่านั้น จะเป็นหรือตายก็อยู่ที่ท่านอ๋องจะตัดสิน โชคดีที่การเดิมพันของข้านั้นถูกต้อง” แม้จะพูดออกมาเช่นนี้ แต่ความภูมิใจในสายตาของสายลับผู้นั้นก็ปรากฏออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน

“เจ้าวางใจ ท่านอ๋องไม่ใช่แค่ไม่โกรธเท่านั้น แต่เขายังมีความสุขเป็นอย่างมาก ข้าคิดว่าหลังจากเรื่องนี้จบลง พวกเราอาจจะได้รับรางวัลบางอย่าง” สายลับนึกถึงมู่เหลียวที่ถูกตัดเงินเดือนและเหล่าองครักษ์ที่ถูกลงโทษ เขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างอนิจจา ชีวิตของเขาช่างแสนสบายใจริง ๆ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