บทที่ 1388 งมงายในความรัก, จั่วอั้นกลับมาแล้ว – ตอนที่ต้องอ่านของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ตอนนี้ของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายInternetทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1388 งมงายในความรัก, จั่วอั้นกลับมาแล้ว จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
เสด็จอาเก้าป่วยทันทีที่ออกมาจากพระราชวัง และอาการป่วยของเขาก็รุนแรงยิ่งขึ้น ข่าวการเจ็บป่วยร้ายแรงของเขาแพร่กระจายหลายครั้ง และทั่วทั้งจวนอ๋องเก้าก็ได้รับการคุ้มกันอย่างหนาแน่นตลอดทั้งวันทั้งคืน
มีคนจำนวนมากเดินทางมายังจวนอ๋องเก้าเพื่อเยี่ยมไข้ แม้แต่จักรพรรดิเองก็สั่งให้หายาดีส่งไปให้เสด็จอาเก้าจำนวนไม่น้อย บอกให้หมอหลวงในหมอหลวงหูทำการรักษาเสด็จอาเก้าอย่างสุดกำลัง ห้ามไม่ให้เสด็จอาเก้าเป็นอะไรไปโดยอันขาด
ไม่ใช่ว่าจักรพรรดินั้นมีเมตตา แต่......เสด็จอาเก้าเข้าเมืองมาดี ๆ เมื่อเข้าไปในพระราชวังแล้วออกมา จู่ ๆ ก็ล้มป่วย หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมากับเสด็จอาเก้าในระยะเวลาอันสั้น จักรพรรดิก็คงไม่อาจบอกว่าตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้
อยู่ดี ๆ เสด็จอาเก้าจะล้มป่วยได้อย่างไร และข่าวการป่วยครั้งนี้ก็ถูกแพร่กระจายไปทั้งเมืองหลวง นี่เสด็จอาเก้ากำลังเล่นบ้าอะไรอยู่อย่างนั้นหรือ?
หวังจิ่นหลิงเดินทางไปยังจวนอ๋องเก้าเพื่อเยี่ยมไข้พร้อมกับคำถามมากมาย สุดท้ายก็พบว่า......เสด็จอาเก้ากำลังป่วยอยู่จริง ๆ และเป็นการป่วยที่ไม่ธรรมดา
“เจ้าป่วยจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?” คุณชายใหญ่ที่นิ่งสงบ แทบจะกระโดดขึ้นมาในเวลานี้
ไม่มีทาง เสด็จอาเก้าหน้าเนื้อใจเสือเพียงใด เขารู้ดีกว่าใคร ตอนแรกคิดว่าเสด็จอาเก้าน่าจะกำลังวางแผนทำอะไรบางอย่าง คิดไม่ถึงว่าจะป่วยจริง ๆ เรื่องนี้ทำให้เขาเหลือเชื่อเป็นอย่างมาก
“ข้าเป็นคน การที่ล้มป่วยมันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ?” เสด็จอาเก้าถามกลับไปอย่างเยือกเย็น เขานอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว แต่แรงกดดันของเขาเมื่ออยู่ต่อหน้าของหวังจิ่นหลิงก็ไม่เคยลดลงเลย
“คนอื่นป่วยอาจจะเป็นเรื่องปกติ แต่เจ้าป่วย......ข้าคิดไม่ถึงจริง ๆ ข้าคิดว่าเจ้ากำลังใส่ความจักรพรรดิหรือวางแผนทำอะไรสักอย่างอยู่” หวังจิ่นหลิงอยากจะพูดออกมาไปว่า เขาไม่เคยเห็นเสด็จอาเก้าเป็นมนุษย์มาก่อน ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาเห็นเสด็จอาเก้าเป็นสัตว์ร้าย
เสด็จอาเก้าพ่นลมหายใจออกไปอย่างไม่สบอารมณ์ อย่าว่าแต่หวังจิ่นหลิงเลย แม้แต่จักรพรรดิเองก็ไม่เชื่อ แต่เรื่องนี้มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขา การที่คนอื่นไม่เชื่อถึงจะเป็นเรื่องดี
“ใช่แล้ว ในเมื่อเจ้าป่วย เหตุใดเฟิ่งชิงเฉินจึงไม่มาเยี่ยมเจ้า?” หวังจิ่นหลิงไม่มีทางยอมรับว่าเขากำลังพูดแทงใจดำของเสด็จอาเก้า เขาเพียงแค่สงสัยเท่านั้น
สีหน้าของเสด็จอาเก้าเปลี่ยนไปทันที มองไปที่หวังจิ่นหลิงด้วยแววตาอันเยือกเย็น “หวังจิ่นหลิง ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้า”
หวังจิ่นหลิงยิ้มออกมา รอยยิ้มนั้นเหมือนกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิที่ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของผู้คน แต่เมื่อเสด็จอาเก้าได้เห็นมันกลับรู้สึกโกรธ เขาพูดออกมาอีกครั้ง “หวังจิ่นหลิง จิ่น......”
