นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1345

สรุปบท บทที่ 1345 ทหารส่วนตัว, เฟิ่งชิงเฉินเริ่มขาดแคลนเงิน: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

บทที่ 1345 ทหารส่วนตัว, เฟิ่งชิงเฉินเริ่มขาดแคลนเงิน – ตอนที่ต้องอ่านของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

ตอนนี้ของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายInternetทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1345 ทหารส่วนตัว, เฟิ่งชิงเฉินเริ่มขาดแคลนเงิน จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

คนพวกนี้ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก

เมื่อนึกถึงผู้หญิงที่คล้ายกับตนเองถึงเจ็ดส่วน นอนอยู่ใต้ร่างกายของชุนอ๋อง ชุนอ๋องกอดนางและครางชื่อของตนเอง แววตาของเฟิ่งชิงเฉินก็เต็มไปด้วยความเกลียดชัง

หากไม่ใช่ว่านางไม่สามารถลงมืออย่างเหี้ยมโหดและไม่อยากลากผู้บริสุทธิ์เข้ามาเกี่ยวข้อง นางคงใช้วิธีการอันชั่วร้ายตอบโต้กลับไป หาคนที่เหมือนกับโจวอ๋องเจ็ดส่วน จับเขาขายให้เรือนดอกไม้ ให้เขากลายเป็นโสเภณีชาย

เสด็จอาเก้ารู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินโกรธมากเพียงใด แต่เมื่อพูดถึงตรงนี้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรอีกต่อไปแล้ว เสด็จอาเก้าเล่าเรื่องราวให้เฟิ่งชิงเฉินฟังอย่างมั่นใจ “แผนการของโจวอ๋องสำเร็จแล้ว สำเร็จตรงทำให้ชุนอ๋องยอมอุทิศตนให้เขา และสำเร็จตรงที่ทำให้ชุนอ๋องทำความผิดที่ไม่อาจให้อภัยได้ เพื่อปกป้องชุนอ๋อง จักรพรรดิจำเป็นต้องส่งชุนอ๋องออกไปจากเมือง”

แม้ว่าองค์จักรพรรดิจะเชื่อว่าชุนอ๋องจะไม่ก่อให้เกิดกบฏ แต่เหล่าราชบริพารของเขาก็ไม่เห็นด้วย ดังนั้น......

ชุนอ๋องจะต้องออกไปจากเมืองจักรพรรดิไปตลอดกาล และเกรงว่าคงไม่มีวันกลับมาได้อีกต่อตลอดไป

คำพูดนี้เสด็จอาเก้าไม่ได้พูดมันออกไปให้เฟิ่งชิงเฉินฟัง เฟิ่งชิงเฉินของเขาไม่จำเป็นต้องจดจำผู้ชายคนอื่น โดยเฉพาะชุนอ๋อง

แม้ว่าความโกรธของเฟิ่งชิงเฉินยังคงไม่ลดลง แต่นางก็รู้ว่าต่อให้ตนเองโกรธจนตายก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เฟิ่งชิงเฉินพูดอย่างอิดโรย “เรื่องราวสงบลงก็ดีแล้ว วันนี้ข้าอยู่ที่นี่กับเจ้าก็ดีเหมือนกัน หากให้ข้าไปช่วยผู้หญิงที่คล้ายกับข้าถึงเจ็ดส่วน คนถูกคนอื่นคิดว่านางเป็นตัวตายตัวแทนของข้า คนที่ถูกส่งไปอยู่ข้างกายของชุนอ๋อง ทำให้ข้ารู้สึกไม่สบายใจจริง ๆ”

ด้วยนิสัยของนาง คนป่วยมาถึงบ้าน ไม่ว่าคนป่วยผู้นั้นจะเกลียดนางมากแค่ไหน แต่นางก็ไม่อาจเห็นคนป่วยและไม่ช่วย การซ่อนตัวอยู่ในจวนอ๋องเก้าอาจจะดูขี้ขลาด แต่มันก็ดีกว่าที่ต้องพบเจอกับสิ่งซึ่งทำให้นางไม่สบายใจ

