สรุปเนื้อหา บทที่ 1336 จากไปแล้ว, ไปเที่ยวชุมชนอี้หนึ่งวัน – นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย
บท บทที่ 1336 จากไปแล้ว, ไปเที่ยวชุมชนอี้หนึ่งวัน ของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ ในหมวดนิยายInternet เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย อาช้าย อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
อาหารเช้าถูกเตรียมไว้อย่างอุดมสมบูรณ์ แค่ขนมหวานของเจียงหนานอย่างเดียวก็เต็มโต๊ะ หน้าตาหน้าทาน กลิ่นหอมเย้ายวน แต่นอกจากเฟิ่งชิงเฉิน เสด็จอาเก้าและซุนซือสิง คนอื่น ๆ ต่างก็ไม่รู้สึกอยากอาหารเลยแม้แต่น้อย
เมื่อคิดว่าต้องเดินทางไปชุมชนอี้ อย่าว่าแต่ทานอาหารเช้าเลย แม้แต่อาหารที่ทานไปเมื่อคืนก็อยากจะอาเจียนออกมา
“ในเมื่อพวกเจ้าไม่กิน เช่นนั้นก็รีบออกเดินทาง” หลังจากเสด็จอาเก้าทานอาหารเช้าเสร็จ เขาก็ไม่รอคนอื่น วางตะเกียบและลุกขึ้นยืนในทันใด
“อ่า......” พวกของไม่มีอารมณ์จะกินอาหารเช้า ชิงอ๋องเงียบไม่พูดอะไร คิดไปคิดมาก็หยิบหมั่นโถวขึ้นมาหนึ่งชิ้น ในตอนเช้าเขาไม่อยากกินอะไรมาก แต่อย่างน้อย ๆ หมั่นโถวชิ้นนี้ก็ช่วยประทังความหิวของเขาเอาไว้ได้
เฟิ่งชิงเฉินคิดว่าการโจมตีก่อนหน้านี้ยังไม่เพียงพอ ดังนั้นนางจึงยิ้มและกล่าวเสริมออกมาว่า “เห็นพวกเขากระตือรือร้นเสียขนาดนี้ ข้ารู้สึกดีใจจริง ๆ หรือว่าวันพรุ่งนี้กับวันมะรืนเราจะไปกันอีกดี?”
“ให้ข้าไปตายยังดีเสียกว่า!” หยุนเซียวกล่าวออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ มุมปากของหวังชีเองก็กระตุกอย่างหนัก
ในฐานะคุณชายของตระกูลที่ร่ำรวย พวกเขาเคยเห็นซากศพมามากมาย แต่ในชีวิตนี้ก็ไม่เคยสัมผัสกับมันมาแม้แต่ครั้งเดียว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องการทำความสะอาดศพ
ชีวิตนี้มันช่างสิ้นหวังยิ่งนัก พวกเขาก็แค่ร่วมชมความสนุกไม่ใช่หรือ เหตุใดจะต้องแก้แค้นพวกเขาเช่นนี้ด้วย?
ไม่สนใจเส้นเลือดสีดำบนใบหน้าของพวกเขา เฟิ่งชิงเฉินพาคนที่ไม่พอใจกลุ่มนี้เดินทางไปยังชุมชนอี้ สำหรับพวกเขาแล้ว นี่เป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่อย่างแน่นอน
ทันทีที่ประตูห้องดับจิตเปิดออก ไม่ว่าจะเป็นราชาเจียงหนานหรือหยุนเซียวต่างก็รู้สึกเสียใจ มันคือความเสียใจอย่างสุดซึ้ง
หากพวกเขาสามารถย้อนเวลากลับไปได้ พวกเขาจะไม่มีทางไปเฝ้ามองความตื่นเต้นระหว่างเสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉิน และพวกเขาก็จะไม่มีวันสร้างเหตุผลให้เฟิ่งชิงเฉินลงโทษพวกเขา
“ชิงเฉิน ไม่สามารถเจรจาต่อรองกันได้แล้วอย่างงั้นหรือ? ดูเหมือนว่าศพพวกนี้จะมีพิษอยู่?” ใบหน้าของหยุนเซียวบิดเบี้ยว กลิ่นเหม็นที่กระแทกเข้ามา ทำให้เขาแทบอาเจียน
“วันนี้อากาศไม่ค่อยดี ดูเหมือนว่าฝนจะตก พวกเราเปลี่ยนเป็นวันอื่นกันดีไหม” ชื่อเลี่ยนฉุ่ยเองก็รู้สึกเสียใจ
ศพในชุมชนอี้ ไม่รู้ว่าถูกนำมาไว้กี่เดือนกี่วันแล้ว และไม่รู้ว่าเน่าเปื่อยไปแล้วหรือยัง ซึ่งมันทำให้เขาทำใจลำบากจริง ๆ
