นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1285

เฟิ่งชิงเฉินไม่มีเวลามากพอที่จะครุ่นคิดว่าความเศร้าโศกในดวงตาของจ้านหยานคืออะไรก็ถูกผู้อาวุโสเหวินหยวนขัดจังหวะไปเสียก่อน

ผู้อาวุโสเหวินหยวนก้าวมาด้านหน้า เพื่อแนะนำเฟิ่งชิงเฉินและจ้านหยานอย่างเป็นทางการ เพราะเฟิ่งชิงเฉินและองค์หญิงหมิงเว่ยเคยพบกันมาก่อนหน้านี้ เขาก็แค่ยิ้มและบอกให้ทั้งสองคนทำตัวตามสบาย ที่นี่ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับเรื่องของตัวตน เนื่องจากที่นี่ไม่มีสิ่งของเหล่านั้นอยู่

เฟิ่งชิงเฉินและผู้อาวุโสเหวินหยวนตอบตกลงโดยไม่ลังเล หลังจากที่ทั้งสามทักทายกันแล้ว พวกเขาก็ย้ายสถานที่ไปยังศาลาด้านนอก ผู้อาวุโสเหวินหยวนไม่ได้ตามออกไปด้วย ครั้งนี้ที่เข้าเชิญเฟิ่งชิงเฉินเข้ามา ก็เพื่ออยากให้จ้านหยานทำความรู้จักกับเฟิ่งชิงเฉิน และอยู่เป็นเพื่อนองค์หญิงหมิงเว่ย

จ้านหยานเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถมาก นางเป็นผู้หญิงที่อ่อนโยน แต่ก็มีความห้าวหาญเหมือนกับผู้ชาย เห็นได้ชัดว่านางแข็งแกร่งกว่าผู้หญิงธรรมดาทั่วไปเป็นอย่างมาก การที่จะเข้าไปทำความรู้จักกับนางจึงไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด

ในตอนนี้เฟิ่งชิงเฉินก็เข้าใจแล้วว่าความโศกเศร้าก่อนหน้านี้ของจ้านหยานคืออะไร แต่แม่นางผู้นี้ก็ไม่ได้พูดถึงหวังจิ่นหลิงเลยแม้แต่ครึ่งคำ ทำให้เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกนับถือในตัวของจ้านหยานเป็นอย่างมาก และยกระดับความรู้สึกขึ้นไปอีกขั้น

ดังนั้นเมื่อจ้านหยานเผยว่าตนเองต้องการเดินทางไปยังตงหลิงพร้อมกับผู้อาวุโสเหวินหยวน เฟิ่งชิงเฉินจึงไม่รอให้จ้านหยานเอ่ยปากออกมา และนางก็เป็นฝ่ายเชิญชวนให้จ้านหยานเดินทางไปยังตงหลิงด้วยตัวเอง

จู่ ๆ ดวงตาของจ้านหยานก็เปล่งประกายขึ้นมา อ้าปากพร้อมที่จะตอบรับ แต่สุดท้ายอารมณ์ก็ไม่อาจเอาชนะเหตุผลได้ นางส่ายหน้าและกล่าวออกมาว่า “ขอบคุณชิงเฉิน......แต่มันลำบากเกินไปที่ข้าจะเดินทางไปยังตงหลิง”

“มันลำบากตรงไหนงั้นหรือ เสด็จอาเก้าถือพระราชโองการเชิญผู้อาวุโสเหวินหยวนให้เดินทางไปยังตงหลิง เจ้าเดินทางไปกับผู้อาวุโสเหวินหยวนในฐานะผู้ดูแล เหตุผลดังกล่าวก็ไม่ได้ผิดแปลกแต่อย่างใด” สีหน้าของเฟิ่งชิงเฉินเต็มไปด้วยความจริงใจ นางชื่นชอบจ้านหยานผู้นี้จริง ๆ นางเห็นว่าจ้านหยานต้องการเดินทางไปยังตงหลิง และการที่มีจ้านหยานเดินทางไปเพิ่มอีกหนึ่งคนมันก็ไม่ได้ลำบากมากมายอะไร

