นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1316

สรุปบท บทที่ 1316 ต่ำทราม , ข้าไม่เคยเป็นสุภาพบุรุษ: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

ตอน บทที่ 1316 ต่ำทราม , ข้าไม่เคยเป็นสุภาพบุรุษ จาก นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1316 ต่ำทราม , ข้าไม่เคยเป็นสุภาพบุรุษ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายInternet นางสนมแพทย์อัจฉริยะ ที่เขียนโดย อาช้าย เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

แม้ว่าคนร้ายจะถูกจับได้แล้วก็ตาม เสด็จอาเก้าก็สั่งให้ยกเลิกการปิดเมือง เมืองนี้ยังคงเป็นเมืองที่เข้าง่ายแต่ออกยาก คนธรรมดาทั่วไปจึงไม่คิดที่จะเข้าไป แต่ถ้าพวกสายลับที่มีเจตนาแอบแฝงเข้ามาแล้วก็ยากที่จะได้กลับออกไป

เมืองชายแดนปกติก็เงียบอยู่แล้ว เมื่อเสด็จอาเก้าประกาศภาวะฉุกเฉินยิ่งทำให้เมืองนี้ยิ่งเงียบเหงาขึ้นไปอีก ผู้คนที่สัญจรไปมาบนถนนต่างเดินเบา ๆ ไม่กล้าส่งเสียงดัง ร้านค้าที่ตะโกนขายของระหว่างสองข้างทางก็หายไปหมด หากไม่มีความจำเป็นก็ไม่มีใครกล้าออกบ้าน

ช่วงแรก ๆ ราษฎรต่างตื่นตระหนก เกรงว่าเจ้าหน้าที่ทางการจะจับคนไปสุ่มสี่สุ่มห้า แต่หลังจากรอดูสถานการณ์ไปสองสามวันก็พบว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น จึงออกมาทำการทำงานกันตามปกติ

การมาถึงของหวังจิ่นหลิง ไม่ได้สร้างความวุ่นวายมากมากนัก มีเพียงไม่กี่คนที่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ หวังจิ่นหลิงเองก็เดินทางอย่างเงียบ ๆ ไม่มีใครรู้ว่าชายที่ขี่ม้าทั้งวันทั้งคืนคนนี้เป็นคุณชายที่มีชื่อเสียง

คนอื่นไม่รู้ ใช่ว่าเสด็จอาเก้าจะไม่รู้ หวังจิ่นหลิงเพิ่งจะเดินทางถึงหน้าประตูเมือง ก่อนที่เขาจะเผยสถานะของเขา เสด็จอาเก้าได้ส่งคนของเขาไปรอต้อนรับเขาอยู่ก่อนแล้ว พวกเขาเข้าตอนรับหวังจิ่นหลิง : "คุณชายใหญ่ เชิญทางนี้..."

ผู้มาต้อนรับไม่ได้เปิดเผยตัวตนของเขา แต่เมื่ออยู่ที่นี่ ก็มีแต่คนของเสด็จอาเก้าเท่านั้น หวังจิ่นหลิงจึงไม่ได้ขัดขืนและติดตามผู้มาต้อนรับเข้าไปในเมืองแต่โดยดี

รูปลักษณ์ของเขาตอนนี้ดูเหนื่อยล้ามาก และเขาต้องการอาบน้ำก่อนถึงจะออกไปพบปะผู้คน

สองชั่วโมงต่อมา นอกจากสีหน้าดูแย่นิดหน่อยแล้ว แต่หวังจิ่นหลิงก็ยังคงเป็นคุณชายใหญ่ผู้สูงศักดิ์คนนั้น เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเขาต้องเผชิญลมฝน ดังนั้นจึงทำให้เขาดูหนักแน่นและเหมือนผู้ใหญ่มากขึ้น

เสด็จอาเก้าไม่ได้ให้จั่นเหยียนไปพบหวังจิ่นหลิง และไม่ได้บอกเฟิ่งชิงเฉินว่าหวังจิ่งหลิงได้มาถึงแล้ว แต่เชิญเขาเข้าไปในห้องหนังสือเลยทันที

