เนื่องจากมีสายลับมารายงานให้กับเสด็จอาเก้าได้รับรู้ก่อน เขาจึงใช้วิชาตัวเบาของเขา ทำให้มาถึงห้องหนังสือเร็วกว่าเฟิ่งชิงเฉินอยู่ก้าวหนึ่ง
เสด็จอาเก้านั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะหนังสือ มือขวาของเขากดลงไปบนหัวใจ พยายามทำอย่างเต็มที่เพื่อให้หัวใจที่กำลังเต้นแรงของตนเองเต้นเป็นปกติ ได้ยินเสียงเท้าดังขึ้นมาจากด้านนอก เสด็จอาเก้ารีบทำให้งานที่อยู่บนโต๊ะกระจัดกระจาย รินน้ำลงบนแท่นหมึก จากนั้นก็เริ่มฝนหมึกของเขา
ในตอนที่เฟิ่งชิงเฉินเดินเข้ามา นางก็ได้เห็นเสด็จอาเก้านั่งจัดการงานต่าง ๆ อยู่หน้าโต๊ะด้วยท่าทางจริงจัง ไม่รู้ว่าพู่กันในมือกำลังเขียนสิ่งใดอยู่ แม้ว่าจะไม่ได้ขยับอย่างรวดเร็ว แต่ดูจากท่าทางความมั่นใจของเขาแล้ว มันก็เหมือนกับไม่มีเรื่องใดที่ยากเกินความสามารถของเขา
ผู้ชายที่จริงจังนั้นมีเสน่ห์ที่สุด เสด็จอาเก้าดูจริงจังอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นเสด็จอาเก้าจึงดูมีเสน่ห์อยู่เสมอ
“แคก แคก......” เฟิ่งชิงเฉินกระแอมออกมาเพื่อบอกเสด็จอาเก้าว่าตนเองอยู่ที่นี่
มือที่กำลังเขียนข้อความของเสด็จอาเก้าหยุดลงทันใด วางพู่กันลง เงยหน้าขึ้น “ชิงเฉิน?” ราวกับว่าตกใจที่เฟิ่งชิงเฉินปรากฏตัวออกมา เสด็จอาเก้าจับจ้องไปที่เฟิ่งชิงเฉินอย่างไม่กะพริบตา
เนื่องจากเสด็จอาเก้าต้องทำงานต่าง ๆ ให้เรียบร้อย ดวงไฟในห้องหนังสือของเขาจึงสว่างเป็นอย่างมาก ไม่มีมุมมืดแม้แต่มุมเดียว เสด็จอาเก้าเงยหน้าขึ้นมาเช่นนี้ เขาจึงสามารถมองเห็นการแสดงออกของเฟิ่งชิงเฉินได้ทั้งหมด
ดวงตาของนางเป็นสีแดงเล็กน้อย ใบหน้าของนางดูเขินอาย มันน่ารักเป็นที่สุด ทำให้เขาอดคิดไม่ได้ที่จะโอบกอดนางไว้ในอ้อมแขนโดยไม่ยอมปล่อย
เสด็จอาเก้ากลืนน้ำลาย ระงับความสั่นไหวในใจของเขา วางพู่กันในมือลง นั่งอยู่ด้านข้างของโต๊ะหนังสือ โบกมือให้กับเฟิ่งชิงเฉินพร้อมกล่าวว่า “จะยืนอยู่ทำไม มานั่งเร็ว”
“อื้อ” เฟิ่งชิงเฉินเห็นว่าเสด็จอาเก้าไม่ได้โกรธแต่อย่างใด ความลำบากใจที่มีก็สบายหายไป นางนั่งลงฝั่งตรงข้ามของโต๊ะพร้อมกับวางกล่องอาหารในมือลง “ได้ยินมาว่าเจ้ายุ่งอยู่กับงานมาโดยตลอด ข้าจึงให้คนทำอาหารทำซุปหวานมาให้”
การส่งของหวานไปในห้องหนังสือถือเป็นท่าไม้ตายของผู้หญิงในยุคโบราณ นางจึงเรียนรู้ที่จะทำเช่นนี้ และหวังว่าจะได้ผล
“นำซุปหวานมาให้ข้า?” เสด็จอาเก้าตะลึงงันอีกครั้ง
เขาโตมาจนถึงตอนนี้ ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนเอาของกินมาให้เขา ต้องบอกเลยว่านี่เป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลกประหลาด มันจึงกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของเสด็จอาเก้าขึ้นมาทันใด “เป็นซุปอะไรอย่างนั้นหรือ?”
