นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1347

เกี่ยวข้องกับท่านพ่อข้าเหรอ?

มือของเฟิ่งชิงเฉินค้างอยู่กลางอากาศ สีหน้าของเธอเปลี่ยนไป แม้ว่าเธอจะกลับสู่ภาวะปกติได้อย่างรวดเร็วก็ตาม แต่การเปลี่ยนแปลงของเธอ ก็ไม่สามารถรอดสายตาของแม่ทัพใหญ่ซือไปได้ เมื่อเห็นเฟิ่งชิงเฉินเป็นเช่นนี้ นัยน์ตาของแม่ทัพใหญ่ก็รู้สึกสงสารขึ้นมา

ความรู้สึกของเฟิ่งชิงเฉินที่มีต่อเฟิ่งจ้านนั้นต้องเป็นความผูกพันที่ลึกซึ้งอย่างมากแน่นอน ไม่เช่นนั้นเธอคงไม่ปฎิกริยาเช่นนี้แน่ แม้ว่าลูกจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ยังคงต้องการให้พ่อแม่อยู่เคียงข้างและคอยปกป้องพวกเขาอยู่ดี

เมื่อลองคิดดูแล้ว เฟิ่งชิงเฉินในวัยนี้ และยังเป็นลูกสาว ถ้าเฟิ่งจ้านยังมีชีวิตอยู่ต้องเป็นหญิงสาวที่พรั่งพร้อมและสง่างาม มีแต่คนคอยปรนิบัติเอาใจ ไม่ต้องลำบากขนาดนี้

ด้วยความสามารถของเฟิ่งจ้าน ลูกสาวของเขาถ้าแต่งงานกับคนบรรดาศักดิ์ชั้นสูงก็ยังถือว่าเหมาะสม ไม่เหมือนตอนนี้ ความสัมพันธ์กับเสด็จอาเก้านั้นก็คลุมเครือ ไม่มีสถานะที่ชัดเจน

เฮ้อ... เมื่อคิดถึงเฟิ่งจ้านที่ตายไปแล้ว และเฟิ่งเชิงเฉินที่ต้องอยู่โดดเดี่ยวโดยลำพัง แม่ทัพใหญ่ซือก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ แล้วโบกมือให้ซือเฉินถอยออกไป

ซือเฉิงไม่พูดอะไรสักคำ แล้วหันหลังเดินออกไป สองคนนี้ดูเหมือนเป็นแม่ทัพกับนายทหารมากกว่าที่จะเป็นพ่อลูกกัน

แม้ว่าเธออยากได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับพ่อของเธอก็จริง แต่เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่อยากแสดงอาการออกนอกหน้า เธอรีบระงับความอยากรู้ของตัวเองแล้วพูดว่า: "แม้ว่าจะเกี่ยวข้องกับท่านพ่อของข้าก็ไม่ได้สำคัญอะไร มันก็ผ่านไปตั้งหลายปีแล้ว จะรออีกสักครู่ก็คงไม่เป็นไร ท่านแม่ทัพใหญ่ให้ข้าตรวจอาการบาดเจ็บของท่านก่อนเถอะ รองแม่ทัพเป็นห่วงท่านมาก”

“เด็กคนนั้น...” เมื่อแม่ทัพใหญ่ซือได้ยินคำนี้ เขาก็อดยิ้มไม่ได้ แล้วเขาก็หยุดพูดคุยกับเฟิ่งชิงเฉิน เขาถอดเสื้อออกเผยแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็น

ความสำเร็จของแม่ทัพใหญ่นั้นต้องใช้ชีวิตของเขาแลกมา คำพูดนี้พูดไว้มิมีผิดเลยสักนิด บนเนื้อตัวของแม่ทัพใหญ่ไม่มีส่วนที่ดีเลย มีแต่รอยแผลเป็นบาดไปบาดมาดูน่าสะพรึงกลัว

เฟิ่งชิงเฉินคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว เมื่อเธอเห็นฉากนี้ เธอก็ไม่ได้แสดงอาการประหลาดใจหรือหวาดกลัวใด ๆ เฟิ่งชิงเฉินก้าวไปข้างหน้าด้วยใบหน้าที่สงบ หลังจากตรวจเช็คร่างกายแม่ทัพใหญ่ทั่ว ๆ ไปแล้ว เธอก็ซักถามแม่ทัพใหญ่เกี่ยวกับตำแหน่งที่อาวุธลับฝั่งอยู่ และมองหาอาการบาดเจ็บอื่น ๆ ที่ซือเฉิงได้กล่าวถึงก่อนหน้านั้น