“ข้าขอคิดดูก่อน......” จ้านหยานหวั่นไหว นิ้วมือของนางสั่นเทาเล็กน้อย จากนั้นก็สงบลงอีกครั้ง แต่นางก็เป็นเพียงเด็กผู้หญิงที่มีอายุเพียงสิบกว่าปี นางรอคอยที่จะได้เดินทางไปยังบ้านของหวังจิ่นหลิง เวลานี้โอกาสมาอยู่ตรงหน้าแล้ว จะให้นางสงบสติอารมณ์ลงได้อย่างไร

ต้องรู้ก่อนว่า หากพลาดโอกาสครั้งนี้ไป ชีวิตนี้ของนางก็อาจจะไม่ได้พบกับหวังจิ่นหลิงอีกตลอดไปเลยก็เป็นได้ เนื่องจากอายุของนางก็ไม่น้อยแล้ว อีกไม่นานก็ถึงเวลาออกเรือน หลังจากออกเรือนไปแล้ว ความรักและความรู้สึกที่หลงเหลืออยู่ในใจก็ไม่อาจรั้งมันเอาไว้ได้

เฟิ่งชิงเฉินเองก็ไม่ได้บังคับ นางเพียงแค่กล่าวออกมาว่า “อย่างไรก็ไม่ได้รีบร้อนถึงเพียงนั้น เสี่ยวหยานลองคิดดูให้ดีก่อน จากนั้นก็เตรียมตัวให้พร้อม มีเจ้าคอยให้การดูแลผู้อาวุโสเหวินหยวน ผู้อาวุโสเหวินหยวนจะต้องมีความสุขมากเป็นแน่”

เฟิ่งชิงเฉินมอบเหตุผลแห่งความกตัญญูให้กับจ้านหยาน เช่นนี้จะสามารถระงับแรงกดดันในใจของนางได้ จ้านหยานมีความคิดที่อยากจะไปแต่แรกเริ่ม ที่เหลือก็แค่ขออนุญาตจากผู้อาวุโสเหวินหยวน เฟิ่งชิงเฉินคิดว่าเรื่องนี้ความเป็นไปได้ที่จะสำเร็จนั้นสูงมาก

องค์หญิงหมิงเว่ยมองมาที่เฟิ่งชิงเฉิน ลังเลอยู่พักใหญ่ จากนั้นก็เอ่ยปากออกมาว่า “ชิงเฉิน หากข้าอยากไปด้วย จะได้หรือไม่?”

“องค์หญิง? ท่านจะเดินทางไปตงหลิงอย่างนั้นหรือ?” เสียงของเฟิ่งชิงเฉินสูงขึ้นอย่างผิดปกติ การเดินทางขององค์หญิงนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย มันจะเป็นการสร้างปัญหาให้กับเสด็จอาเก้าเป็นอย่างมาก

องค์หญิงหมิงเว่ยเองก็รู้ว่าการเดินทางของนางนั้นอาจทำให้คนจำนวนมากเข้าใจผิด นางจึงอธิบายออกมาว่า “ชิงเฉินอย่าคิดมาก ข้า......ข้าไม่ได้มีความหมายอื่นแอบแฝง ข้าแค่อยากไปเห็นตงหลิง เจ้าก็รู้ว่าราชวงศ์หนานหลิงของข้ามีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับตระกูลหวัง ข้าก็แค่อยากไปดูให้เห็นกับตาของตัวเอง”

เหตุผลดังกล่าว เฟิ่งชิงเฉินไม่เชื่อมันเลยสักนิด แต่นางก็ไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายลำบากใจ แต่แน่นอน เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่มีทางเห็นด้วย นางกล่าวออกมาว่า “หากจักรพรรดิต้องการให้องค์หญิงเดินทางไปยังตงหลิง เช่นนั้นก็จำเป็นต้องส่งสาส์นรายงานไปยังตงหลิงเสียก่อน และจากเวลาที่เหลืออยู่แล้ว......” พวกเขาไม่สามารถอยู่ในหนานหลิงเพื่อรอองค์หญิงหมิงเว่ย และเสียเวลาเป็นเดือนได้

“ไม่ ข้าไม่ได้ไปในฐานะขององค์หญิง แต่ข้าไปในฐานะศิษย์คนหนึ่งของท่านอาจารย์” องค์หญิงหมิงเว่ยพูดออกมาอีกครั้ง ดวงตาของนางเผยให้เห็นความอ้อนวอน

