นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1346

สรุปบท บทที่ 1346 แม่ทัพใหญ่, เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพ่อของเจ้า: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

สรุปตอน บทที่ 1346 แม่ทัพใหญ่, เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพ่อของเจ้า – จากเรื่อง นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย

ตอน บทที่ 1346 แม่ทัพใหญ่, เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพ่อของเจ้า ของนิยายInternetเรื่องดัง นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดยนักเขียน อาช้าย เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

รองแม่ทัพซือ? ซือเฉิง?

เขามาหาเธอกลางวันแสกๆแบบนี้ทำไมกัน?

แม้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะสงสัย แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธที่จะพบเขา ซือเฉิงไม่ได้แจ้งให้ทราบก่อน ก็มาหาเธอถึงที่นี่ นั่นแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ต้องการคำปฏิเสธ และซือเฉิงก็รู้การเคลื่อนไหวของเธอด้วย มิเช่นนั้นเขาคงไม่มาได้เวลาเหมาะเจาะเช่นนี้

เมื่อเฟิ่งชิงเฉินมาถึงห้องโถงดอกไม้ เธอเห็นซือเฉิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวตรงเหมือนหอก เพียงมองดูท่านั่งที่มั่นคงของเขา ก็รู้ว่าชายคนนี้มีชาติกำเนิดยังไง

เป็นเวลานานแล้วที่เธอไม่ได้เห็นท่านั่งแบบทหารเช่นนี้

แม้ว่าอวี่เหวินหยวนฮั่วและตี๋ตงหมิงจะเป็นทหาร แต่เขาทั้งสองคนไม่เคยแสดงท่าทางเป็นทางหารต่อหน้าเธอมาก่อน เลยไม่รู้ว่าทั้งเขาสองคนเป็นทหาร

“รองแม่ทัพซือ” เฟิ่งชิงเฉินเริ่มกล่าวคำทักทายก่อนในขณะที่เดินเข้าไป ซือเฉิงพยักหน้ารับด้วยท่าทางเย็นชาและน่าเกรงขาม ซึ่งแตกต่างจากคืนนั้นอย่างสิ้นเชิง

เฟิ่งชิงเฉินประมวลภาพและแอบมองซือเฉิงแล้วประเมิณสถานการณ์ สุดท้ายก็ได้ข้อสรุปออกมาว่าชายคนนี้เป็นคนสองบุคลิกแน่นอน กลางวันกับกลางคืนจะไม่เหมือนกัน

“รองแม่ทัพซือมาหาข้าวันนี้มีเรื่องอันใดหรือ?” อีกฝ่ายยังคงเฉยเมย เฟิ่งชิงเฉินไม่อยากเอาไมตรีจิตของตัวเองไปแลกกับใบหน้าที่เฉยเมยเช่นนี้ เธอจึงถามตรง ๆ ไม่อ้อมค้อม

“ท่านพ่อของข้าได้รับราชโองการจากฮ่องเต้ให้กลับเมืองหลวง ท่านพ่อข้าร่างกายไม่ค่อยสบาย อยากจะให้เจ้าช่วยไปช่วยดูอาการหน่อย” ซือเฉิงพูดอย่างไม่เกรงใจแขกที่ต้องการเชิญเลยสักนิด

เฟิ่งชิงเฉินเลิกคิ้วและถามอย่างสงสัย: "แม่ทัพใหญ่ซือ? ไม่ใช่มีหมอหลวงอยู่แล้วหรือ?"

เธอคิดว่าซือเฉิงมาที่นี่เพื่อเรื่องส่วนตัวของตัวเอง แต่ดูแล้วไม่น่าจะใช้ รองแม่ทัพซือคนนี้ดูเหมือนจะไม่สนใจร่างกายของตัวเอง

