นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 133

ตงหลิงจื่อลั่วเองก็มิได้เอ่ยอันใดออกมาเช่นเดียวกัน เขาเพียงแค่มองเฟิ่งชิงเฉินอยู่เช่นนั้น

ทั้งสองเอาแต่เงียบใส่กัน ผู้ใดก็มิยอมถอยให้ตนเอง

"สตรีโง่เง่า เอาแต่หยิ่งยโสเช่นนี้ ย่อมมิตายดี"

"ขวัญกล้าเทียมฟ้า เป็นเพราะลั่วอ๋องมีเมตตามิเอาความกับนาง มิเช่นนั้น นางได้ตายไปร้อยครั้งแล้ว"

"ไร้การอบรมสั่งสอนสิ้นดี เป็นดั่งข่าวลือที่เขาว่าจริง ๆ ทั้งหยาบคายและโง่เง่ายิ่งนัก"

"ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เสียพรหมจรรย์ก่อนแต่งเช่นนี้ มิน่าแปลกใจเลยที่ไม่มีผู้ใดต้องการแต่งกับนาง"

หมอหลวงทั้งหมดนั้น พลันก้มหน้ากระซิบกระซาบ ด่าว่าเฟิ่งชิงเฉินมีรู้จักผิดชอบชั่วดี พวกเขาแทบจะอดใจไม่ไหวลากเฟิ่งชิงเฉินออกไปสังหาร

แต่คนพวกนี้ลืมไปแล้วหรือ หากมิใช่เพราะเฟิ่งชิงเฉิน พวกเขาย่อมต้องถูกลากออกไปตัดหัวเป็นแน่โดยองค์จักรพรรดิกับฮองเฮาที่กำลังโมโห

เมื่อกลุ่มหมอหลวงเห็นตงจื่อลั่วมิเอ่ยอันใดออกมา ก็นึกผยองได้ใจ เพิ่มเสียงกรนด่าเฟิ่งชิงเฉินเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว ทั้งยังเพิ่มความหยาบคายขึ้นมาอีก

เฟิ่งชิงเฉินเองก็คร้านที่จะใส่ใจหมอหลวงพวกนี้นัก เพียงเอาแต่จ้องมองตงหลิงจื่อลั่วเฉย ๆ ครู่หนึ่ง เฟิ่งชิงเฉินจึงเงยหน้าพูดขึ้นมาว่า " ได้เพคะ แต่ในยามที่หม่อมฉันทำแผลให้พระองค์ หม่อมฉันมิต้องการให้ผู้อื่นอยู่ด้วย หม่อมฉันมิต้องการให้ผู้ใดรบกวน"

เมื่อเห็นว่ามันไม่คุ้มค่าที่จะมาต่อกรกับตงหลิงจื่อลั่วนั้น อีกทั้ง บาดแผลของเขา เฟิ่งชิงเฉินเอง ก็ไม่อาจทำเป็นไม่สนใจได้ด้วย

ทั้งมีดและด้ายหรือพวกมีดนั้น แค่ดูก็รู้ว่ามิได้ผ่านการฆ่าเชื้อ หากเกิดการอักแสบขึ้นมา บาดแผลเกิดการติดเชื้อจนเป็นหนอง ขาของตงหลิงจื่อลั่วย่อมมิอาจใช้การได้อีก

"เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ากล้านัก ถึงได้ขอร้องคำพูดที่ไม่สมเหตุสมผลออกมาเช่นนี้ ในสายตาของเจ้ายังมีลั่วอ๋องอยู่หรือไม่? " ตงหลิงจื่อลั่วยังมิทันจะเอ่ยอันใดออกมา หมอหลวงกลุ่มนั้นก็พากันกล่าวหาเฟิ่งชิงเฉินขึ้นมาในทันที

ที่พวกเขาต้องเปิดแผลตงหลิงจื่อลั้วออกมานั้น ก็เป็นเพราะคำสั่งของฮองเฮาและลั่วอ๋อง ที่ไม่เชื่อใจในเฟิ่งชิงเฉิน เกรงว่าเฟิ่งชิงเฉินจะสอดมือเข้ามาทำร้ายลั่วอ๋อง

ผู้ใดจักไปรู้ว่า นางรักษาลั่วอ๋องด้วยความจริงใจ หาได้มีเจตนาที่จะทำร้ายลั่วอ๋องไม่ ทั้งยังจัดการกับบาดแผลได้เรียบร้อยยิ่งนัก

เมื่อพวกเขาแกะผ้าพันแผลออกมานั้น ก็พลันพบว่า ตนเองมิอาจเย็บกลับไปเป็นดังเดิมได้ บาดแผลกับเนื้อพลันเกิดการเสียดสีขึ้นมา เมื่อตงหลิงจื่อลั่วถูกหมอหลวงพันแผลกลับไปกลับมาเช่นนั้น ก็พลันรู้สึกโมโห