ปัญหาดังกล่าวมันได้เกินขอบเขตที่เฟิ่งชิงเฉินจะสามารถให้คำตอบกับมันได้ไปแล้ว จ้านหยานจึงรับปัญหานั้นไว้ด้วยตัวเอง “เว่ยเอ๋อร์ เจ้านี่มันช่างดื้อด้านยิ่งนัก เรื่องนี้จำเป็นต้องถามฝ่าบาทและท่านพ่อของข้าเสียก่อน แม้ว่าเจ้าจะเป็นลูกศิษย์ของท่านพ่อ แต่ก็เป็นองค์หญิงในราชวงศ์ การที่เจ้าจะเดินทางไปยังตงหลิง มันไม่ก็ไม่ได้ง่ายดายถึงเพียงนั้น”

“ด้วยเหตุผลนี้ องค์หญิง ตราบใดที่ท่านยังเป็นคนของราชวงศ์อยู่ เรื่องนี้ก็ต้องถามความเห็นจากฝ่าบาท” เฟิ่งชิงเฉินหันไปยิ้มให้กับจ้านหยาน

แม้ว่าวันนี้องค์หญิงหมิงเว่ยจะทำตัวได้เป็นปกติเป็นอย่างมาก แต่นางก็ไม่อยากพาผู้หญิงที่อยากอยู่เคียงข้างกับเสด็จอาเก้าร่วมเดินทางไปกับนางด้วย

“หากเสด็จพ่อและท่านอาจารย์เห็นด้วย เช่นนั้นชิงเฉินก็จะยอมให้ข้าร่วมเดินทางไปด้วยใช่หรือไม่?” ไม่หมกมุ่นอยู่กับเสด็จอาเก้าอีกต่อไป องค์หญิงหมิงเว่ยผู้นี้ถือเป็นผู้หญิงที่ฉลาดมากคนหนึ่ง

นางเข้าใจดี แม้ว่านางจะได้รับการยินยอมจากทุกคน แต่ไม่ได้รับการยินยอมจากเฟิ่งชิงเฉิน เสด็จอาเก้าก็ไม่มีทางให้นางร่วมเดินทางไปด้วยเป็นแน่ สุดท้ายแล้วความคิดของเสด็จอาเก้าขึ้นอยู่กับสิ่งใด ทุกคนก็ต่างรู้กันดี

“เว่ยเอ๋อร์......” จ้านหยานขมวดคิ้ว ส่ายหน้าให้กับองค์หญิงหมิงเว่ยเพื่อบอกว่าอย่าทำอะไรให้มากไปกว่านี้จะดีกว่า

องค์หญิงหมิงเว่ยยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “หยานเอ๋อร์ ข้าก็แค่อยากไปเห็นตระกูลหวังแห่งตงหลิงก็เท่านั้น”

ทุกคนต่างคิดว่าการเดินทางครั้งนี้ของนาง ทั้งหมดก็เพราะเสด็จอาเก้า แต่เช่นนี้ก็ดีแล้ว แต่ด้วยเหตุผลเช่นนี้ก็ดีแล้ว เสด็จพี่จะได้ไม่เข้ามาสร้างความวุ่นวายระหว่างการเดินทาง องค์หญิงหมิงเว่ยมองไปที่เฟิ่งชิงเฉินอีกครั้ง เพื่อต้องการคำตอบที่ชัดเจนจากเฟิ่งชิงเฉิน

เฟิ่งชิงเฉินยังคงพยายามต่อไป ยิ้มออกมาพร้อมกล่าวว่า “หากฝ่าบาทและท่านผู้อาวุโสเห็นด้วย ชิงเฉินจะห้ามได้อย่างไร”

องค์หญิงหมิงเว่ยไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนจากเฟิ่งชิงเฉิน แม้ว่าในใจจะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่มันก็เป็นเหตุผลที่สามารถเข้าใจได้ หากเป็นนาง นางก็คงไม่เห็นด้วยเป็นแน่

จ้านหยานเห็นว่าบรรยากาศเริ่มแข็งทื่อขึ้นเรื่อย ๆ นางจึงเชิญเฟิ่งชิงเฉินและองค์หญิงหมิงเว่ยเข้าไปยังในห้องหนังสือของนาง เฟิ่งชิงเฉินก็ตอบรับอย่างมีความสุข

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