เขายอมรับ เขาคาดหวังกับมันเป็นอย่างมาก ด้วยท่าทางที่แสดงออกมาของทั้งสองคน มันดูเหมือนกับสามีภรรยา คงจะดีหากทุกคืนนับตั้งแต่วันนี้ มีเฟิ่งชิงเฉินค่อยนำของหวานมาส่งให้เขาในตอนที่เขากำลังทำงาน
เอาล่ะ เป็นเขาที่โลภมากเกินไป
เสด็จอาเก้าดึงสายตาที่เหม่อลอยของเขากลับมา จ้องมองไปยังกล่องอาหารที่อยู่ด้านหน้า อยากรู้จริง ๆ ว่าเฟิ่งชิงเฉินเตรียมของหวานอะไรมาให้กับเขา
เห็นท่าทางที่ดูเงียบสงัด และไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นตรงหน้าประตู เฟิ่งชิงเฉินผ่อนคลายลงมาก เปิดกล่องอาหารด้วยความกระตือรือร้น หยิบชามขนาดเล็กออกมา จากนั้นก็ยื่นมันให้กับเสด็จอาเก้า “มันคือซุปเมล็ดบัว ทำจากเมล็ดบัวที่เจ้าเก็บมาให้ข้าในช่วงกลางวัน ข้าพยายามปอกเปลือกออกที่ละเม็ด เพื่อให้เหลือแต่เมล็ดด้านใน”
เฟิ่งชิงเฉินกำลังอธิบาย หลังจากที่นางกลับมาแล้ว นางไม่ได้พยายามหลบหน้าเสด็จอาเก้า แต่นางกำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมของหวานชามนี้ให้กับเสด็จอาเก้า
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเฟิ่งชิงเฉินจึงกล่าวว่านางจะไม่กินเมล็ดบัวในตอนนี้ ทั้งหมดก็เพราะ......
เสด็จอาเก้าจ้องไปยังเมล็ดบัวที่อยู่ในชาม แววตาของเขาอ่อนโยนลง หัวใจของเขาก็นุ่มนวลลงเป็นอย่างมาก รับชามดังกล่าวมาจากมือของเฟิ่งชิงเฉิน จากนั้นก็เอ่ยปากออกไปเบา ๆ ว่า “ข้ากำลังหิวอยู่พอดี”
เมื่อครู่เขาเฟิ่งจะทานอาหารเย็นมาหมาด ๆ ถ้าหิวจริง ๆ ก็คงบ้าไปแล้ว แต่เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ได้เปิดเผยเรื่องนี้ออกมา เพียงแค่ยิ้มและมองมาที่เสด็จอาเก้า เพื่อบ่งบอกให้เสด็จอาเก้ารีบทานมันเข้าไป
นางรู้ว่าซุปเมล็ดบัวชามนี้จะสามารถเกลี้ยกล่อมเสด็จอาเก้าได้ ทำให้เสด็จอาเก้าละเลยการปรากฏตัวอย่างกะหันของนาง ไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยเหล่านั้น
จริง ๆ แล้วเสด็จอาเก้าเป็นคนที่สามารถเกลี้ยกล่อมได้โดยง่าย ไม่ต่างอะไรกับนาง หากนางโกรธเสด็จอาเก้า ขอแค่เสด็จอาเก้าพูดประโยคดี ๆ กับนางสักสองสามประโยค นางก็ลืมเรื่องราวอันเลวร้ายที่เกิดขึ้นไปจนหมดสิ้น
เสด็จอาเก้าค่อย ๆ กินมันเข้าไป ไม่อยากกินให้หมดในคำเดียว เขากินเมล็ดบัวเข้าไปที่ละเม็ด เหมือนกับที่เฟิ่งชิงเฉินเก็บมันใส่ถึงเมื่อกลางวัน นางค่อย ๆ เก็บมันที่ละเม็ด ด้วยท่าทางที่จริงจังและสมาธิที่จดจ่อ เขาทำราวกับว่าเมล็ดบัวที่อยู่ตรงหน้านั้นเป็นสมบัติอันล้ำค่า
ในสายตาของเสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉิน เมล็ดบัวที่ไร้ค่าชามนี้ มันคือสมบัติอันล้ำค่าอย่างแท้จริง เนื่องจากเสด็จอาเก้าเป็นคนเก็บมันมาด้วยมือของตนเอง เฟิ่งชิงเฉินเป็นคนปอกมันด้วยมือของนางเอง ทุกเม็ดแสดงถึงความรักที่ไม่อาจแยกออกจากกัน มันแสดงถึงความโหยหาและความทะนุถนอมซึ่งกันและกันของพวกเขา
“อร่อยไหม?” เฟิ่งชิงเฉินชอบท่าทางการกินที่จริงจังของเสด็จอาเก้าเป็นอย่างมาก เมล็ดบัวเม็ดเล็ก ๆ เสด็จอาเก้าทำราวกับว่ามันเป็นสมบัติอันล้ำค่า ไม่ปล่อยให้มันเสียเปล่าแม้แต่เม็ดเดียว
ในเวลานี้ ความไม่พอใจที่หลงเหลืออยู่ของทั้งสองคนได้หายไปจนหมดสิ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...
ตอนที่ 1425 หายไปค่ะ...