เสด็จอาเก้าไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่กอดเฟิ่งชิงเฉินไว้ในอ้อมแขน ปลอบโยนโดยไม่ส่งเสียง เห็นเฟิ่งชิงเฉินสงบสติอารมณ์ลง เขาจึงกล่าวออกมาว่า “ข้ายังมีข่าวดีอีกเรื่องที่อยากจะบอกเจ้า”

“ข่าวดี? ข่าวดีอะไร?” เฟิ่งชิงเฉินถามออกมาด้วยความตื่นเต้น

“เกี่ยวกับข่าวของตระกูลลู่” เสด็จอาเก้าจงใจเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะไม่อยากให้เฟิ่งชิงเฉินกังวลเกี่ยวกับเรื่องของชุนอ๋องมากเกินไป

เป็นอย่างที่คิด แม้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ความสนใจส่วนใหญ่ของนางก็ได้เปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ นางมีพลังมากขึ้นในทันใด ลุกขึ้นมานั่งบนเตียงพร้อมถามออกมาว่า “ตระกูลลู่? ยังมีใครในตระกูลลู่รอดชีวิตอยู่งั้นหรือ? เจ้าหาตัวพวกเขาพบแล้วหรือยัง?”

เสด็จอาเก้าส่ายหน้า เห็นท่าทางที่ผิดหวังของเฟิ่งชิงเฉิน เขาจึงเอ่ยปากออกมาในทันใด “แม้ว่ายังไม่ได้ข่าวคราวเกี่ยวกับคนของตระกูลลู่ แต่มีข่าวเกี่ยวกับเกาะของตระกูลลู่”

“เกาะตระกูลลู่? ตอนนั้นได้ถูกราชวงศ์ซีหลิงกวาดล้างไปแล้วไม่ใช่หรือ หรือว่าบนเกาะยังมีใครรอดชีวิตอยู่” ต่อให้รอดชีวิตก็ไม่มีทางอาศัยอยู่ที่นั่นได้

“ไม่มีผู้รอดชีวิต แต่มีสิ่งของที่สำคัญที่สุดของตระกูลลู่ซ่อนอยู่”

“สิ่งของอะไร?” เฟิ่งชิงเฉินรีบถามออกมา

“เป็นทรัพย์สินที่ราชวงศ์ซีหลิงหาไม่พบในตอนนั้น” เสด็จอาเก้าเองก็ไม่ได้ปิดบัง ในฐานะทายาทของตระกูลลู่ เฟิ่งชิงเฉินมีสิทธิ์ที่จะได้รับรู้ถึงที่ซ่อนของสมบัติอันล้ำค่าของตระกูลลู่

หากตระกูลลู่ไม่มีทายาท เช่นนั้นเฟิ่งชิงเฉินก็เปรียบเสมือนทายาทผู้สืบทอดความมั่งคั่งของตระกูลลู่

“ทรัพย์สินของตระกูลลู่?” สีหน้าของเฟิ่งชิงเฉินดูผิดหวัง หากทรัพย์สินพวกนี้อยู่ในมือของเสด็จอาเก้ามันคงมีประโยชน์มากกว่า

“ชิงเฉิน เจ้าอาจจะไม่ได้ต้องการทรัพย์สินของตระกูลลู่ แต่ในฐานะที่เจ้าเป็นเชื้อสายของตระกูลลู่ เจ้ามีหน้าที่รับผิดชอบทรัพย์สินพวกนี้ และห้ามให้มันตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น ลั่วอ๋องและฮองเฮารู้ว่าสมบัติดังกล่าวอยู่ที่ไหน พวกเขากำลังหาวิธีทำให้ได้มันมาอยู่ในครอบครอง” เสด็จอาเก้ายอมรับว่าเขารู้สึกหวั่นไหวกับทรัพย์สินก้อนนี้ หากเฟิ่งชิงเฉินไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลลู่ เสด็จอาเก้าคงใช้วิธีการแย่งมันมาโดยตรง

เฟิ่งชิงเฉินขมวดคิ้ว “ลั่วอ๋องกับฮองเฮา? พวกเขารู้ได้อย่างไร?” ในฐานะทายาทของตระกูลลู่ นางยังไม่รู้เรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ

