นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1353

สรุปบท บทที่ 1353 สินสอดติดตัว, ไม่ต้องพบเจอกับเฟิ่งชิงเฉินอีกตลอดไป: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

บทที่ 1353 สินสอดติดตัว, ไม่ต้องพบเจอกับเฟิ่งชิงเฉินอีกตลอดไป – ตอนที่ต้องอ่านของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

ตอนนี้ของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายInternetทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1353 สินสอดติดตัว, ไม่ต้องพบเจอกับเฟิ่งชิงเฉินอีกตลอดไป จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

เมื่อนึกถึงปัญหาที่เกิดขึ้นจากสถานะของตัวตน หลานจิ่วชิงรู้สึกว่าแรงกดดันที่ตนเองต้องแบกรับนั้นก็ยิ่งเพิ่มขึ้น ตระกูลหลานมอบสิ่งต่าง ๆ ให้เขากับมากมาย ไม่ว่าจะดีหรือร้าย สุดท้ายเขาก็ทำได้เพียงแค่รับมันไว้

เขารู้ว่าตอนนี้เฟิ่งชิงเฉินเริ่มสงสัยในตัวของเขาแล้ว ประกอบกับคุณชายหยวนซีที่รับรู้ตัวตนของเขา ทำให้หลานจิ่วชิงแอบถอนหายใจออกมา

ทางด้านของเฟิ่งชิงเฉิน เขาไม่ได้เป็นกังวล เนื่องจากไม่ช้าก็เร็ว เฟิ่งชิงเฉินก็ต้องรู้ถึงตัวตนของเขาอยู่แล้ว และต่อให้นางรู้ มันก็เป็นเรื่องระหว่างคนสองคน ไม่ได้ทำให้เกิดความวุ่นวายหรือการเคลื่อนไหวที่ยิ่งใหญ่

แต่สิ่งที่เขากังวลก็คือคุณชายหยวนซี หากคุณชายหยวนซีเห็นผลประโยชน์ของตระกูลชุยมากกว่า ละเลยสัญญาที่เคยให้ไว้ในตอนแรก เปิดเผยตัวตนของเขา หรือว่านำมันไปบอกกับคนตระกูลชุย เช่นนั้นความวุ่นวายที่เกิดขึ้นคงจะยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“หวังว่าคุณชายหยวนซีจะยังคงเป็นคนที่มีนิสัยสูงส่งเหมือนกับที่ผ่านมา” หลานจิ่วชิงพึมพำออกมา ซูเหวินชิงได้ยินไม่ชัด เขาจึงกล่าวออกมาว่า “จิ่วชิง เจ้าพูดอะไรอย่างนั้นหรือ?”

“สถานการณ์ของตระกูลชุยเป็นอย่างไรบ้าง? แล้วผู้หญิงแซ่หลานคนนั้นเป็นอย่างไร?” หลานจิ่วชิงตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว ประกอบกับหน้ากากที่สวมอยู่ ทำให้ซูเหวินชิงไม่รู้เลยว่าเขาเสียสติไปครู่หนึ่ง

“เจ้าหมายถึงหลานอีหลิน? นางตั้งครรภ์แล้ว ตระกูลชุยยืนยันว่าเป็นเด็กผู้ชาย และพวกเขาได้ทำการติดต่อไปยังผู้ใต้บังคับบัญชาเก่าของตระกูลหลานเป็นการส่วนตัว มีคนปฏิเสธและมีคนเห็นด้วย จากคำสั่งของเจ้า เมืองเหลียนเฉิงไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธออกไปโดยตรง หลอกล่อพวกเขาด้วยเหตุผล สังหารพวกเขา สายเลือดที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่คนของตระกูลหลานถูกตระกูลชุยจัดการอย่างลับ ๆ พวกข้าไปถึงช้าไปก้าวหนึ่ง สามารถช่วยได้ไว้เพียงแค่เด็กชายที่อายุประมาณเจ็ดขวบ นอกจากเด็กที่อยู่ในท้องของหลานอีหลิน ตระกูลชุยก็ไม่เหลือสายเลือดของตระกูลหลานอยู่แล้ว” นึกถึงฉากที่คนตระกูลหลานต้องมาตายอย่างอนาถ หัวใจของซูเหวินชิงก็จมดิ่งลง

