นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1317

สรุปบท บทที่ 1317 พลั้งมือ, เสด็จอาเก้าใจลอย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

บทที่ 1317 พลั้งมือ, เสด็จอาเก้าใจลอย – ตอนที่ต้องอ่านของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

ตอนนี้ของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายInternetทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1317 พลั้งมือ, เสด็จอาเก้าใจลอย จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

เมื่อพูดถึงขนาดนี้แล้ว หวังจิ่นหลิงทำไมจะไม่เข้าใจ เสด็จอาเก้าได้ตัดสินใจที่จะทำลายสำนักศึกษาจี้เซี่ย และเขาก็จะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด

หวังจิ่นหลิงหลับตาด้วยความเจ็บปวดแล้วถามว่า "ทำไมต้องเป็นข้า?" เพราะเหตุใดต้องเป็นข้าที่ต้องมาเป็นพยานเพื่อยืนยันความผิดของสำนักศึกษาจี้เซี่ย?

“นั้นเป็นเพราะเจ้าเป็นคุณชายใหญ่ เจ้าเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์เหวินหยวน และเจ้าเป็นศิษย์ของสำนักศึกษาจี้เซี่ย สิ่งสำคัญที่สุดคือเจ้าเป็นหัวหน้าตระกูลหวัง จะมีคนเชื่อคำพูดของเจ้า ” เสด็จอาเก้าพูดช้าๆ และหนักแน่น ทุกคำพูดล้วนกระทบใจของหวังจิ่นหลิง

เพราะเขาคือหวังจิ่นหลิง เพราะเขาเป็นคนโดดเด่น มีอำนาจ มีชื่อเสียง เขาไม่มีความเกี่ยวข้องกับอำนาจของสำนักศึกษา เพราะฉะนั้นคำพูดของเขาจึงมีน้ำหนักน่าเชื่อถือ เมื่อมีเขามาเป็นพยานยืนยันความผิดของสำนักศึกษาจี้เซี่ย จะไม่มีใครสงสัย...

ความมีชื่อเสียง หวังจิ่นหลิงจะต้องจะเหนื่อยหน่ายกับการมีชื่อเสียงของเขาสักวันหนึ่งแน่

หวังจิ่นหลิงลืมตาขึ้น มองไปที่เสด็จอาเก้า พยักหน้าช้าๆ อย่างจริงจัง: "ข้ารับปากท่าน!"

เสด็จอาเก้าไม่ใช่สุภาพบุรุษ เพราะฉะนั้นเขาไม่ให้เวลาหวังจิ่นหลิงได้คิดมากนัก หลังจากเจรจาเสร็จ เสด็จอาเก้าก็ไม่ได้สนใจว่าหวังจิ่นหลิงจะคิดได้หรือไม่ เขาก็พาเขาไปดูศพของอาจารย์เหวินหยวน พร้อมแจ้งบอกเฟิ่งชิงเฉินและจั่นหยวนว่าหวังจิ่นหลิงมาถึงแล้ว

เฟิ่งชิงเฉินกำลังจะเตรียมยาให้โต้วโต้วเสร็จแล้วถึงจะตามไปทีหลัง ส่วนจั่นเหยียนได้มาที่ห้องโถงก่อน เมื่อเห็นหวังจิ่นหลิงเธอก็หลังน้ำตาโดยไม่พูดอะไรสักคำ

“พี่จิ่นหลิง ในที่สุดท่านก็มาที่นี่ ท่านพ่อ ท่านพ่อตายแล้ว” ดวงตาของจั่นเหยียนแดงราวกับลูกวอลนัท และร่างกายของเธอก็ดูอ่อนแอมาก แค่ลมผัดผ่านก็อาจจะล้มได้

หวังจิ่นหลิงไม่ได้ก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบใจเธอ แค่พยักหน้าเบา ๆ : "ข้าได้ไปดูอาจารย์แล้ว อาจารย์จากไปอย่างสงบ คนตายไปแล้วไม่สามารถฟื้นคืนมาได้ เจ้าอย่าได้เศร้าโศกเลย จะทำให้อาจารย์ไปอย่างมีห่วงได้"

พูดจบประโยค หวังจิ่นหลิงก็รู้สึกสะเทือนใจ

อาจารย์ตายเพื่อจั่นเหยียน !