“หมอหลวงรักษาไม่ได้ เมื่อสิบปีที่แล้วท่านพ่อของข้าถูกโจมตี และมีอาวุธลับแทงเข้าไปในร่างกายของเขา ตอนที่หมอหลวงเอาอาวุธลับออกมานั้น ยังคงเหลือชิ้นส่วนเล็ก ๆ อยู่ในร่างกายของท่านพ่อและที่ผ่านมาก็ไม่สามารถเอามันออกมาได้ อีกอย่างมันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับร่างกายมากนัก ท่านพ่อของข้าก็เลยไม่สนใจ แต่เมื่อไม่กี่ปีมานี้อาวุธลับที่ยังหลงเหลืออยู่นั้นทำให้ท่านพ่อของข้าต้องเจ็บปวดจนทนไม่ไหว ด้วยเหตุนี้จึงทูลขอราชโองการให้กลับเมืองหลวง” ซือเฉิงพูดอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งดูน่าเชื่อถือมาก แต่ว่า...

เฟิ่งชิงเฉินเข้าใจว่าจอมพลซือทูลขอราชโองการกลับเมืองหลวงนั้นก็เพื่อจะหลีกทางให้ซือเฉิง พวกเขาสองพ่อลูกกุมอำนาจทหารในอยู่มือ เพราะฉะนั้นฮ่องเต้จะไม่หวาดระแวงได้อย่างไร

แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่เฟิ่งชิงเฉินจำเป็นต้องรู้ เธอเพียงแค่รักษาโรคก็พอแล้ว

"ถ้าหากเป็นไปได้ ข้าหวังว่ารองแม่ทัพซือจะพาแม่ทัพใหญ่ซือมาที่จวนเฟิ่งของข้า สถานที่ของข้านั้นเหมาะสมกว่า" อาการบาดเจ็บของแม่ทัพใหญ่ซือนั้นจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดเอาออกมา และจวนเฟิ่งเป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุด

ซือเฉิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า: "ตกลง เมื่อเจ้าแน่ใจว่าสามารถรักษาได้ ข้าจะพาท่านพ่อของข้ามาส่งที่จวนของเจ้าเอง แต่ตอนนี้รบกวนเจ้าไปกับข้าก่อน "

ซือเฉิงยืนขึ้นโดยไม่เปิดโอกาสให้เฟ่งชิงเฉินได้ปฏิเสธ

เฟิ่งชิงเฉินมองดูซือเฉิงด้วยความตกใจ ทำไมคำพูดนี้เหมือนเขากำลังจับกุมผู้ต้องสงสัยอยู่นะ? ผู้ชายคนนี้ ช่างเท่ห์สง่างามอะไรขนาดนี้ คำพูดช่างเด็ดขาดเสียจริงๆ

“แม่นางเฟิ่ง เชิญ...” เมื่อซือเฉิงเห็นเฟิ่งชิงเฉินไม่ขยับ ก็พูดขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อยแสดงความไม่พอใจ

“ได้ ข้าจะไปเอากระเป๋ายา”

“ไม่ต้อง ข้าจะให้คนไปเอาเอง ” ซือเฉิงขวางทางเฟิ่งชิงเฉินอีกครั้ง เมื่อเห็นสีหน้าไม่พอใจของเฟิ่งชิงเฉิน เขาจึงอธิบายว่า: "ข้าต้องขออภัยหากทำให้เจ้าไม่พอใจ หวังว่าเจ้าจะเข้าใจ"

เข้าใจอะไร? เข้าใจการกระทำเยื่องโจรของเจ้าเช่นนี้งั้นหรือ?

เมื่อเฟิ่งชิงเฉินเห็นท่าทางของซือเฉิง ก็ไม่อยากที่จะพูดอะไรอีก เพียงแค่พยักหน้าและออกไปพร้อมกับซือเฉิง

ซือเฉิงเดินเร็วมาก ย่างก้าวกว้างมากจนเฟิ่งชิงเฉินตามเขาไม่ทัน เฟิ่งชิงเฉินเลยไม่ได้พยายามเดินตามเขา จึงเดินช้าๆ นี่เพิ่งจะเดินได้เพียงไม่กี่ก้าว ก็เห็นสีหน้าถมึงทึงของซือเฉิงที่ยืนรอเธออยู่ตรงนั้น แต่เมื่อเห็นไม่พอใจของซือเฉิงแต่เขาไม่กล้าพูดออกมา ทำให้เฟิ่งชิงเฉินอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้

