นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1318

สรุปบท บทที่ 1318 กลอุบาย, ปล่อยวางตระกูลจ้าน: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

บทที่ 1318 กลอุบาย, ปล่อยวางตระกูลจ้าน – ตอนที่ต้องอ่านของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

ตอนนี้ของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายInternetทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1318 กลอุบาย, ปล่อยวางตระกูลจ้าน จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ลงมือได้ทันเวลา คนที่ลงมือช่วยเฟิ่งชิงเฉินก็คือจั่วอั้น

เนื่องจากการตายของผู้อาวุโสเหวินหยวน เสด็จอาเก้ากังวลเกี่ยวกับเรื่องอันตรายที่ซ่อนอยู่ในความมืด เขาจึงสั่งให้จั่วอั้นคอยปกป้องเฟิ่งชิงเฉินอย่างลับ ๆ ตอนแรกเมื่อจั่วอั้นเห็นเสด็จอาเก้าปรากฏตัว เขาคิดที่จะหายตัวไปสักช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่คิดไม่ถึงว่าเมื่อกลับมาแล้วจะได้พบกับฉากเช่นนี้

จั่วอั้นเป็นสุภาพบุรุษมาก หลังจากที่รอให้เฟิ่งชิงเฉินทรงตัวได้ เขาก็จากไปอย่างไร้ร่องรอย และมอบช่วงเวลาดังกล่าวให้เป็นของเสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉิน

เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เสด็จอาเก้าจำเป็นต้องให้คำอธิบายกับเฟิ่งชิงเฉิน

เสด็จอาเก้าเห็นว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่เป็นอะไร หลังจากสงบสติอารมณ์ เขากล่าวออกมาว่า “เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ทั้งหมดเป็นความผิดพลาดของข้า”

เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกตกใจมากจริง ๆ หากไม่มีจั่วอั้น ครั้งนี้นางคงได้เห็นเลือดเป็นแน่ ไม่ง่ายเลยว่าที่จะทำใจให้สงบลงได้ และเมื่อได้ยินคำพูดที่ไม่มีความห่วงใยหรือรู้สึกผิดของเสด็จอาเก้า นางก็อดไม่ได้ที่จะประชดกลับไป “เจ้าแน่ใจหรือว่าเป็นความผิดพลาด?”

นางเห็นความเกลียดชังและการปฏิเสธที่ชัดเจนในสายตาของเสด็จอาเก้า

นางรู้ว่าเสด็จอาเก้าไม่ชอบติดต่อกับผู้หญิง ในตอนแรกที่ได้พบนาง เสด็จอาเก้าก็แสดงสายตาที่น่ารังเกียจเช่นนี้กับนาง จะกระทั่งได้ใกล้ชิดกันหลายครั้ง สิ่งต่าง ๆ ก็ค่อย ๆ เริ่มเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น

เมื่อเวลาผ่านไป เฟิ่งชิงเฉินก็เกือบจะลืมไปแล้วว่าเสด็จอาเก้าก็เคยมองนางด้วยสายตาเช่นนี้

“ข้าก็แค่เสียสติไปครู่หนึ่ง” เสด็จอาเก้ารู้สึกรำคาญเล็กน้อย แต่เมื่อครู่เขาก็รู้สึกใจหวิวและหลงใหลในความงดงามไปจริง ๆ แต่เขาคิดไม่ถึงว่า มันจะถึงขั้นที่ตนเองจะลงมือทำร้ายเฟิ่งชิงเฉินจนได้รับบาดเจ็บ

“ช่วงนี้เจ้ายุ่งมากอย่างนั้นหรือ?” เฟิ่งชิงเฉินไม่สนใจข้ออ้างที่บอกว่าเสียสติของเสด็จอาเก้า ต่อให้ยุยงมากแค่ไหน แต่ด้วยจิตใจอันแน่วแน่ของเสด็จอาเก้า เขาไม่มีทางเสียสติเป็นแน่

เสด็จอาเก้าพยักหน้าโดยไม่คิดอะไร “ยุ่งมาก”

“ช่วงนี้เจ้าไปเจอใครมาบ้าง?” ใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินเต็มไปด้วยความกังวล แต่ก่อนเสด็จอาเก้าไม่มีทางยอมตอบคำถามมากมายขนาดนี้ของเฟิ่งชิงเฉิน แต่เมื่อนึกถึงฉากที่ตนเองเกือบจะทำให้เฟิ่งชิงเฉินต้องบาดเจ็บ เขาก็พยายามนึกชื่อคนที่เขาได้พบเจอในช่วงนี้ออกมา และบอกให้เฟิ่งชิงเฉินรับรู้ทีละคน

