นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 131

"เฟิ่งซิ่วกล่าวหนักเกินไปแล้วขอรับ ต้องโทษที่ข้ามิเคยมาเยือนที่จวนเฟิ่งเลย เฟิ่งซิ่วจะมิรู้จักข้าก็คงมิแปลกอันใด ข้าน้อยมาในครั้งนี้... " เมื่อพูดมาถึงตรงนี้นั้น แม่ทัพเว่ยดูจะกระอักกระอวนใจเล็กน้อย

เฟิ่งชิงเฉินที่เป็นเด็กกำพร้าในยามนี้ นางต้องลำบากมากเพียงใด เขาล้วนแต่รับรู้ได้เป็นอย่างดี แต่ก็มิเคยคิดที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือนางเลยสักครา เมื่อต้องการให้นางช่วยเหลือแล้ว หากจะเอ่ยถึงเรื่องความสัมพันธ์กับบิดาของนางขึ้นมานั้น ก็พลันรู้สึกว่า ตนดูไร้ยางอายยิ่งนัก

เฮ้อ

นางคงจะคิดมากไปเอง

ช่วงนี้นางได้ยินแต่คนเอ่ยถึงบิดามารดาของนางที่ตายไป มากเสียจนแอบเก็บมาคิดกังวลเสียได้

"แม่ทัพเว่ย หากท่านมีธุระอันใด พูดออกมาตามตรงเถิด มิเป็นอันใด"

เมื่อเห็นท่าทางของแม่ทัพเว่ยนั้น นางรู้ดีว่าเขาเองก็คงมีชีวิตที่มิใคร่สู้ดีมากนัก ย่อมมิอาจเข้ามาช่วยเหลืออันใดนางได้มาก

ถึงแม้พวกเขาจะมีชีวิตที่ดีแล้วอย่างไรเล่า ผู้อื่นก็หาได้มีหน้าที่ที่จะต้องมารับผิดชอบชีวิตของนางไม่

หากช่วยเหลือกันก็นับว่าเป็นไมตรี หากมิได้เข้ามาช่วยเหลือก็นับว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ

ท้ายที่สุดแล้ว ท่านแม่ทัพที่มิได้แผนการอันใดภายในใจ ก็พลันเอ่ยคำขอร้องของตนเองออกมา

ฮูหยินเว่ยเป็นโรคเกี่ยวกับดวงตา เขาจึงอยากเชิญให้เฟิ่งชิงเฉินช่วยไปดูอาการให้ฮูหยินของเขาเสียหน่อย

โรคตา?

เฟิ่งชิงเฉินจึงถามเกี่ยวกับอาการดังกล่าวเสียสองสามคำ เมื่อได้ฟังก็สามารถคาดเดาได้ว่าเป็นโรคต้อกระจก แต่ถึงกระนั้นก็ต้องไปตรวจดูอาการด้วยตนเองเสียก่อน ถึงจะมั่นใจได้

"แม่ทัพเว่ย อาการของฮูหยินท่าน ข้าพอจะเข้าใจบ้างแล้ว หากท่านมีเวลาว่างเมื่อใด ให้หาโอกาสส่งฮูหยินเว่ยมาที่จวนเฟิ่งเสีย เพื่อให้ข้าได้ดูอาการของนางเสียก่อน หลังจากนั้น ข้าถึงจะวินิฉัยโรคออกมาได้

ท่านแม่ทัพเว่ยโปรดวางใจ ข้าหาได้คิดถึงมิตรภาพระหว่างท่านกับบิดาของข้าไม่ ข้าเพียงเห็นแก่ว่า ท่านเป็นคนที่แม่ทัพอวี่เหวินพามาเสียเท่านั้น ชิงเฉินจะพยายามช่วยรักษาฮูหยินของท่านสุดฝีมือ"

อย่างน้อย นางจักได้ใช้โอกาสในครานี้ ในการตั้งกฏเกณฑ์ขึ้นมาใหม่เสีย หากมิใช่คนไข้ป่วยหนักจนมิอาจลุกขึ้นมาได้จริง เฟิ่งชิงเฉินจักไม่ไปเยือนถึงหน้าประตูบ้านพวกเขาเป็นอันขาด

ไปหาถึงจวนลำบากยิ่งนัก ไปไปมามาเช่นนี้เสียเวลาเป็นอย่างยิ่ง นางหาใช่หมอหลวงไม่ เหตุใดจักจะต้องไปบริการให้พวกคนเหล่านั้นด้วย

"ข้าน้อยขอบคุณเฟิ่งซิ่วมาก ๆ ข้าน้อยกลับไปเมื่อใด จักรีบไปพาฮูหยินมาหาท่านเลย แต่ทว่า เรื่องค่ารักษานั้น" สีหน้าของท่านแม่ทัพพลันแปรเปลี่ยนเป็นแดงก่ำด้วยความอับอายเล็กน้อย