หวังจิ่นหลิงไม่ได้เคลื่อนไหวแต่อย่างใด เขามองไปที่หวังจิ่นหลิงด้วยรอยยิ้ม “ข้าก็ว่าอยู่เหตุใดเสด็จอาเก้าจึงล้มป่วย ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้......ทำไมงั้นหรือ? ทะเลาะกับชิงเฉิน? อยากให้ข้าเป็นผู้เชื่อมความสัมพันธ์ให้ไหม?”
คนล้มแล้วเหยียบซ้ำ นี่ไม่ใช่การกระทำของสุภาพบุรุษ แต่ต้องดูว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เมื่ออีกฝ่ายเป็นเสด็จอาเก้า เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องเป็นสุภาพบุรุษ
หวังจิ่นหลิงรู้สึกสบายไปทั้งตัว แม้แต่เรื่องที่เฟิ่งชิงเฉินต้องเดินทางไปเป่ยหลิงเขาก็ไม่รู้สึกกังวล ไม่มีเรื่องอะไรที่จะทำให้เขามีความสุขกว่าการได้เห็นเสด็จอาเก้าพ่ายแพ้ แต่เขาก็ไม่ลืมว่าเสด็จอาเก้าใช้เฟิ่งชิงเฉินเพื่อกระตุ้นความรู้สึกของเขาเช่นไร
ฮวงจุ้ยจะเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ตงหลิงจิ่วเองก็มีวันนี้เช่นกัน
“หวังจิ่นหลิง เจ้าจำไว้ว่าเจ้าเป็นสุภาพบุรุษ” เขาคงโง่เขลาน่าดูหากขอให้หวังจิ่นหลิงเป็นผู้เชื่อมความสัมพันธ์ การที่เฟิ่งชิงเฉินถูกลั่วอ๋องลักพาตัวไปในครั้งนี้ คนที่สร้างความดีความชอบมากที่สุดก็คือหวังจิ่นหลิง
ด้วยนิสัยบุญคุณต้องตอบแทนของเฟิ่งชิงเฉิน ความรู้สึกดี ๆ ที่นางมีต่อหวังจิ่นหลิงก็จะมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ข้าเป็นสุภาพบุรุษมาโดยตลอด เสด็จอาเก้า เจ้าอย่าใช้ความคิดที่น่ารังเกียจตัดสินความเป็นสุภาพบุรุษ หากข้าไม่ใช่สุภาพบุรุษ เจ้าคิดว่าชิงเฉินจะยังสนใจเจ้าอยู่หรือไม่?” เขาเป็นสุภาพบุรุษ แน่นอนว่าเสด็จอาเก้าคือคนที่ต้อยต่ำและมีความคิดที่น่ารังเกียจเป็นธรรมชาติ
“จำคำพูดของเจ้าเอาไว้ให้ดี และเจ้าจงเป็นสุภาพบุรุษของเจ้าต่อไป เฟิ่งชิงเฉินเป็นของข้า ใครก็แย่งไปไม่ได้ทั้งนั้น” เสด็จอาเก้ากล่าวออกมาอย่างไม่ลังเล
“ใช่หรือไม่ใช่ มันไม่ใช่สิ่งที่เจ้าเป็นคนตัดสิน ตอนนี้มีใครไม่รู้บ้างว่าเฟิ่งชิงเฉินกำลังจะเดินทางไปยังเป่ยหลิงในฐานะสินสอด ด้านนอกต่างลือกันให้ทั่วว่าอาการป่วยของเจ้าเกิดจากความโกรธที่เฟิ่งชิงเฉินจะต้องเดินทางไปเป่ยหลิง จึงได้แต่นอนติดเตียง เสด็จอาเก้า เจ้านี่มันช่างเป็นคนที่งมงายในความรักยิ่งนัก” หวังจิ่นหลิงบอกกับเฟิ่งชิงเฉินว่า เขาสามารถออกหน้าเพื่อปกป้องเฟิ่งชิงเฉินได้ เฟิ่งชิงเฉินไม่จำเป็นต้องเดินทางไปเป่ยหลิงในฐานะสินสอด แต่เฟิ่งชิงเฉินได้ตัดสินใจไปแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นางจะต้องเดินทางไปเป่ยหลิงให้จงได้
ช่วยไม่ได้ หวังจิ่นหลิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากมาเริ่มต้นลงมือกับเสด็จอาเก้า เขาไม่เข้าใจจริง ๆ เป่ยหลิงมีอะไรคุ้มค่าแก่การเดินทางในครั้งนี้ของเฟิ่งชิงเฉิน?
