นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 132

แต่เดิมอวี่เหวินหยวนฮั่วตั้งใจจะสร้างความลำบากให้เฟิ่งชิงเฉินเล็กน้อย ให้นางดูร้อนใจเสียบ้าง แต่ทว่า เมื่อเห็นสีหน้าที่คล้ายยิ้มและไม่ยิ้มของเฟิ่งชิงเฉิน ก็พลันทำให้เขานึกไปถึง ยามที่เฟิ่งชิงเฉินเห็นแก่หน้าเขา เปลี่ยนค่ารักษาจากหนึ่งพันตำลึงทองเหลือเพียงแค่หนึ่งร้อยตำลึงเงิน เขาจึงได้เปลี่ยนคำพูดเป็น "ไม่มีปัญหา หากมีสิ่งใดที่ข้าพอจะช่วยได้ รีบบอกมาได้เลย"

"โจวสิงได้ยินหรือไม่ เจ้าอย่าได้คิดเกรงใจท่านแม่ทัพอวี่เหวินเสียเล่า" เฟิ่งชิงเฉินทำท่ากระพริบตาข้างเดียวส่งสัญญาณให้โจวสิงในทันที

หากจะทำห้องผ่าตัดย่อมต้องใช้คนเยอะมาก นางมิต้องการให้คนนอกรู้เรื่องมากไปนัก การที่ให้อวี่เหวินหยวนฮั่วส่งคนมาช่วย ย่อมต้องเป็นทางเลือกที่ดี ในยามนั้นจะเอ่ยปากทำอะไรย่อมสะดวกกว่า

เห็นได้ชัดว่า โจวสิงเข้าใจในสิ่งที่นางต้องการจะสื่อ

"พี่สาววางใจได้ ข้าจักจัดการให้ดี ท่านรีบไปรีบกลับเถอะ พวกเราจะรอท่านกลับมาเอง" การไปวังลั่วอ๋องในครานี้ พวกเขามิค่อยสบายใจนัก กลัวว่าเฟิ่งชิงเฉินจะถูกกลั่นแกล้งกลับมาอีก

"วางใจได้ ข้าจะรีบกลับมา" วังของลั่วอ๋องหาใช่องครักษ์เสื้อโลหิตไม่ ที่จะทำให้นางแขนขาดขาขาดเมื่อย่างกรายเข้าไป

อวี่เหวินหยวนฮั่วมิค่อยพอใจกับความมั่นใจในตนเองของเฟิ่งชิงเฉินนัก จึงกล่าวออกมาอย่างไม่ไว้หน้าว่า " เหตุใดมั่นใจในตนเองเช่นนี้ เจ้าคิดว่าลั่วอ๋องจักปล่อยเจ้าออกมาได้ง่ายดายงั้นหรือ?"

แค่กแค่ก

พ่อบ้านของวังลั่วอ๋อง พลันตัดบทอย่างไม่ไว้หน้าด้วยเช่นกัน พร้อมทั้งหันไปมองอวี่เหวินหยวนฮั่ว

ท่านแม่ทัพ ในเมื่อท่านทให้ำลั่วอ๋องเสื่อมเสียเช่นนี้ ฝ่าบาทย่อมมิปล่อยท่านไปแน่

"ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าหยอกเล่น ชิงเฉินเจ้ารีบไปรีบกลับเล่า" อวี่เหวินหยวนฮั่วพลันรีบผลักไสไล่ส่งเฟิ่งชิงเฉินเข้ากองเพลิงไปในทันที

"หาใช่มิตรแท้ไม่ ข้ามารู้จักกับเจ้าได้อย่างไรกัน"

เฟิ่งชิงเฉินได้แต่ส่ายหัวไปมา ราวกับว่ารับมิได้กับการกระทำเช่นนี้ หากแต่ในแววตาพลันแฝงไปด้วยรอยยิ้มแปลก ๆ อยู่ เสมือนว่ากำลังรอการชำระแค้นก็มิปาน

เมื่ออวี่เหวินหยวนฮั่วนึกไปถึงฝีมืออันเลือดเย็นของนางแล้ว ทั่วร่างพลันแข็งค้างไปในทันที พร้อมทั้งก้าวไปทำทีจะขอโทษ

องครักษ์วังลั่วอ๋องทั้งหมดแปดคน พลันมีสีหน้าแข็งค้างไปในทันที คล้ายว่ากำลังจะกลั้นเสียงหัวเราะออกมา

"จะเสแสร้งไปทำไมกัน อยากหัวเราะก็หัวเราะออกมาเสีย" สีหน้าที่มืดดำของอวี่เหวินหยวนฮั่ว พลันกวาดตามองดูทุกคน เพื่อรักษาศักดิ์ศรีของความเป็นท่านแม่ทัพของเขาเอาไว้

แต่ทว่า มันสายไปเสียแล้ว

ทุกคนพลันก้มหน้าลง เพื่อหลบสายตาอของอวี่เหวินหยวนฮั่วที่กำลังมองมา พร้อมพากันแอบหัวเราะต่อ

อวี่เหวินหยวนฮั่วอา!

