วินาทีนั้น เขาหลงลืมยามที่ได้พบกับสตรีนามว่าซีหลิงเหยาหวาไปจนหมด หลงลือมท่วงท่าที่สง่างามของสตรีผู้นั้น ทั้งยังหลงลืมวินาทีที่เขาใจเต้นเพราะซีหลิงเหยาหวาไปด้วย
ในยามนี้ เขาจดจำได้แต่เพียง คำพูดที่ทำให้รูสึกอบอุ่นหัวใจและเต็มไปด้วยความสุขของเฟิ่งชิงเฉิน
เฟิ่งชิงเฉินหาได้คิดเล็กคิดน้อยเช่นตงหลิงจื่อลั่วไม่ เมื่อพูดสั่งความจนจบ นางก็รีบเก็บของเดินจากไปในทันที
ยามที่ตงหลิงจื่อลั่วกำลังเอ่ยปากเพื่อที่จะรั้งนางเอาไว้นั้น กลับหาเหตุผลที่จะมารั้งนางไว้มิได้เลยแม้แต่น้อย จึงได้แต่จ้องมองแผ่นหลังที่เดินหายลับตาไปของเฟิ่งชิงเฉินแทน พร้อมกับกล่าวปลอบใจกับตนเองว่า
ไม่เป็นไร อีกสามวันเดี๋ยวนางก็มาหาเขาแล้ว
ตงหลิงจื่อลั่วรู้ดีว่า เฟิ่งชิงเฉินหาได้คู่ควรกับเขาไม่ แต่เขากลับคิดถึงช่วงเวลาที่ชวนให้อบอุ่นหัวใจเหล่านั้น คิดถึงความรู้สึกธรรมดาที่เขาควรจะได้รับและสัมผัสมัน
เมื่อเห็นแผ่นหลังที่หายลับตาไปของเฟิ่งชิงเฉินแล้วนั้น ตงหลิงจื่อลั่วก็พลันจับข้อมือข้างซ้ายของตนเอง พร้อมกับใช้นิ้วเขี่ยไปมาที่บาดแผลของตน ในหัวพลางนึกไปถึงแผนการมากมายที่จะสามารถทำให้แต่งเฟิ่งชิงเฉินขึ้นมาเป็นพระชายารองให้ได้
เขามีพระชายาเอกหนึ่งนาง พระชายารองอีกสามนาง หากได้พระชายารองอีกหนึ่งนาง เพื่อมาเติมเต็มหัวใจของเขา คงจะดีไม่น้อย
ตงหลิงจื่อลั่วพลันหลับตาลง พร้อมทั้งนึกถึงอุปสรรคในการที่เขาจะแต่งเฟิ่งชิงเฉินเข้ามาเป็นพระชายารอง พร้อมทั้งนึกหาหนทางวิธีแก้ไขมัน
แม้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะเอ่ยปฏิเสธไปแล้ว แต่เขาก็ยังมิวางใจเท่าใดนัก
หากเขาต้องการจะแต่ง เฟิ่งชิงเฉินก็จักต้องเป็นของเขา
เมื่อกลับมาถึงจวนด้วยสภาพที่มิได้บุบสลายไปที่ใดแล้วนั้น ทั้งอวี่เหวินหยวนฮั่วและโจวสิงเองก็หาได้เอ่ยถามเรื่องที่ไปวังของลั่วอ๋องในวันนี้ไม่ พลางพูดออกมาด้วยความดีใจ พร้อมกล่าวว่าต้องกินอาหารมื้อใหญ่เพื่อต้อนรับเฟิ่งชิงเฉิน เฟิ่งชิงเฉินจึงได้แต่ต้องเลยตามเลยเช่นนี้
มิรู้ว่าอวี่เหยวนหยวนฮั่วไปนำสุราไหใหญ่มาจากที่ใด พลางดึงรั้งให้เฟิ่งชิงเฉินดิ่มเป็นเพื่อนเขาด้วย
เมื่อเฟิ่งชิงเฉินมิอาจปฏิเสธได้นั้น นางจึงได้แต่จำใจนั่งดื่มเป็นเพื่อนเขาแทน
นับว่าโชคดี ที่นางเองก็คอแข็งเช่นกัน ท้ายที่สุดว่าอวี่เหยวนฮั่วก็ดื่มจนเมามายไปเสียแล้ว เมื่อเห็นเขามีสภาพเช่นนั้น ตัวเองก็สร่างขึ้นมาในทันที
นี่คงเป็นความเจ็บปวดของหมอกระมัง แม้แต่ร่ำสุราก็มิอาจดื่มมาก ๆ ได้ กลัวว่าจะเกิดเหตุฉุกเฉินอันใดเข้ามา หากนางดื่มมากไป ก็กลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับตนเองอีก
เมื่อเมามายแล้ว อวี่เหวินหยวนฮั่วก็ทำตัวเสมือนเด็กน้อยยิ่งนัก พลางดึงเฟิ่งชิงเฉินเอาไว้ พูดคุยด้วยไม่หยุด พลางพล่ามออกมาว่า เขานำทัพออกไปรบนอกด่านลำบากเพียงใด เขาต้องแบกรับภาระตระกูลอวี่เหวินเพียงผู้เดียว
พวกขุนนางในราชวังก็ดีแต่ถือพู่กันตรวจงานเท่านั้น จะไปรับรู้ผลกระทบที่กองทัพต้องพบเจอได้อย่างไร บางครากองทัพของเขาต้องกินไม่อิ่ม สวมใส่อาภรณ์ที่ไม่อบอุ่น ยามเหมันตฤดูก็ได้แต่ต้องสวมใส่เสื้อเพียงตัวเดียว พร้อมกับถ้วยข้าวต้มที่กินไม่อิ่มอีกหนึ่งชาม