ตระกูลหลานที่เคยมีชีวิตอยู่อย่างสูงศักดิ์ เวลานี้เป็นเพียงแค่ตระกูลที่ถูกผู้อื่นไล่ล่า คนของราชวงศ์นั้นเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง แต่พวกเขาต้องมีชีวิตที่ต้อยต่ำเสียยิ่งกว่ามดปลวก ทันทีที่เกิดมาก็ถูกขังให้อยู่ในกรง หลังจากถูกใช้จนหมดประโยชน์ สิ่งที่รอพวกเขาอยู่ก็มีเพียงแค่ความตายเท่านั้น

หลานจิ่วชิงหลับตาลง กล่าวออกมาอย่างเจ็บปวด “นำศพของคนที่ตายไปฝังให้ดี ให้พวกเขาได้อยู่อย่างสงบ ส่วนเด็กที่ยังมีชีวิตอยู่ ส่งเขาไปยังยอดชุมชนอันดับหนึ่ง สอนวิธีการใช้ชีวิตให้กับเขา คนของตระกูลหลาน ต้องมีความเย่อหยิ่งของตระกูลหลาน”

ซูเหวินชิงพยักหน้า ก้มหน้าลงต่ำอย่างเงียบ ๆ ไม่กล้าให้หลานจิ่วชิงเห็นแสงในแววตาของเขา

เขาจงใจที่จะช้าไปก้าวหนึ่ง

จิ่วชิงไม่มีทางยอมให้ผู้ใดลงมือกับคนของตระกูลหลาน แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าทายาทของตระกูลหลานทุกคนจะไม่สังหารพี่น้องในตระกูลของพวกเขา ลูกน้องเก่าแก่ของตระกูลหลานเหลือเพียงแค่นี้ หากคนของตระกูลหลานเหลือน้อยลง เช่นนั้นคนที่ยังมีชีวิตอยู่ก็จะได้การช่วยเหลือที่มากขึ้น

เนื่องจากจิ่วชิงคือสายเลือดขององค์หญิงตระกูลหลาน ในแง่ของสายเลือดแล้ว เขาไม่ใช่สายเลือดที่เอกภาพที่สุด ดังนั้น......

จิ่วชิง ขอโทษ แม้รู้ว่าเจ้าจะไม่ยินยอม แต่ข้าก็เลือกที่จะเห็นสายเลือดของตระกูลหลานตายไปต่อหน้าต่อตา

กลับมาถึงเมืองจักรพรรดิ ทุกคนต่างยุ่งอยู่กับงานของตัวเอง เฟิ่งชิงเฉินเองก็ไม่ค่อยมีเวลาไปคิดเกี่ยวกับเรื่องสิ่งที่ได้ติดตัวมาพร้อมกับสถานะทายาทของเฟิ่งหลีอ๋อง นางเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับนางตลอดทั้งวัน

หลังของแม่ทัพใหญ่ซื่อได้รับบาดเจ็บ อาการป่วยของน้องชายของจั่วอั้น เรื่องราวมากมายของผู้หญิงในพระราชวัง ทุกอย่างกำลังรอให้เฟิ่งชิงเฉินจัดการ ในขณะเดียวกัน นางยังต้องคิดถึงเรื่องรายได้อีกด้วย

ไม่ร่วมมือกับตระกูลหยุน เวลานี้นางจึงไม่มีรายได้อะไรมากนัก นางจำเป็นต้องหาแหล่งใหม่ ไม่อย่างนั้นไม่ช้าก็เร็วเงินที่มีอยู่จะต้องหมดไปในสักวัน

แต่น่าเสียดาย สิ่งที่เฟิ่งชิงเฉินเล่าเรียนมากนั้นเป็นวิชาแพทย์ไม่ใช่การค้า แม้ว่าจะมีโอกาสในการค้าขายไม่จำกัด แต่นางก็ไม่รู้ว่าควรจะต้องทำอย่างไร และในฐานะหมอคนหนึ่ง การที่จะใช้ชีวิตอย่างร่ำรวยนั้นเป็นไปได้ แต่การที่จะร่ำรวยและมีอำนาจไปด้วย เรื่องนี้มันค่อนข้างจะเกินความเป็นจริงไปหน่อย

ครุ่นคิดอยู่ครึ่งวันก็คิดหาวิธีที่เหมาะสมออกมาไม่ได้ เฟิ่งชิงเฉินทำได้เพียงเก็บเรื่องนี้เอาไว้ และหาวันที่จะไปพูดคุยกับซูเหวินชิง เวลานี้นางยังต้องพึ่งพาอาชีพหมอในการหาเงินไปก่อน

