นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1352

เจ้ารู้ตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือไงว่าข้าคือทายาทของเฟิ่งหลีอ๋อง?

นี่เป็นคำตอบที่ซื่อสัตย์ หรือเป็นคำโกหกที่ใสสะอาด?

เสด็จอาเก้าจ้องมองเฟิ่งชิงเฉินอยู่พักใหญ่ สุดท้ายก็พยักหน้าออกมา “ใช่”

“รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่? เหตุใดจึงไม่ยอมบอกข้าตั้งแต่แรก?” คำตอบนั้นอยู่ในการคาดเดาของเฟิ่งชิงเฉิน แม้ว่าจะรู้สึกไม่สบายใจอยู่เล็กน้อย แต่มันก็ยังเป็นคำตอบที่พอรับได้

ครั้งนี้เสด็จอาเก้าตอบออกมาทันทีโดยไม่คิดอะไรทั้งนั้น “ก่อนหน้านี้ไม่นาน แต่ตอนนั้นยังไม่มีหลักฐาน พูดออกไปเจ้าก็ไม่มีทางเชื่อ”

ก่อนหน้านี้ไม่นานนั้นคือนานแค่ไหน?

เฟิ่งชิงเฉินคิดจะถามออกไป แต่นางก็เลือกที่จะกลืนคำถามนี้กลับเข้าไปในลำคอ หากถามมากไปกว่านี้ นางจะต้องถีบเสด็จอาเก้าตกจากเตียงเป็นแน่ ส่วนเรื่องว่านางจะเชื่อหรือไม่ ดูเหมือนว่ามันจะไม่เกี่ยวอะไรกับที่เสด็จอาเก้าจะพูดหรือไม่พูดมันออกมา

เฟิ่งชิงเฉินชำเลืองมองเสด็จอาเก้าด้วยหางตา ไม่ได้ถามอะไรไปมากกว่านี้

เสด็จอาเก้าแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก รีบเปลี่ยนเรื่องไปทางคนของตระกูลเฟิ่งหลีทันที เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเป่ยหลิงให้เฟิ่งชิงเฉินฟัง จากนั้นก็สรุปออกมาสั้น ๆ “ในช่วงต้นฤดูหนาว พวกเราจะเดินทางไปยังเป่ยหลิง บัวหิมะจะเบ่งบานในช่วงเวลานั้นเท่านั้น”

“เหลือเวลาอีกสองเดือนจะถึงฤดูหนาว แล้วเรื่องสมบัติของตระกูลลู่ล่ะ? ไม่สนใจแล้วอย่างนั้นหรือ?” เฟิ่งชิงเฉินทำใจยอมรับไม่ได้ สมบัติของตระกูลลู่ เหตุใดจะยอมปล่อยให้ตกไปอยู่ในมือของผู้ชายเฮงซวยอย่างตงหลิงจื่อลั่วได้ ต่อให้นางต้องโหดร้ายแค่ไหน นางก็ไม่มีทางยอมให้มันตกเป็นของตงหลิงจื่อลั่ว

“ฤดูหนาวไม่เหมาะกับการออกทะเล ลั่วอ๋องและฮองเฮาไม่มีทางเลือกออกเดินทางในฤดูหนาวเป็นแน่” เสด็จอาเก้าแอบมองท้องฟ้าเงียบ ๆ คืนนี้เฟิ่งชิงเฉินช่างโง่เขลายิ่งนัก แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ เฟิ่งชิงเฉินจะหันมาถามเรื่องที่เกี่ยวกับเสด็จอาเก้าแทน

“เจ้าเข้าใจเรื่องของราชวงศ์ก่อนเป็นอย่างดี เจ้ากับราชวงศ์ก่อนมีความสัมพันธ์กันอย่างไรงั้นหรือ?” หากไม่ใช่ว่าเสด็จอาเก้าเกิดมาจากราชวงศ์ตงหลิง นางคิดสงสัยว่าเสด็จอาเก้านั้นเป็นทายาทของตระกูลหลาน

เสด็จอาเก้ายิ้มอย่างมีเลศนัย “จริงอยู่ว่าข้านั้นมีความสัมพันธ์กับราชวงศ์ก่อน แต่รายละเอียดเป็นอย่างไรนั้น เจ้าต้องไปสืบหาด้วยตัวเอง ให้ข้าพูดออกมาเช่นนี้มันไม่น่าสนใจเอาเสียเลย”

ต้องการแผ่นดินจิ่วโจว เขาจะไม่เข้าใจเรื่องราวของราชวงศ์ก่อนได้อย่างไร เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าในเมื่อเสด็จอาเก้ากล่าวออกมาเช่นนี้ เขาก็ไม่มีทางบอกนางออกมาโดยตรง นางจึงไม่ทวงถามอีกต่อไป

“ตอนที่ฝู่หลินไล่ล่าหลานจิ่วชิง นั่นก็เพราะว่าหลานจิ่วชิงคือทายาทของตระกูลหลาน หากเขารู้ว่าข้าคือทายาทของเฟิ่งหลีอ๋อง เขาจะสังหารข้าหรือไม่?” เมื่อเทียบกันแล้ว เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกกังวลกับเรื่องนี้มากกว่า

“ไม่มีทาง เขาไม่กล้า” หากเป็นเมื่อก่อน เขาก็คงไม่กล้ารับประกัน แต่เวลานี้เขามั่นใจเป็นอย่างมาก ฝู่หลินไม่ใช่คนที่จะเอาเรื่องเล็กน้อยมาแลกกับสิ่งอันยิ่งใหญ่ การที่จะฟื้นฟูตระกูลฝู่กลับมา ฝู่หลินจำเป็นต้องพึ่งพาเขา เช่นนั้นจะกล้าแตะต้องคนของเขาได้อย่างไร

“เป็นไปไม่ได้ก็ดีแล้ว ง่วงแล้ว ข้าอยากนอน เจ้าตามสบายเลย” เฟิ่งชิงเฉินหาวออกมา พลิกตัวนอนลงบนเตียง

วันนี้นางใช้สมองมากเกินไปแล้ว นางอยากพักผ่อน เรื่องบางเรื่องนางจำเป็นต้องไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน

พ่อของนางคือทายาทของเฟิ่งหลีอ๋อง แม่ของนางคือคนของตระกูลลู่ สถานการณ์ตอนนี้นั้นแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง สถานะทายาทของตระกูลลู่ มันไม่ได้ทำให้นางลำบากแต่อย่างใด แต่ด้วยสถานะทายาทของเฟิ่งหลีอ๋อง มันกลับทำให้ชีวิตของนางต้องตกอยู่ในอันตราย

“อ่า......” เสด็จอาเก้าจ้องมองอ้อมกอดที่ว่างเปล่า ลดมือลงอย่างช่วยไม่ได้ ห่มผ้าให้กับเฟิ่งชิงเฉิน รอจนกระทั่งลมหายใจของเฟิ่งชิงเฉินสงบลง เขาถึงพลิกตัวลงมาจากเตียง และค่อย ๆ เดินออกไปด้านนอก

ในความมืด เฟิ่งชิงเฉินพลิกตัวของนาง ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น จ้องมองไปยังหน้าประตูด้วยแววตาอันเศร้าโศก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