เธอไม่เคยลืมว่าครั้งก่อนชายคนนี้โค่นล้มหน่วยลับของเธอยังไง

แม้ว่าเขาจะตรวจสอบประวัติของเฟิ่งชิงเฉิน แต่สิ่งที่เขียนในกระดาษสู่เห็นด้วยตาตัวเองไม่ได้ ซือเฉิงดูเหมือนจะเข้าใจว่าทำไมเสด็จอาเก้าถึงได้หลงรักผู้หญิงคนนี้

เธอมีจิตใจที่ไม่ด้อยกว่าผู้ชายเลย

เฟิ่งชิงเฉินเดินตามซือเฉิงมาถึงห้องพักหลัก ก็มองเห็นแม่ทัพใหญ่ซือนั่งอยู่ที่ม้านั่งในชุดลำลอง แม่ทัพใหญ่ซือดูค่อนข้างแข็งแกร่งแต่อ้วนเล็กน้อย ดูไม่เหมือนซือเฉิงเลย

แม้ว่าแม่ทัพใหญ่ซือบนร่างจะไม่มีอาวุธใด ๆ แต่รัศมีอันเยือกเย็นบนร่างกายของเขาก็ไม่สามารถมองข้ามได้ เฟิ่งชิงเฉินมองเพียงแค่แวบเดียวก็เข้าใจว่าผู้ชายคนนี้มือของเขาเปื้อนไปด้วยเลือด และความสำเร็จของเขาก็แลกมากับศพของคนมากมาย

ทันทีที่พวกเขาสบตากัน เฟิ่งชิงเฉินก็รู้สึกถึงรัศมีที่จงใจปล่อยออกมาจากอีกฝ่าย ดวงตาของเฟิ่งชิงเฉินเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็มองออกไปราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น และโค้งคำนับเล็กน้อย: "แม่ทัพใหญ่ซือ"

“ดีมาก สมแล้วที่เป็นลูกสาวจากตระกูลของนายทหาร” แม่ทัพใหญ่ซือกล่าวชมเชยเธอ รัศมีบนร่างกายของเขาก็สงบลงเช่นกัน มองแล้วไม่แตกต่างจากชายชราธรรมดา ๆทั่วไป

เฟิ่งชิงเฉินฝืนยิ้มอย่างไม่เต็มใจ นึกตำหนิคนพวกนี้อยู่ในใจ ทั้ง ๆ ที่เป็นฝ่ายมาหาและขอร้องให้เธอช่วย แต่กลับทำวางท่าสูงส่งและเย่อหยิ่ง แถมยังข่มขู่เธออีก แล้วยังมาบอกว่าเป็นการทดสอบเธอ

เธอเป็นหมอ ไม่ใช่สะใภ้ของตระกูลซือ เรื่องของเธอไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลซือ

แน่นอนว่า คิดส่วนคิด ในความเป็นจริงเฟิ่งชิงเฉินไม่กล้าพูดมันออกมา เธอทำได้เพียงฝืนยิ้มต่อไป อธิบายถึงจุดประสงค์ที่เธอมามาวันนี้ เธอขอให้แม่ทัพใหญ่ซือเตรียมตัว เธอจะได้ทำการตรวจรักษา

แต่ปรากฏว่าแม่ทัพใหญ่ซือไม่ได้รีบร้อนที่จะทำการรักษาเลย เขายกมือขึ้นเป็นการส่งสัญญาณให้เฟิ่งชิงเฉินว่าอย่าเพิ่งเปิดกระเป๋ายาของเธอ : "อาการป่วยของข้าไม่ต้องรีบร้อนหรอก ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า"

“แม่ทัพใหญ่ซือ อาการเจ็บป่วยของท่านสำคัญกว่า” มือของเฟิ่งชิงเฉินขยับ เธอไม่ได้หยุดตามที่แม่ทัพใหญ่บอก แต่แสดงความคิดเห็นของเธอแทนหวังว่าแม่ทัพใหญ่ซือจะเปลี่ยนใจ

แม่ทัพใหญ่ซือยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพ่อของเจ้า ยังจะต้องรออีกหรือไม่?"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