“ท่านแม่ทัพใหญ่ ตรงนี้เจ็บไหม?” เฟิ่งชิงเฉินกดลงบนหลังของแม่ทัพใหญ่สองสามครั้ง เห็นได้ชัดว่าบริเวณนี้ได้รับบาดเจ็บ ช่วงแรกแม่ทัพใหญ่ยังอดทนได้ แต่ในที่สุดก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป

“มันเจ็บ” ชิ้นส่วนอาวุธลับที่ซ่อนอยู่ภายในเนื้อ แทบยิ่งมากดแบบนี้ มันจะไม่เจ็บได้อย่างไร

เฟิ่งชิงเฉินทำเครื่องหมายไว้ตรงจุดนั้นแล้วพูดว่า: "อาวุธลับที่หลงเหลืออยู่ในร่างกายไม่ได้อันตรายต่อหัวใจหรืออวัยวะอื่น ๆ สามารถทำการผ่าตัดได้ตลอดเวลา ท่านแม่ทัพใหญ่เมื่อไหร่มีเวลาว่างมาที่จวนเฟิ่งของข้า ข้าจะช่วยท่านผ่าเอาอาวุธลับนี้ออกมา ”

เมื่อพูดถึงความถนัดของตัวเอง เฟิ่งชิงเฉินมีความมั่นใจมาก แม่ทัพใหญ่ซือก็ตื่นเต้นเช่นกันเมื่อได้ยินสิ่งนี้: "เจ้าสามารถเอามันออกมาได้จริงๆงั้นเหรอ?"

หลายปีมานี้เขาถูกอาวุธลับนี้ทรมานมานาน เมื่อฝนตกก็จะรู้สึกเจ็บ ในเวลาปกติก็จะมีอาการอักเสบและบวมแดง เขาเคยขอให้หมอหลวงผ่ามันออกหลายครั้ง แต่หมอหลวงกลับหาไม่เจอชิ้นส่วนของอาวุธลับชิ้นนั้นเลย หลังของเขาแทบจะถูกผ่าไม่รู้กี่ครั้งจนเป็นแผลเต็มไปหมด

แม้ว่าเขาจะกลับมาเพื่อซือเฉิง แต่ร่างกายของเขาก็ทนไม่ไหวจริงๆ

“สามารถทำได้จริง ๆ ท่านแม่ทัพใหญ่รู้จักท่านพ่อของข้า ข้าไม่กล้าพูดจาโกหกท่านหรอก” เฟิ่งชิงเฉินพูดในขณะที่เก็บข้าวของไปด้วย

เมื่อแม่ทัพใหญ่ซือได้ยินดังนั้น เขาก็มีดีใจอีกครั้ง

เขานึกว่าว่าเฟิ่งชิงเฉินจะอดกลั้นไว้ได้จริงๆ แต่กลับกันในใจของเธอร้อนรนมาก แม่ทัพใหญ่ซือก็ไม่ได้อยากแกล้งเธอ จึงให้เธอรอสักครู่ แล้วลุกขึ้นเดินไป จนกระทั่งเขากลับมาพร้อมกับกล่องหยกในมือ

“สิ่งที่อยู่ในกล่องหยกนี้ พ่อของเจ้าทิ้งไว้ให้เจ้า” แม่ทัพใหญ่ส่งกล่องหยกนั้นให้เฟิ่งชิงเฉิน

สิ่งที่พ่อของเธอทิ้งไว้ให้เธองั้นเหรอ?

หัวใจของเฟิ่งชิงเฉินเต้นรัว เธอเกือบจะกระโดดตัวลอยแล้ว

เธอจึงพยายามข่มตัวเองอย่างเต็มที่ แต่มือของเฟิ่งชิงเฉินก็อดไม่ได้ที่จะสั่น เธอมองกล่องบนโต๊ะด้วยดวงตาที่สดใส อยากที่จะเอามันมาไว้ในอ้อมกอดของเธอซะตอนนี้เลย

“ท่านพ่อของข้ามีกล่าวอะไรไหม?” หลังจากตื่นเต้นแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็สงบลงอย่างรวดเร็วและมองไปที่แม่ทัพใหญ่ซือด้วยสีหน้างุนงง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