ทั้งหมดมีเพียงแค่มู่เหลียวและสายลับที่ติดตามอยู่ข้างกายของเสด็จอาเก้ามามากกว่าห้าปี และ “คนนอก” คนเดียวที่เสด็จอาเก้าได้พบก็คือ หวังจิ่นหลิง

“เช่นนั้นเจ้าไปกินอะไรมา? ต่างจากปกติหรือไม่?” เฟิ่งชิงเฉินยังไม่วางใจ นางยังคงตามออกมาเรื่อย ๆ

เสด็จอาเก้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหน้าออกมา “ชิงเฉิน เจ้ากำลังสงสัยสิ่งใดอย่างนั้นหรือ? เมื่อครู่ข้าก็แค่เสียสติไปเท่านั้น” อย่างน้อยตัวเขาเองก็ไม่รู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ

“ด้วยท่าทางเช่นนี้ของเจ้า มันทำให้ข้ารู้สึกได้ถึงความผิดปกติอย่างชัดเจน ในตอนที่เจ้าเหวี่ยงข้าออกไป แววตาของเจ้าแสดงความรังเกียจและการปฏิเสธ เหมือนกับแววตาที่เจ้ามองผู้หญิงคนอื่น” แม้จะเป็นเพียงแค่เสี้ยววินาที แต่มันก็ทำให้เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกเจ็บปวดและเสียใจเป็นอย่างมาก

ไม่ว่าใคร เมื่อเห็นชายที่ตนเองชอบมองมาด้วยสายตาแห่งความรังเกียจต่างก็รู้สึกปวดใจกันทั้งนั้น แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่เสี้ยววินาที แต่เมื่อเทียบกับความเจ็บปวดแล้ว เฟิ่งชิงเฉินกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเสด็จอาเก้ามากกว่า

“เป็นไปไม่ได้” เสด็จอาเก้าปฏิเสธทันทีโดยไม่คิด ในใจของเขา ตำแหน่งของเฟิ่งชิงเฉินนั้นไม่เหมือนใคร เขาจะไปมองนางด้วยสายตาเช่นนั้นได้อย่างไร

“เรื่องเช่นนี้ ข้าไม่มีความจำเป็นต้องหลอกเจ้า หากเป็นไปได้ ข้าอยากให้เจ้าตรวจสอบคนและสิ่งของที่อยู่รอบกายของเจ้า เมื่อสักครู่ตอนที่เจ้าเหม่อลอย มันเป็นระยะเวลานานมาก” แม้แต่ตอนอยู่บนเตียง เสด็จอาเก้ายังเงียบและดูขาดสติเป็นเวลานาน แถมยังปล่อยให้ตนเองขาดสติจนถึงขั้นจะทำร้ายนางเช่นนี้

ไม่รอให้เสด็จอาเก้าได้ตอบคำถาม เฟิ่งชิงเฉินก็หันหลังและเดินจากไป

ฉากที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ทำให้นางตกใจเป็นอย่างมาก เวลานี้หัวใจของนางยังคงเต้นแรงด้วยความหวาดกลัว

“เจ้าจะไปไหน?” เสด็จอาเก้ายื่นมือออกไปจับเฟิ่งชิงเฉินเอาไว้ เขาไม่อยากให้เฟิ่งชิงเฉินเดินหนีเขาไปเช่นนี้ เพราะเรื่องราวทั้งหมดยังไม่ได้อธิบายออกมาอย่างชัดเจน

“โอ้ย......” เฟิ่งชิงเฉินร้องออกมา สะบัดแขนของเสด็จอาเก้า “ปล่อยข้า”

“ทำไมงั้นหรือ?” เสด็จอาเก้าไม่ยอมปล่อยเฟิ่งชิงเฉิน แต่เขากลับจับมือของเฟิ่งชิงเฉินไว้ เมื่อเห็นรอยช้ำบนข้อมือของเฟิ่งชิงเฉิน ความตกใจก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเสด็จอาเก้า “นี่คือสิ่งที่ข้าเพิ่งทำลงไปเมื่อครู่งั้นหรือ?”