ตอนแรกเขาคิดว่าเฟิ่งชิงเฉินนั้นไปเพื่อเสด็จอาเก้า เนื่องจากเสด็จอาเก้าแย่งชิงเส้นทางส่วนตัวในเป่ยหลิงไปจากเขาในตอนแรก เห็นได้ชัดว่าเสด็จอาเก้าสนใจในเป่ยหลิง แต่หลังจากไตร่ตรองดูให้ดี เฟิ่งชิงเฉินไม่น่าจะใช่คนแบบนั้น
การที่นางต้องการไปเป่ยหลิง น่าจะมีเหตุผลที่เกี่ยวข้องกับตนเองอยู่?
“ข้าได้ให้คนนำกระดูกของซุนเจิ้งเต้าและภรรยาของเขาส่งไปให้ซุนซือสิงที่เจียงหนานแล้ว ที่เหลือก็ปล่อยให้ซุนซือสิงเป็นคนจัดการ” ใบหน้าของจั่วอั้นซีดขาว ไม่มีสีเลือดปรากฏอยู่ แค่มองก็รู้ว่าเขาเสียเลือดไปมาก
“ลำบากเจ้าแล้ว ข้าขอขอบคุณเจ้าแทนซือสิงด้วย” เรื่องนี้พวกเขาสืบหามานาน แม้แต่เสด็จอาเก้าก็ใช่คนของเขาในการค้นหา แต่ก็ไม่พบร่องรอยใด ๆ สุดท้ายคนที่หาเจอก็คือจั่วอั้น
เนื่องจากคงไม่มีใครคิดว่า เพื่อจะโจมตีนางและซือสิง ตระกูลเซี่ยถึงกับยอมลงทุนครั้งใหญ่ ส่งคนไปตามหาหลุมศพของซุนเจิ้งเต้าและภรรยาของเขา
“ไม่จำเป็น ข้าก็แค่......แคก แคก ช่วยซือสิง” จั่วอั้นกล่าวออกมาหนึ่งประโยค กระแอมออกมาสองครั้ง เขากระอักเลือดออกมาโดยตรง เฟิ่งชิงเฉินไม่รอช้า “แผลของเจ้าไม่สะอาด รีบไปในห้องเร็ว หมอใกล้จะมาถึงแล้ว”
“ไม่ต้องรีบ” จั่วอั้นโบกมือ แต่เฟิ่งชิงเฉินยังคนยืนกรานในคำพูดของตนเอง “ร่างกายนั้นสำคัญ ของพวกนี้เอาไว้ข้าคอยดูทีหลังก็ได้ หากตรงไหนไม่เข้าใจแล้วข้าค่อยไปถามเจ้า”
จั่วอั้นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้าแต่โดยดี แต่เขาไม่ได้กลับไปที่ห้อง เขาเลือกที่จะไปดูน้องชายของเขา แน่นอนว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่รู้เรื่องนี้ นางหมกมุ่นอยู่กับข้อมูลที่จั่วอั้นหามา และยิ่งอ่านมันเท่าไหร่ นางก็ยิ่งรู้สึกตกใจมากขึ้นเท่านั้น
หนานหลิงจิ่นฝานและองค์หญิงใหญ่แห่งซีหลิงยื่นมือเข้ามายุ่งกับเรื่องในตงหลิง ทั้งสองคนช่างมีจิตใจที่ทะเยอทะยานยิ่งนัก
และก็ตระกูลเซี่ย ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดองค์ชายแปดถึงได้ถูกแต่งตั้งเป็นรุยอ๋องแม้จะอายุไม่ถึงหนึ่งขวบ โดยที่ไม่มีใครคัดค้านแต่อย่างใด ที่แท้ตระกูลเซี่ยก็ได้เข้าไปกลืนกินอำนาจในพระราชวังโดยที่ทุกคนไม่รู้ตัว
แถมตระกูลเซี่ยก็ยังติดต่อกับหนานหลิงจิ่นฝานและองค์หญิงใหญ่เป็นเวลานาน ตระกูลเซี่ยต้องการทำอะไรอย่างนั้นหรือ?
ยึดประเทศ?
ยิ่งอ่านมันมากเท่าไหร่ สีหน้าของเฟิ่งชิงเฉินก็ยิ่งดูไม่ได้ นางแอบรู้สึกว่าที่ตระกูลเซี่ยตามหาซุนเจิ้งเต้า เหตุผลของมันนั้นไม่ได้ง่าย ๆ เหมือนกับที่นางคิด คือต้องการโจมตีนางกับซือสิง หรือว่า......
มันจะเกี่ยวกับชีวิตของนาง?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ไม่ต่อให้จบเหรอคะ นานแล้ว แวะมาบอกกล่าวกันบ้าง...
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...