“ขอบคุณพี่จิ่นหลิง” จั่นเหยียนสะอื้นสองครั้ง และพูดด้วยน้ำเสียงติดขัด “ดีเสียจริงที่มีพี่จิ่นหลิงอยู่ ช่วงที่ผ่านมานี้ข้าไม่รู้จะทำอย่างไรดี”

ไม่มีท่านพ่อแล้ว ไม่มีคนคอยดูแลปกป้องเธออีกต่อไป และเธอเพิ่งเข้าใจว่าสิ่งที่เธอเรียน ดนตรี หมากรุก อักษรวิจิตร และภาพวาดเหล่านี้ไม่สามารถหาเลี้ยงชีพได้เลย

แม้ว่าเธอจะอ่านทั้งบทกวีและหนังสือ ได้ชื่อว่าเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถ แต่เธอก็ยังคงเป็นเพียงผู้หญิง เธอรู้ว่าการตายของพ่อมีความเกี่ยวข้องกับเสด็จอาเก้า ภายใต้การคุ้มครองของเสด็จอาเก้า เธอไม่สามารถแก้แค้นได้ เธอทำได้เพียงรอครอบครัวของเธอมาทวงความยุติธรรมให้เธอเท่านั้น

“เสี่ยวเหยียนเจ้าไม่ต้องกังวล เรื่องของอาจารย์ข้าจะจัดการเอง ข้าจะไม่ปล่อยให้อาจารย์ตายอย่างไม่ได้รับความยุติธรรม เจ้าเป็นลูกสาวของอาจารย์ ไม่มีใครกล้าทำร้ายเจ้าหรอก” เมื่อเขาพูดถึงคำว่า “ลูกสาว” หวังจิ่นหลิงชะงักไปครู่หนึ่ง จั่นเหยียนมั่วแต่หมกมุ่นกับอาการเศร้าโศกของตัวเองจนไม่ทันได้สังเกตเห็น

“ข้าเชื่อท่านพี่จิ่นหลิง” จั่นเหยียนหยิบผ้าเช็ดหน้าที่สาวใช้ส่งมาให้ แล้วเช็ดน้ำตา ดวงตาที่อาบด้วยน้ำตานั้นสดใสและหนักแน่น แต่หวังจิ่นหลิงกลับไม่อยากจะเห็น

เมื่อเห็นจั่นเหยียน เขาก็นึกถึงการตายของอาจารย์ เพื่ออาจารย์แล้วเขาจะทำให้จั่นเหยียนใช้ชีวิตอย่างไร้ความกังวล แต่ก็ทำได้เพียงแค่นี้ เขาไม่สามารถรักจั่นเหยียนเหมือนน้องสาวดั่งแต่ก่อนได้อีกต่อไป

เมื่อต้องเผชิญกับความเจ็บปวดจากการสูญเสียพ่อ จั่นเหยียนมีเรื่องมากมายอยากที่จะพูดกับหวังจิ่นหลิง แต่หวังจิ่นหลิง กลับมีใบหน้าที่สงบและนิ่งเฉย และไม่ค่อยพูดคุยกับเธอ จั่นเหยียนเป็นผู้หญิงที่เฉลี่ยวฉลาด ถ้าเธอไม่ได้จมอยู่กับความเศร้าโศก เธอคงจะรับรู้ถึงความผิดปกติของหวังจิ่นหลิงแล้ว

“พี่จิ่นหลิง ท่านเป็นเป็นอะไรไป?” จั่นเหยียนมองไปที่หวังจิ่นหลิงอย่างเป็นกังวล

“ข้า รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย” ใจจริงเขาอยากจะบอกว่า “ไม่มีอะไร” แต่หวังจิ่นหลิงอยากจะอยู่เงียบๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ของเขา เขาไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับจั่นเหยียนได้อย่างไร