“ปล่อยข้า” เฟิ่งชิงเฉินขมวดคิ้ว หากไม่ใช่เพราะว่ารู้สึกเจ็บจนทนไม่ไหว นางคงไม่มีทางพูดออกมา

คุณยายของจ้านหยานกอดจ้านหยาน จากนั้นก็ส่งเสียงร้องออกมา “ลูกชายของข้า ลูกชายของข้า เหตุใดเจ้าจึงต้องพบกับจุดจบเช่นนี้” “ช่างไม่ยุติธรรมยิ่งนัก” เมื่อประโยคนี้ดังขึ้นมา สายตาของนางกลับเต็มไปด้วยความเยือกเย็น มันแสดงถึงเจตนาฆ่า

ช่างเป็นครอบครัวที่สกปรกโสมมยิ่งนัก

เสด็จอาเก้าไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับคนตระกูลจ้าน ดังนั้นจึงบอกให้หวังจิ่นหลิงออกหน้า นอกจากนี้ซานชุนติ่งก็สารภาพทุกอย่างออกมาแล้ว เสด็จอาเก้าจึงส่งตัวของเขาไปให้กับหวังจิ่นหลิง

ได้รับความช่วยเหลือจากซานชุนติ่ง เสด็จอาเก้าสามารถสร้างหลักฐานว่าบัณฑิตผู้ยิ่งใหญ่ถูกลอบสังหารออกมาได้อย่างง่ายดาย แน่นอนว่าซานชุนติ่งไม่ได้บอกว่าใครเป็นผู้ว่าจ้าง เพียงให้เบาะแสออกมาคร่าว ๆ เท่านั้น เมื่อถึงเวลาก็แค่ให้คนตระกูลจ้านไปตรวจสอบด้วยตัวเองต่อไปก็เพียงพอแล้ว

คนตระกูลจ้านรักในเกียรติและโอหังเป็นอย่างยิ่ง เขาคิดว่าเรื่องนี้เอาอยู่เหนือเหตุผล ดังนั้นจึงกล่าวหาไปที่เสด็จอาเก้า และคิดว่าทุกอย่างนั้นสมเหตุสมผลอยู่แล้ว

เมื่อเห็นว่าเสด็จอาเก้าไม่สนใจสิ่งต่าง ๆ โยนเรื่องทั้งหมดให้หวังจิ่นหลิงเป็นคนจัดการ ลุงของจ้านหยานก็เลือกที่จะทน ไม่สนใจองครักษ์ที่เข้ามาขวาง บุกเข้าไปในห้องหนังสือ ตะโกนต่อว่าเสด็จอาเก้า “ท่านอ๋องเก้า ท่านทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร น้องหกของข้าตายด้วยเนื้อมือของท่าน แต่ท่านกลับทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จักรพรรดิและคนในราชวงศ์นั้นยิ่งใหญ่ และใช่ว่าจะสามารถสังหารผู้ใดได้ตามใจชอบ”

นี่เป็นการโยนความผิดเรื่องการตายของผู้อาวุโสเหวินหยวนให้เสด็จอาเก้าเป็นผู้รับผิดชอบ

“ท่านอ๋อง” ใบหน้าขององครักษ์ซีดขาว ก้มหน้ายอมรับความผิด

พวกเขาก็ไม่กล้าลงมือกับคนตระกูลจ้านมากเกินไป

“ไม่ใช่เรื่องของพวกเจ้า ออกไปเถอะ” เสด็จอาเก้าไม่ได้โกรธแต่อย่างใด เพียงแค่จ้องมองไปยังลุงของจ้านหยานด้วยสายตาอันเยือกเย็น

ลุงจ้านที่ดูดุร้ายและเย่อหยิ่งเมื่อครู่ จู่ ๆ ก็กลายเป็นคนขี้ขลาด พยายามข่มใจและกล่าวออกมา “ท่าน ท่านคิดจะทำอะไร?”

“ข้าเองก็ไม่ได้อยากจะทำอะไร ตอนแรกข้าก็อยากเหลือเกียรติไว้ให้ตระกูลจ้านของพวกเจ้าบ้าง แต่น่าเสียดายที่พวกเจ้าเลือกที่จะไม่รับมันไว้” เสด็จอาเก้าหยิบข้อมูลที่เคยให้หวังจิ่นหลิงดูก่อนหน้านี้ออกมา โยนไปด้านหน้าของลุงจ้าน “ดูให้ดีก่อนแล้วค่อยมาคุยกับข้า”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