ท่านแม่ทัพอวี่เหวินผู้ไร้พ่าย มีบุรุษน้อยใหญ่มากมายต่างพากันชื่นชมเคารพบูชาเขา ในสายตาของบุรุษในแคว้นตงหลิงนั้น ท่านแม่ทัพอวี่เหวินหยวนฮั่วถือเป็นบุรุษที่น่ายกย่อง

แต่ในยามนี้ เขาก็หาได้แต่งต่างจากคนทั่วไปไม่

อวี่เหวินหยวนฮั่วกัดฟัน ยามที่กำลังคิดหาทางแก้เขินอยู่นั้น ก็พลันเห็นเฟิ่งชิงเฉินเดินไปกับคนของวังลั่วอ๋องเสียแล้ว

เป็นบุตรชายขององค์จักรพรรดิช่างดียิ่งนัก ยามที่เข้าไปใกล้ในตัวเมืองชั้นใน แม้มีคำสั่งห้ามมิให้มีการขี่ม้าภายใน แต่เนื่องจาก เป็นเพราะคำสั่งของตงหลิงจื่อลั่ว จึงทำให้พวกเขาสามารถขี่ม้าเข้าไปด้วยความรวดเร็วได้

นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เฟิ่งชิงเฉินได้มีโอกาสเข้ามาที่วังลั่วอ๋อง ทั้งวังอ๋องคนอื่น ๆหรือครอบครัวคนชั้นสูงที่อยู่ในระแวกเดียวกัน ต่างก็อาศัยอยู่ในซอยของถนนอูอีที่มีเพียงถนนสองเส้นกั้นผ่าน

ซอยอูอีนั้น มีทั้งจวนตระกูลหวัง เซี่ย ชุย เวิน ที่มีตระกูลชนชั้นสูงอาศัยอยู่ อีกทั้งยังมีวังของท่านอ๋องและองค์หญิงมากมายอาศัยอยู่ในระแวกนี้เช่นเดียวกัน หากแต่วังที่ให้ความหรูหราและดึงดูดสายตาของผู้คนมากที่สุด ย่อมต้องเป็นวังของเสด็จอาเก้า

น่าเสียดายนัก จวนอ๋องเก้า หาใช่ผู้ใดจักสามารถเดินเข้าไปได้ เฟิ่งชิงเฉินจึงได้แต่แอบมองจากที่ไกล ๆ แทน

เมื่อมาถึงวังลั่วอ๋องแล้วนั้น เฟิ่งชิงเฉินยังมิทันได้มีเวลาชื่นชมกับความงานอันหรูหราภายในตัววังเลยแม้แต่น้อย ก็พลันถูกคนรีบร้อนเชิญเข้าไปในตำหนักด้านในโดยไว

เมื่อมาถึง ก็พลันเห็นท่านหมอหลวงกลุ่มใหญ่อยู่ด้านในห้องของตงหลิงจื่อลั่วเสียแล้ว สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวลใจยิ่งนัก เมื่อเห็นเฟิ่งชิงเฉินมาถึง ก็พลันพ่นลมหายใจออกมาด้วยความเย็นชา แล้วจึงค่อย ๆ หลีกทางให้ แต่ทว่า สายตาของพวกเขาก็ยังไม่ละไปจากเฟิ่งชิงเฉินเช่นกัน

ความอิจฉาริษยาเช่นนี้ เฟิ่งชิงเฉินล้วนแต่เข้าใจได้เป็นอย่างดี แต่เดิม นางยังคิดว่า หากตนเองมีโอกาส ก็อยากจะหาหมอหลวงสักคนเพื่อร่ำเรียนเกี่ยวกับแพทย์แผนจีนเสียหน่อย แต่ดูเหมือนว่า หนทางของนางจะยากลำบากยิ่งนัก นางทำให้หมอหลวงทั้งหมดขุ่นเคืองใจเอาเสียแล้ว

"เฟิ่งชิงเฉินขอเข้าเฝ้าลั่วอ๋องเพคะ ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน" เฟิ่งชิงเฉินหาได้เข้าไปดูตงหลิงจื่อลั่วไม่ นางยังคงนั่งคุกเข่าอยู่เช่นนั้น

"ลุกขึ้น" น้ำเสียงของตงหลิงจื่อลั่วดูจะแหบแห้งไปเล็กน้อย แต่ทว่า ฟังจากน้ำเสียงก็สามารถรู้ได้ว่า อาการของเขาดีขึ้นมามากแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