ดวงตาของจั่นเหยียนฉายแววความเจ็บปวด เธอลุกขึ้นยืน และกล่าวคำขอโทษ: "ข้าขอโทษพี่จิ่นหลิง ข้าลืมไปว่าท่านเพิ่งมาถึง ท่านรีบไปพักผ่อนเถอะ ข้าไม่รบกวนท่านแล้ว"

ในอดีตตอนที่เฟิ่งชิงเฉินยังเป็นเด็กสาว แม้ว่ารูปร่างของเธอจะดูสง่างามมากกว่าผู้หญิงทั่วไป แต่เธอก็ไม่ได้มีเสน่ห์ในแบบผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่ บางครั้งดวงตาของเธอก็ส่องประกายน่าลุ่มหลง ซึ่งไม่ค่อยเหมาะสมกับวัยของเธอ แต่ว่าในตอนนี้......

ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ เสน่ห์ของเฟิ่งชิงเฉินเหมือนสายลมที่แทรกเข้าไปในกระดูก ทำให้เขารู้สึกใจวาบหวิว เสด็จอาเก้าจ้องมองเฟิ่งชิงเฉนอย่างเหมอลอย...

“เอ๊ะ? เกิดอะไรขึ้นนะ ทำไมวันนี้ทุกคนถึงได้ใจลอยกันหมด” เฟิ่งชิงเฉินมองหน้าเสด็จอาเก้าที่ใจลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นไปตรงหน้าเขาแล้วโปกไปมาด้วยความสงสัย แต่เสด็จอาเก้ากลับไม่มีอาการตอยโต้เลย

หวังจิ่นหลิงใจลอย เฟิ่งชิงเฉินพอจะเข้าใจได้ เขาอาจจะเสียใจมากเกินไปเกี่ยวกับการตายของอาจารย์เหวินหยวน นอกจากนี้เขายังเหนื่อยกับการเดินทางติดต่อกันหลายวันโดยไม่หยุดพัก แต่ว่าเสด็จอาเก้าล่ะ ?

เฟิ่งชิงเฉินไม่เข้าใจ คนที่ตื่นตัวเช่นนี้จะใจลอยได้อย่างไร เป็นไปได้ไหมว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น?

สีหน้าของเฟิ่งชิงเฉินก็เปลี่ยนไป ก้าวไปข้างหน้าเพื่อจับมือของเสด็จอาเก้า แต่นึกไม่ถึงว่าเสด็จอาเก้าจะสะบัดแขนอย่างแรงตามสัญชาตญาณเมื่อมีคนเข้าแตะเนื้อต้องตัวของเขา

เฟิ่งชิงเฉินไม่ใช่คู่ปรับของเสด็จอาเก้า นอกจากนี้เธอก็ไม่คิดไม่ถึงว่าเสด็จอาเก้าจะมีปฏิกริยาตอบโต้เช่นนี้ ทำให้เธอไม่ทันได้ระวังตัว เธอถูกเสด็จอาเก้าสะบัดกระเด็นออกไป เฟิ่งชิงเฉินตกใจและไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น

ในเวลานี้ เสด็จอาเก้าก็มีสติกลับมา สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป รีบก้าวไปข้างหน้าทันทีเพื่อพยายามจะจับเฟิ่งชิงเฉินไว้ ดวงตาที่เย็นชาของเขาเต็มไปด้วยคำขอโทษ

นี่เขาทำอะไรลงไป?

ในเวลาเช่นนี้ มีเงาดำกระโดดออกมาอย่างรวดเร็ว เร็วกว่าเสด็จอาเก้าหนึ่งก้าว ในขณะที่เฟิ่งชิงเฉินกำลังจะชนเข้ากับกำแพง เขาก็ไปกอดเฟิ่งชิงเฉินเอาไว้ : “ระวัง”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