เมื่ออวี่เหวินหยวนฮั่วเห็นสีหน้าที่ดูหดหู่เช่นนั้น เขาจึงรู้สึกเกลียดคนที่พูดจาอ้ำอ้ำอึ้งอึ้งเป็นอย่างยิ่ง จึงเอ่ยตัดบทขึ้นมาว่า

"เฟิ่งชิงเฉิน แม่ทัพเว่ยขอให้ข้าพาทาที่นี่ ก็เพื่อให้ข้าพามาพบหมอเช่นเจ้า เรื่องที่สอง ค่ารักษาของเจ้านั้นราคาสูงเกินไป หนึ่งพันตำลึงทอง หาใช่เงินที่คนทั่วไปจักสามารถรับได้ ราคาค่ารักษาที่สูงเกินไปเช่นนี้ เจ้าคิดว่าผู้อื่นจักเหมือนซูเหวินชิงกับหวังจิ่นหลิง ที่ตระกูลมีเงินมากมายเสียจนมิอาจใช้จ่ายได้หมดหรือ ประเด็นที่สำคัญเลยก็คือ ค่ารักษาสามารถลดลงได้หรือไม่?"

เขาหาได้เห็นเฟิ่งชิงเฉินเป็นคนนอกหรือไม่ เฟิ่งชิงเฉินเองก็มิถือสาอันใด นางยินดีที่ผูกมิตรกับอวี่เหวินหยวนฮั่ว "ได้สิ ข้าเห็นแก่หน้าของท่านแม่ทัพอวี่เหวินแล้ว หนึ่งร้อยตำลึงเป็นเช่นไร?"

เฟิ่งชิงเฉินหาได้สนใจเรื่องค่ารักษาไม่ ในยามนั้น นางเพียงแค่เอ่ยปากกับซูเหวินชิงเล่น ๆ เท่านั้น ผู้ใดจักไปคิดว่าซูเหวินชิงจะส่งเงินหนึ่งพันตำลึงทองมาให้นางจริง ๆ กัน

สีหน้าของท่านแม่ทัพเว่ยและบุตรชาย พลันปรากฏความลำบากใจขึ้นมาในทันที แต่ก็กัดฟันกล่าวออกมาว่า "ขอบคุณเฟิ่งซิ่ว ช่วงบ่ายข้าจักไปพาฮูหยินมา พร้อมกับเงินหนึ่งร้อยตำลึงทอง"

"ท่านแม่ทัพเว่ย ท่านเข้าใจผิดแล้ว ที่ข้าพูดหาใช่เงินหนึ่งร้อยตำลึงทองไม่ เป็นหนึ่งร้อยตำลึงเงินต่างหาก แต่ค่ารักษานั้น ต้องรอดูก่อน ว่าข้าจักสามารถรักษาได้หรือไม่ หากทำการรักษาสำเร็จแล้ว ค่อยว่ากันอีกที"

"หนึ่งร้อยตำลึงเงิน? ไม่ใช่หรอก เฟิ่งชิงเฉินเจ้าจะรับเงินแค่นี้หรือ?" ผู้ที่เอ่ยออกมาด้วยความตกใจ ย่อมต้องเป็นเซี่ยซาน

จากเงินหนึ่งพันตำลึงทองเปลี่ยนมาเป็นหนึ่งร้อยตำลึงเงิน สตรีผู้นี้ใช้เงินสิ้นเปลืองยิ่งนัก

"มิได้หรือ? ข้ามีความสุข ถึงอย่างนั้นข้าจักเก็บเงินเช่นไรก็เป็นเรื่องของข้า แต่ทว่า หากคนตระกูลเซี่ยต้องการจะให้ข้ารักษาให้ละก็ ย่อมมิใช่ราคานี้" เฟิ่งชิงเฉินกล่าว

คนเหมือนกันแต่ชีวิตต่างกัน

ยามที่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นในยุคปัจจุบันนั้น ต้องจ่ายเงินชดเชยให้กับต่างชาติเป็นหลายสิบล้าน ทว่าคนในประเทศกลับจ่ายเงินชดเชยเพียงหนึ่งล้านหรือไม่กี่แสนเท่านั้น

แม้ว่าจะมีชิวิตเหมือนกัน แต่คนพวกนั้นกับกำหนดราคาของชีวิตคนขึ้นมาไม่เท่ากัน นางเก็บค่ารักษาเช่นนี้ แน่นอนว่านางต้องดูคนที่นางต้องการให้รักษาด้วย

คนรวยย่อมต้องจ่ายมากหน่อย ผู้ใดให้พวกเขาคิดว่าชีวิตของตนเองมีค่ามากนักเล่า

ส่วนคนจนนั้น นางจักเอาค่ารักษาหรือไม่ย่อมไม่มีผลอันใด อีกทั้ง นางมิได้ต้องกาจะเปิดโรงหมอ มิต้องมาเลี้ยงหมอมากมาย เนื่องจากว่า หยูกยาส่วนใหญ่ของนางเอามาจากกระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะ เช่นนี้นางจึงมิได้ขาดทุนอันใด

สีหน้าของเซี่ยซานพลันหดหู่ลง และมิได้เอ่ยอันใดออกมาอีก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