มีเรื่องบางเรื่อง พวกเขาจำเป็นต้องคุยกันให้เสร็จก่อน ถ้าไม่มีเหตุผิดพลาดอะไร ช่วงบ่ายคนของตระกูลจั่นก็จะมาถึงกันแล้ว

ชายหนุ่มทั้งสองคนมองหน้ากัน เหมือนมีประกายไฟแวบขึ้นทันทีที่ทั้งสองสบตากัน ทั้งสองรีบดึงสายตาไปที่อื่นทันที และทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ไม่มีการเสแสร้งทำเป็นทักทายกัน หวังจิ่นหลิงก็ไม่ต้องการการทักทายจากเสด็จอาเก้า เขานั่งลงที่นั่งด้านหน้า เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วถามว่า: "เกี่ยวกับเรื่องนี้ ท่านต้องมีคำอธิบายหน่อยไหม "

“เจ้าต้องการฟังคำอธิบายแบบไหน? เครือข่ายที่เกี่ยวข้องกับตระกูลหวังนั้น สิ่งที่ข้าสามารถสืบได้ เป็นไปไม่ได้ที่คุณชายใหญ่จะสืบไม่ได้” เสด็จอาเก้าเอนหลังบนเก้าอี้ ท่าทางดูผ่อนคลายไม่ได้จริงจังมากนัก

ไม่มีสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างเขาทั้งสองคน และไม่มีการปะทะกัน แต่บรรยากาศในห้องหนังสือกลับกดดันอย่างยิ่ง หวังจิ่นหลิงขมวดคิ้วเล็กน้อย และพูดอย่างตรงไปตรงมา: "ท่านอาจารย์ตายเพราะท่าน แม้ว่าคนที่ลงมือจะไม่ใช่ท่าน ยังไงท่านก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”

ถ้าไม่ใช่เพื่อกดดันเสด็จอาเก้าแล้ว คนเหล่านั้นคงไม่ลงมือสังหารอาจารย์เหวินหยวน เป็นเพราะเสด็จอาเก้าที่ทำให้อาจารย์เหวินหยวนต้องตาย ไม่ว่าอย่างไรเสด็จอาเก้าก็ต้องให้คำอธิบายแก่พวกเขา

เกี่ยวกับเรื่องนี้เสด็จอาเก้าก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ หากเขาไม่ได้รับข้อมูลเมื่อวานนี้ ด้วยข้อมูลชิ้นนั้น ก็ยากที่จะบอกว่าอาจารย์เหวินหยวนนั้นตายเพราะใคร

เสด็จอาเก้าไม่อยากเสียเวลาพูดมากเกินไป จึงได้เอาข้อมูลชิ้นนั้นออกมาจากลิ้นชัก แล้ววางมันไว้บนโต๊ะ: "คุณชายใหญ่ เจ้าควรดูสิ่งนี้ก่อน แล้วเราค่อยมาคุยกันว่าท่านอาจารย์นั้นตายเพราะใคร"

ด้วยหลักฐานชิ้นนี้ ไม่ว่าหวังจิ่นหลิงหรือคนในตระกูลจั่น ก็ต้องยอมรับ

หวังจิ่นหลิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อเห็นเสด็จอาเก้านิ่งสงบเช่นนี้ ในใจของเขากลับรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย ลุกขึ้นยืนแล้วหยิบข้อมูลชิ้นนั้นขึ้นมา เขายืนอยู่หน้าโต๊ะและเริ่มเปิดอ่าน หวังจิ่นหลิงยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา

“มันเป็นไปไม่ได้” แผ่นกระดาษหลุดร่วงลงจากมือของหวังจิ่งหลิง และกระจัดกระจายไปทั่วพื้น หวังจิ่นหลิงถอยหลังด้วยความตกใจ