“ไม่ต้องกังวล เมื่อวานท่านอาจารย์ได้สั่งให้คนมาพ้นยาฆ่าเชื้อเอาไว้แล้ว ส่วนกลิ่นจากซากศพเหล่านี้ก็ไม่จำเป็นต้องกังวล เจ้าหน้าที่พิสูจน์ศพบอกว่าแค่อมยาอมนี้เอาไว้ก็ปลอดภัยแล้ว” ไม่จำเป็นต้องให้เฟิ่งชิงเฉินเอ่ยปาก เสี่ยวซือสิงได้ปิดประตูสำหรับการกลับไปของพวกเขาแล้ว
“นี่คือเสื้อผ้าที่ท่านอาจารย์เตรียมไว้ให้พวกท่าน ยังมีถุงมือและหน้ากาก พวกท่านสามารถไปเปลี่ยนก่อนแล้วค่อยเข้าไปใหม่” เสี่ยวซือสิงรับกล่องจากมือขององครักษ์ จากนั้นก็ยื่นมาที่ด้านหน้าของทุกคน
“เหตุใดจึงไม่บอกตั้งแต่แรก?” ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีจ้องมาที่ซุนซือสิงด้วยแววตาอันดุร้าย
เสียแรงที่พวกเขาปฏิบัติกับซุนซือสิงเป็นอย่างดี เพราะเมื่อเวลาสำคัญเช่นนี้มาถึง เขากลับเอาใจแต่อาจารย์ของเขา
“ก็พวกท่านไม่ได้ถาม” ซุนซือสิงตอบกลับมาด้วยความไร้เดียงสา แน่นอนว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่มีทางยอมปล่อยให้คนพวกนี้เอาความโกรธมาลงที่ลูกศิษย์ของนาง นางเดินเข้ามาขัดจังหวะปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยี จากนั้นก็บอกให้ทุกคนแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนเอง อย่ามัวแต่เสียเวลา
แม้ว่าทุกคนจะไม่เต็มใจ แต่ผู้คุมอำนาจอันยิ่งใหญ่อยู่ที่นี่ แม้พวกเขาจะโกรธก็ไม่กล้าส่งเสียงหรือแสดงมันออกมา ทำได้เพียงรับเสื้อผ้าจากมือของซุนซือสิงไปเปลี่ยนอย่างเชื่อฟัง หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็ค่อยกลับมาว่ากันใหม่
ซุนซือสิงเองก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเช่นกัน แต่ก็ถูกเฟิ่งชิงเฉินห้ามเอาไว้ “ซือสิงไม่ต้องไป วันนี้เจ้ามาช่วยอาจารย์วาดแผนโครงสร้างภายในของมนุษย์”
น่าอิจฉา!
ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยี ชื่อเลี่ยนฉุ่ยและกัวเลี่ยนฉุ่ยมองมาที่เฟิ่งชิงเฉินอย่างขุ่นเคือง และสงสัยว่าทำไมพวกเขาถึงมีชะตากรรมที่แตกต่างกัน
เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ได้อธิบาย กอดอกยืนมองทั้งสามคนโดยไม่ส่งเสียง และสุดท้าย......
เนื่องจากทั้งสามคนมีความผิด สุดท้ายก็ทำได้แค่อดทน
แต่ละคนต่างไปทำหน้าที่ของตัวเอง มีเพียงเสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินเท่านั้นที่ว่างงาน เสด็จอาเก้าเห็นว่าวันนี้อากาศดี เขาจึงเดินจูงมือเฟิ่งชิงเฉินออกมา
ชุมชนอี้คือสถานที่ซึ่งมีไว้สำหรับเก็บศพของคนตาย บรรยากาศมืดมน เป็นสถานที่ซึ่งไม่ควรใช้เวลาอยู่นาน เนื่องจากไม่ดีต่อร่างกาย แน่นอนว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่มีทางปฏิเสธ ใช้โอกาสตอนที่ทุกคนไม่สนใจ ค่อย ๆ แอบเดินทางออกจากที่นั่น
น่าเสียดายที่ราชาเจียงหนานและชิงอ๋องไม่รู้เลยว่าผู้คอยออกคำสั่งพวกเขาได้จากไปแล้ว ในขณะที่หยุนเซียวและหวังซีกำลังจ้องมองศพที่เพิ่งตายใหม่ ๆ อย่างน้อยก็ไม่จำเป็นต้องทนกับความเน่าเปื่อยที่น่าขยะแขยงจนเกินไป
ทันทีที่ผ้าขาวถูกยกขึ้น......