“องค์หญิงหมิงเว่ย” เสด็จอาเก้าเอ่ยชื่อสี่พยางค์นี้ออกมา เฟิ่งชิงเฉินก็เข้าใจในทันใด

นี่เป็นความเข้าใจผิดอันยิ่งใหญ่ และเป็นช่วงเวลาที่ล่าช้าไปหลายเดือน ประกอบกับความเคารพที่อีกฝ่ายมีต่อนางนั้นมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เกิดเรื่องที่เฟิ่งชิงเฉินไม่คาดคิด

เฟิ่งชิงเฉินอ่านจดหมายจบ นางก็พูดกับทงจือว่า “หักเงินจากบัญชีไปสองแสนตำลึงเพื่อเป็นค่าชดเชยกองกำลังทหารตลอดสองเดือนที่ผ่านมา ส่วนเงินที่เหล่าให้นำไปซื้ออาวุธที่พวกเขาต้องการ”

เฟิ่งชิงเฉินพูดจบก็เผาจดหมายในมือ จนกระทั่งกลายเป็นเถ้าถ่าน นางถึงจะปล่อยมัน

“สามวันข้างหน้าให้หัวหน้าทหารส่วนตัวมาพบข้า ข้าอยากทำความเข้าใจกับสถานการณ์ที่แท้จริงของทหารกลุ่มนี้” ใช้เงินตั้งมากมาย อย่างน้อย ๆ นางก็อยากรู้ว่าเงินที่นางใช้ไปนั้นจะเกิดผลและเติบโตอย่างไร

“เจ้าคะ” ทงจือพยักหน้า ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็กล่าวเตือนออกมาด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา “คุณหนู ช่วงนี้ข้าทำได้แค่เข้าเมือง ไม่อาจออกจากเมืองได้ เงินในบัญชีก็น้อยลงทุกที หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเกรงว่าคงทนได้อีกไม่นาน แม้ว่าในจวนจะมีรายได้จากทรัพย์สินต่าง ๆ แต่มันก็ไม่อาจรับภาระการใช้จ่ายที่มากมายถึงเพียงนี้ได้ ท่านคิดว่าพวกเราควรจะทำอะไรสักอย่างหรือไม่?”

มีร้านค้ามากมายภายใต้ชื่อของจวนเฟิ่ง และร้านที่โด่งดังมากที่สุดในเมืองจักรพรรดิก็คือร้านดอกไม้ และมันก็คือชื่อของเฟิ่งชิงเฉิน แต่รายได้จากร้านค้าเหล่านี้ มันยังห่างไกลจากรายจ่ายของเฟิ่งชิงเฉินอยู่มากโข

เลี้ยงดูทหารส่วนตัว ทุกเดือนจำเป็นต้องมอบเงินให้แก่พวกเขา เฟิ่งชิงเฉินเริ่มรู้สึกแสบจมูก นางกล่าวออกมาว่า “ไป ติดต่อตระกูลเฉินแห่งซานตง”

ตอนแรกคิดว่าหากสมบัติของตระกูลลู่พบก่อนแล้วค่อยว่ากัน แต่เมื่อเฟิ่งชิงเฉินไตร่ตรองให้ดี นางรู้สึกว่าเรื่องนี้มันดูเหมือนคว้าน้ำเหลวเกินไป เนื่องจากเวลานี้ยังหาที่ซ่อนไม่พบ สมบัติพวกนั้นซ่อนอยู่ที่ไหนก็ยังไม่รู้ เพื่อความปลอดภัย นางจำเป็นต้องเอาตัวรอดไปก่อน

มีเสด็จอาเก้าเป็นผู้สนับสนุน ตระกูลเฉินแห่งซานตงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามเป็นแน่!

หลังจากที่รายงานเรื่องต่าง ๆ เสร็จสิ้น คนรับใช้คนหนึ่งก็เข้ามารายงานว่า “คุณหนู แม่ทัพหนุ่มซื่อมาเยี่ยม เวลานี้เขาได้มาถึงเรือนดอกไม้แล้ว!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