“เขารู้สึกสบายใจ แล้วข้าล่ะ ? ถ้าเขาอยากตายข้าจะไม่ห้ามเขาเลย แต่การตายของเขาทำให้ข้าต้องลำบาก เขาทำให้ข้าลำบาก ทุกคนก็อย่าได้อยู่อย่างสงบเลย” สิ่งที่อาจารย์เหวินหยวนเป็นห่วงที่สุดคือตระกูลจั่นและสำนักศึกษาจี้เซี่ย เขาต้องการปกป้องทั้งสองฝ่ายด้วยการตายของเขา แต่เสด็จอาเก้ากลับไม่เห็นด้วย

“เวลาของข้ามีจำกัด ตระกูลจั่นและสำนักศึกษาจี้เซี่ย คุณชายใหญ่เจ้าเลือกได้แค่หนึ่ง” เสด็จอาเก้าพูดอย่างไม่ยอมเจรจาต่อรอง

“ท่านมันต่ำทราม ไม่ว่าจะเป็นตระกูลจั่นหรือสำนักศึกษาจี้เซี่ยพวกเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ ท่านลากพวกเขาเข้ามาเกี่ยวข้องเรื่องนี้ นี่ไม่ใช่การกระทำของสุภาพบุรุษ ท่านยังมีจิตสำนึกอยู่บ้างหรือไม่?” หวังจิ่นหลิงโกรธมากจนแทบอยากจะอาเจียนเป็นเลือด ทั้ง ๆ ที่เป็นความขัดแย้งระหว่างราชวงศ์ แต่เสด็จอาเก้าจะให้เขาเสียสละชีวิตคนของเขา

“ข้าไม่ใช่เจ้า และข้าไม่เคยเป็นสุภาพบุรุษ ข้าเพียงต้องการบรรลุจุดประสงค์ของข้า ส่วนเรื่องผู้บริสุทธิ์นั้น? แล้วข้าไม่ใช่ผู้บริสุทธิ์หรือ?” ตั้งแต่ต้นจนจบเขาคือคนที่ถูกทำร้ายมาตลอด เขาแค่ทำตามแผนของเขาเท่านั้น

“ทำไมไม่หาคนร้ายตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังล่ะ?” หวังจิ่นหลิงเชื่อว่าด้วยอำนาจของเสด็จอาเก้า จะสืบหาจึงไม่ใช่เรื่องยาก

“ข้าเห็นว่าไม่จำเป็น ข้าไม่รู้ว่ามีคนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน แต่ข้ารู้ดีว่าเมื่อเรื่องนี้ถูกเปิดเผย คนเหล่านั้นจะโยนความผิดให้หนานหลิงจิ่นฝานอย่างแน่นอน ตอนนี้เขาสูญเสียอำนาจ เรื่องนี้ข้ายังจะโยนความผิดให้เขาอีกเหรอ ?” หนานหลิงจิ่นฝานกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ไปแล้ว เขามีโทษกบฏและทรยศต่อบ้างเมือง ถ้าจะเพิ่มอีกข้อหาสังหารอาจารย์เหวินหยวน สำหรับเขาแล้วไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไร

แต่สำนักศึกษาจี้เซี่ยนั้นแตกต่างออกไป หากสำนักศึกษาจี้เซี่ยแบกรับความผิดนี้ ก็จะเสื่อมเสียชื่อเสียง และไม่ได้เป็นที่สูงส่งและเหนือกว่าในสายตาของผู้คนอีกต่อไป

สำนักศึกษาจี้เซี่ยอยู่ที่จิ่วโจวถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เขาฉวยโอกาสนี้ เปิดเผยความสกปรกโสมมของสำนักศึกษาจี้เซี่ยต่อหน้าหน้าสาธารณชน เพื่อให้ทุกคนเห็นได้อย่างชัดเจนว่าปรมจารย์ที่ทรงคุณธรรมและผู้ยิ่งใหญ่นั้นก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้

เมื่อถึงเวลา จะคอยดูว่าผู้คนในสำนักศึกษาจี้เชี่ยจะทำอะไรเพื่ออวดศักดิ์ศรีของพวกเขา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