มันเป็นศพผู้หญิงที่ถูกแขวนคอ ลิ้นของนางยืดออก ยาวมาก ดวงตาของนางแทบจะโป่งออกมา และใบหน้าของนางก็......ไม่เหมือนมนุษย์เลยแม้แต่น้อย
“ในเมื่อพวกเจ้าเตรียมไว้ตั้งแต่แรก เหตุใดจึงไม่รีบพูดออกมา?” ราชาเจียงหนานโกรธ แต่สีหน้าขององครักษ์ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง “แม่นางเฟิ่งสั่งเอาไว้ รอให้พวกท่านทั้งสี่ออกมาก่อนแล้วค่อยกล่าวถึงเรื่องนี้ หากพวกท่านทั้งสี่สามารถตามหาศพที่เหมาะสมได้ด้วยตัวเอง เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึง”
“พวกเจ้าช่างใจดำยิ่งนัก” ราชาเจียงหนานกัดฟันด้วยความโกรธ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรองครักษ์เหล่านี้ได้ ในใจแอบคิด รอหลังจากที่เสด็จอาเก้าจากไปแล้ว เขาจะรวบรวมเรื่องราวทั้งหมดของเสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินมาเขียนเป็นนิทาน จากนั้นก็จะเผยแพร่ไปให้กับคนทั่วทั้งใต้หล้า เมื่อถึงเวลานั้น......
ราชาเจียงหนานยิ้มอย่างภาคภูมิใจ แต่ในตอนที่เขาได้เห็นศพที่อยู่ตรงหน้า เขาก็ตื่นขึ้นมาทันใด
หากเขาทำเช่นนั้น เกรงว่าชีวิตของเขาคงจะต้องจบลงอย่างอนาถ เพื่อประโยชน์กับชีวิตน้อย ๆ ของเขา ทางที่ดีที่สุดคือต้องออกห่างจากเสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉิน
พวกของหยุนเซียวทั้งสี่คนเห็นศพแล้วก็อาเจียนออกมา ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยี ชื่อเลี่ยนฉุ่ยและกัวเลี่ยนฉุ่ยเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าพวกเขาสักเท่าไหร่นัก
เมื่อไม่นานมานี้ เจียงหนานได้คลี่คลายคดีการแยกชิ้นส่วนและการฆาตกรรม ฆาตกรได้สังหารไปทั้งหมด 7 คน แยกชิ้นส่วนออกมาเป็นสิบชิ้น และตอนนี้ศพเหล่านั้นก็อยู่ต่อหน้าพวกของปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีทั้งสามคน
“เสด็จอาเก้ากล่าวไว้ว่า ขอให้พวกท่านทั้งสามช่วยทำดีเพื่อราษฎร เย็บชิ้นส่วนเหล่านี้เข้าด้วยกัน เพื่อทำให้พวกเขากลับมาอยู่ในร่างสมบูรณ์”
การเย็บศพไม่ใช่เรื่องยาก แต่ปัญหาคือ ศพพวกนี้ไม่ใช่ศพที่เพิ่งจะเสียชีวิต แต่มันถูกวางไว้เป็นระยะเวลามากกว่าสิบวัน ยังไม่ต้องพูดเรื่องกลิ่น แค่พูดเรื่องความเน่าเปื่อยของมัน แค่นั้นก็ไม่อาจเย็บมันกลับมาให้สมบูรณ์ได้แล้ว
“ข้าไม่ทำ” ชื่อเลี่ยนฉุ่ยเป็นคนแรกที่ปฏิเสธออกมา
“เสด็จอาเก้ากล่าวว่า หากท่านสามท่านทำเรื่องนี้เสร็จเมื่อไหร่ ก็สามารถออกไปจากที่นี่ได้เมื่อนั้น และขณะที่พวกท่านทั้งสามกำลังยุ่งอยู่กับงาน ก็ห้ามไม่ให้พวกข้านำอาหารและเครื่องดื่มมาให้” นี่คือการข่มขู่ และเป็นคำข่มขู่ที่ได้ผลดียิ่งนัก
“เฟิ่งชิงเฉิน ข้าจะสังหารเจ้า” ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยียกเก้าอี้ขึ้นด้วยความโกรธ
ไม่ให้น้ำและให้อาหารพวกเขา เช่นนั้นพวกเขาจะกินอะไร? จะให้กินศพที่เน่าเปื่อยพวกนี้อย่างนั้นหรือ?
น่าเสียดาย ไม่ว่าทั้งสามคนจะแสดงออกมาอย่างไร องครักษ์ก็ไม่ไว้หน้าพวกเขาเลยแม้แต่น้อย ด้านนอกของชุมชนอี้ถูกล้อมไว้ตั้งนานแล้ว หากไม่เสร็จภารกิจก็อย่าหวังว่าจะได้ออกไป
ส่วนเสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินที่ถูกพวกเขาสาปแช่งอย่างดุเดือด แน่นอนว่าไม่มีทางอยู่ที่นี่ทั้งวัน หลังจากมอบหมายหน้าที่ให้คนพวกนี้แล้ว พวกเขาจะอยู่ที่นี่ไปเพื่ออะไร พวกเขาได้......
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ไม่ต่อให้จบเหรอคะ นานแล้ว แวะมาบอกกล่าวกันบ้าง...
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...