เมื่อไม่มีทางเลือกอีกแล้ว พวกเขาจึงต้องจำใจเสนอให้เรียกตัวเฟิ่งชิงเข้ามาเย็บแผลให้แทน อีกทั้ง พวกเขาจักได้แอบร่ำเรียนจากนางด้วย

ทว่า ความหมายของเฟิ่งชิงเฉินนั้น คือมิต้องการให้พวกเขาได้เห็นวิธีการ

นั่นย่อมเป็นไปไม่ได้

กลุ่มหมอหลวงพลันรวมตัวกันเพื่อที่จะบีบบังคับเฟิ่งชิงเฉินในทันที

หากแต่เฟิ่งชิงเฉินพลันหันกายกลับไป พร้อมทั้งถลึงตาใส่ พลางกล่าวออกมาว่า

"เรื่องนี้ ข้าเฟิ่งชิงเฉิน จะมิยอมถอยให้พวกท่านแน่ ข้าจักไม่ยอมเผยทักษะการเย็บแผลให้กับพวกที่ดูถูกข้า และยังวางแผลที่จะรังแกข้าอีก"

"เจ้า สตรีผู้นี้ เจ้าไม่รู้เรื่องเลยหรือ แต่เดิมทักษะเช่นนี้ย่อมต้องมาแบ่งปันเรียนรู้ซึ่งกันและกัน หากเจ้าเผยแพร่ทักษะการเย็บแผลออกไปเช่นนี้ ย่อมเป็นผลดีมากกว่าผลร้าย" หมอหลวงเคราขาวผู้หนึ่ง พลันเอ่ยออกมาราวกับวางท่าสั่งสอนเฟิ่งชิงเฉิน

"งั้นหรือ? มิรู้ว่า หมอหลวงท่านนี้มีนามว่าอันใดกัน?" เฟิ่งชิงเฉินพลันก้าวไปด้านหน้า เพื่อถามด้วยความเคารพ

"นามสกุลของกระหม่อมคือหู" หมอหลวงพลันคิดไปเองว่าเฟิ่งชิงเฉินเริ่มที่เกรงกลัวเขา จึงเอ่ยนามของตนเองขึ้นมาด้วยความภาคภูมิ

"ที่แท้คือท่านหมอหู เฟิ่งชิงเฉินเสียมารยาทแล้ว มิทราบว่าท่านหมอหูถนัดการแพทย์ทางด้านใดกัน?" เฟิ่งชิงเฉินมองดูด้วยความขบขัน แต่สายตาพลันเต็มไปด้วยความเย็นชาแถมดูถูก

หมอหลวงหูจึงลูบเคราขาวของตนเอง พลางกล่าวออกมาด้วยใบหน้าที่ภูมิใจว่า "กระหม่อมเก่งในเรื่องการจัดกระดูก ตระกูลหูโดดเด่นเรื่องการจัดกระดูกมาอย่างยาวนาน หากตระกูลของกระหม่อมเป็นรองในด้านนี้ ย่อมไม่มีผู้ใดกล้าเป็นที่หนึ่ง"

"ที่แท้เป็นวิชาสืบทอดภายในตระกูล มิทราบว่า ข้อขอให้ท่านหมอหูช่วยถ่ายทอดวิชานี้ให้ชิงเฉินได้รู้เช่นเห็นแจ้งได้หรือไม่ ภายภาคหน้าหม่อมฉันจักได้เป็นหนึ่งในด้านนี้" เฟิ่งชิงเฉินพลันกล่าวออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พลางยืนอยู่เบื้องหน้าท่านหมอหู ราวกับว่าต้องการจะขอร่ำเรียนด้วยจริง ๆ

กลับกัน ท่านหมอหูพลันมองเฟิ่งชิงเฉิน ราวกับว่ามองดูคนโง่เง่าคนหนึ่ง ยามที่กำลังจะเอ่ยปากออกมานั้น เฟิ่งชิงเฉินกลับเอ่ยขึ้นมาก่อนว่า " หมอหลวงหู ชิงเฉินอยากจะร่ำเรียนทางนี้จริง ๆ อย่างไร หมอหลวงหูได้โปรดถ่ายทอดให้ข้าด้วยเถิด เก็บวิชาเช่นนี้ไว้ย่อมมิเป็นเรื่องดี"

เมื่อหมอหลวงหูได้ยินเช่นนี้ ก็พลันโมโหขึ้นมา ทั้งยังกล่าววาจาดูถูกเฟิ่งชิงเฉินอีกว่า "ให้ถ่ายทอดวิชาหรือ? เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าเป็นตัวเช่นไรกัน วิชาการจัดกระดูกของตระกูลหู ใช่ของที่ผู้ใดจักสามารถร่ำเรียนได้งั้นหรือ?"

พูดจบ ก็ตระหนักได้ว่าตนเองพูดผิดไปเสียแล้ว ยามที่กำลังคิดทบทวนในสิ่งที่ตนเองกระทำไปนั้น ก็พลันพบกับสายตาของเฟิ่งชิงเฉิน ที่เสมือนว่าจะมองทุกอย่างออกได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ทั่วร่างของเขาพลันรู้สึกด้านชาไปหมด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