เห็นได้ชัดว่าคำพูดนี้มุ่งตรงไปยังเฟิ่งชิงเฉิน เฟิ่งชิงเฉินเงยหน้าขึ้น สบตากับองค์หญิงหมิงเว่ยด้วยสายตาอันน่ากลัว องค์หญิงหมิงเว่ยคิดไม่ถึงว่าเฟิ่งชิงเฉินจะกล้าถึงเพียงนี้ เงยหน้าขึ้นมาแม้ไม่มีคำสั่งของพวกนาง ทำให้นางตกใจเป็นอย่างมาก หลบสายตา และไม่กล้าเผชิญหน้ากับเฟิ่งชิงเฉิน

เฟิ่งชิงเฉินหัวเราะอย่างเย้ยหยัน ไม่รอให้องค์หญิงอันผิงพูดออกมา นางก็กล่าวออกไปก่อนว่า “องค์หญิงหมิงเว่ยล่วงเกินแล้ว ที่นี่คือตงหลิง”

องค์หญิงหมิงเว่ยคิดไม่ถึงว่าเฟิ่งชิงเฉินจะไม่ให้เกียรตินางถึงเพียงนี้ ตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ได้สติกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว พูดอย่างอ่อนโยน “ชิงเฉินอย่าเพิ่งอารมณ์เสีย ข้าก็แค่สงสัย คิดว่าเป็นธรรมเนียมที่แตกต่างกันของสองประเทศ” พูดจบนางก็ดึงแขนเสื้อขององค์หญิงอันผิง “อันผิง ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว พวกเรากลับกันเถอะ”

อาจจะดูเหมือนว่าองค์หญิงหมิงเว่ยกำลังทำให้เรื่องราวสงบลง แต่ในความจริงแล้ว นางกำลังยุยงองค์หญิงอันผิง มันเป็นการบ่งบอกว่านางไม่สามารถเอาชนะสตรีทั่วไปอย่างเฟิ่งชิงเฉินได้

องค์หญิงอันผิงรู้ดีกว่าตนเองถูกผู้อื่นหลอกใช้ แต่นางก็ไม่อาจรักษาหน้าเอาไว้ได้ คิดว่าเฟิ่งชิงเฉินจงใจฉีกหน้านางต่อหน้าคนนอก นางจึงกล่าวออกมาด้วยความโกรธ “เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ายังไม่ทำความเคารพข้าอีกอย่างนั้นหรือ”

เฮ้อ......เฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจออกมาเบา ๆ นางไม่มีอารมณ์จะมาเล่นเป็นเพื่อนกับผู้หญิงเอาแต่ใจอย่างองค์หญิงอันผิงจริง ๆ

ชำเลืองมององค์หญิงหมิงเว่ยด้วยสายตา เฟิ่งชิงเฉินกล่าวอย่างนิ่งสงบ “องค์หญิง องค์หญิงหมิงเว่ยมาจากหนานหลิง ไม่รู้เรื่องราวในตงหลิง องค์หญิงเองก็น่าจะรู้ดี ในฐานะของลูกสาวของขุนนางผู้ภักดี เมื่อเข้าเฝ้าองค์หญิงก็ไม่จำเป็นต้องคุกเข่าเพื่อทำความเคารพ”

“หากข้าต้องการให้เจ้าคุกเข่าทำความเคารพข้าล่ะ?” องค์หญิงอันผิงเงยหน้าขึ้นมองจากที่สูงด้วยความไม่พอใจ จากนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจพร้อมกับพูดด้วยเสียงสูง “เฟิ่งชิงเฉิน ข้าแนะนำให้เจ้าเชื่อฟังคำพูดของข้าแต่โดยดี การที่เป็นศัตรูกับ เจ้าคงไม่อาจแบกรับสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ได้ เจ้ายังไม่รู้ใช่ไหม เสด็จพ่อได้เห็นด้วยกับให้เจ้าเป็นขุนนางหญิง เป็นสินสอดของข้าในการแต่งงานกับเป่ยหลิง ในอนาคตเจ้าจะกลายเป็นสินสอดติดตัวของข้า หากเจ้าต้องการใช้ชีวิตอยู่ในเป่ยหลิงอย่างสุขสบาย เจ้าก็จงคุกเข่าทำความเคารพข้าแต่โดยดี หากข้าอารมณ์ดี บางทีอาจจะไว้ชีวิตเจ้า”

“อะไรนะ? เป็นสินสอดให้กับเป่ยหลิง” ตอนนี้เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกตกใจกับมันจริง ๆ เรื่องนี้มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ เหตุได้นางถึงไม่รู้เลยแม้แต่น้อย 

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