ทหารที่ได้รับบาดเจ็บในยามออกรบ ก็หาได้รับการรักษาทันท่วงทีไม่ แม้แต่ทหารที่พิการเพราะบาดแผลยามออกรบ ก็ยังไม่มีเบี้ยเลี้ยงให้อีก
"เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าว่านี่มันเรื่องอะไรกัน พวกเขาเอาแต่อยู่ในคอก หากแต่พวกข้ากลับต้องอยู่ด้านนอกทั้งยังต้องอยู่แบบอด ๆ อยาก ๆ เพื่อปกป้องแว่นแคว้น สุดท้ายเล่า? พวกเราได้แต่ส่ายหัว หลั่งน้ำตาอยู่กลางแดด เพื่อแลกกับชีวิตผู้คนที่อยู่ในแคว้นตงหลิงให้ได้มีชีวิตอย่างสงบสุข อีกทั้งยังมิได้รับเกียรติอันใดกลับมาอีก แม้แต่ชีวิตของตนเอง ก็ยังไม่มีสิ่งใดรับรองว่าตนเองจะมีชีวิตอยู่ได้นานเท่าใด" เมื่อพูดถึงตรงนี้ อวี่เหวินหยวนฮั่วก็ค่อย ๆ ร่ำให้ออกมา
"เฟิ่งชิงเฉิน ที่ข้ากลับมาในครานี้ ข้าสามารถได้รับการแต่งตั้ง แม้ว่าในใจของข้าก็ต้องการเลื่อนขั้นเช่นกัน เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ข้าก็พลันรู้สึกว่า ตนเองสมควรจะทำให้เหล่าทหารในกองทัพได้เบี้ยเลี้ยงที่เพิ่มมากขึ้นมาบ้าง ให้พวกเขาได้รับอะไรบ้าง ให้สมกับสิ่งที่พวกเขาลงแรงไป แต่ผลลัพธ์เล่า?
องคจักรพรรดิเอาแต่ริษยาข้า ขังข้าเอาไว้แต่ในคอกเช่นนี้ ฝ่าบาทมิยอมให้ข้าออกไปสู้รบ ทั้งยังเกรงกลัวว่าวาสนาของข้าจะสูงส่งไปมากกว่าเขา "
"ฮ่าฮ่าฮ่า เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าว่ามันเป็นเรื่องเช่นไรกัน องค์จักรพรรดิมิได้วิตกกังวลถึงทหารที่บาดเจ็บและพิการเสียด้วยซ้ำ แต่พระองค์มาเกรงกลัวแม่ทัพเช่นข้าแทน"
"อวี่เหวินหยวนฮั่ว เจ้าอย่าได้เอ่ยขึ้นมามั่วซั่วเช่นนี้" เฟิ่งชิงเฉินตกใจเสียจน หัวใจแทบจะตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม พลางรีบร้อนส่งสายตาให้โจวสิง เพื่อให้เขารีบร้อนเข้ามาช่วยปิดปากอวี่เหวินหยวนฮั่ว
แม้ว่าที่นี่จะมิได้มีผู้ใดสนใจคำพูดของเขา แต่หากมีผู้ใดได้ยิน เขาย่อมต้องตกตายไปเป็นร้อยครั้งแน่
อวี่เหวินหยวนฮั่วพลันเอนตัวไปพิงกับไหล่ของเฟิ่งชิงเฉิน ไม่ว่าโจวสิงจะดึงออกมาเช่นไร เขาก็ไม่ยอมปล่อย โชคดีที่เฟิ่งชิงเฉินหาได้เป็นสตรีที่อ่อนแอไม่ มิเช่นนั้นคงจะโดนท่านแม่ทัพผู้นี้ทับนางจนตายเป็นแน่
"เฟิ่งชิงเฉิน ข้าลำบาก ข้าลำบากจริง ๆ เลย กองทัพที่มีทหารอยู่สามแสนนาย แต่ได้รับการจัดการกองเสบียงและอาวุธให้เพียงสามหมื่นนายเท่านั้น
แม้แต่กองเสบียงหนึ่งปีก็ไม่พอแล้ว ถังยังไม่พอใช้เพียงเดือนเดียวด้วย ของเพียงเท่านี้ จักให้ข้าไปมีหน้าพบกับเพื่อร่วมเป็นร่วมตายในสนามรบเช่นพวกเขาได้อย่างไร เจ้าคิดว่าข้าสมควรไปพบหน้าพวกเขาหรือ"
แม้ว่าในยามปกติ อวี่เหวิยหยวนฮั่วจะมีท่าทีที่หน้าเกรงขาม แต่เมื่อได้มาเห็นสภาพของเขาในยามนี้ ก็พลันลบภาพที่ดูดีเช่นนั้นออกจนหมด ที่แท้ท่านแม่ทัพก็เหมือนกับคนทั่วไปก็มิปาน พลางกอดเฟิ่งชิงเฉินร่ำให้ ระบายความกดดันและเรื่องที่ตนเองไร้อำนาจออกมาจนหมด
ผลกระทบที่กองทัพต้องพบเจอนั้น มิต้องเอ่ยถึงว่าตระกูลอวี่เหวินยากจนเลย แม้มีเงินก็ไม่รู้จะพอค้ำจุนให้กับกองทัพได้มากเพียงใด
วิธีนี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...
ตอนที่ 1425 หายไปค่ะ...