ไม่นานเสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินก็ตามหาเซวียนเส้าฉีจนพบ เห็นเซวียนเส้าฉีพิงต้นไม้ หลับตาลงเพื่อพักผ่อน เฟิ่งชิงเฉินก็รู้ว่าเซวียนเส้าฉีน่าจะเห็นตอนที่นางอยู่กับเสด็จอาเก้าแล้ว
หันกลับมา จ้องมองเสด็จอาเก้าด้วยสายตาอันดุร้าย แต่เสด็จอาเก้ากลับไม่ได้มีท่าทางที่รู้ร้อนรู้หนาวแต่อย่างใด มันไม่สำคัญว่าจะใช้วิธีไหน สุดท้ายเขาต้องการแค่เพียงชัยชนะ และเฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ได้เล่นสงครามเย็นกับเขาแล้ว
“ไปกันเถอะ” เซวียนเส้าฉีไม่อยากเห็นเฟิ่งชิงเฉินอึดอัด จึงเอ่ยปากออกมาด้วยตัวเอง
“เส้าฉี ข้าขอโทษ” เฟิ่งชิงเฉินไม่สามารถแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ นางเป็นคนเรียกเส้าฉีมา แต่สุดท้ายทุกอย่างกลับกลายเป็นเช่นนี้
“ยัยบ้า เจ้าจะขอโทษทำไมกัน ข้าก็ยังสบายดีไม่ใช่หรือไง แค่เจ้าปลอดภัยก็พอแล้ว” เซวียนเส้าฉีเพิกเฉยต่อเสด็จอาเก้า เขาพูดกับเฟิ่งชิงเฉินเท่านั้น
“เจ้าเป็นน้องสาวของข้า เมื่อเกิดเรื่องกับเจ้าแล้วข้าไม่ออกหน้า เช่นนั้นใครจะเป็นคนออกหน้า” เซวียนเส้าฉีต้องการบอกถึงจุดยืนของเขากับเฟิ่งชิงเฉิน
เสด็จอาเก้าเองก็ไม่ได้ขัดจังหวะแต่อย่างใด เพียงแค่ยืนอยู่ข้างกายของเฟิ่งชิงเฉินเงียบ ๆ
เร่งรีบเกินไปก็ไม่ดี หากกดดันเฟิ่งชิงเฉินมากเกินไป ไม่แน่ว่านางอาจจะโกรธเขาอีกครั้ง อย่างไรอันตรายก็ถูกขจัดไปได้ชั่วคราว แค่ไม่มีหวังจิ่นหลิงกับเซวียนเส้าฉีเข้ามายุ่งก็เพียงพอแล้ว เขาไม่ได้ใส่ใจหากจะทำสิ่งต่าง ๆ กับเฟิ่งชิงเฉินทีละขั้นตอน ค่อย ๆ เชื่อมความสัมพันธ์ เพราะเขายังมีเวลาอีกมากมาย
ทั้งสามเดินออกมาจากเขตของค่ายกล หาหินขนาดใหญ่ นั่งลงบนหินและกินอาหารแห้ง
“ชิงเฉิน เมื่อคืนพวกเราน่าจะเข้าไปอยู่ในค่ายกล เจ้ารู้หรือไม่ว่าใครเป็นคนสร้างค่ายกลนั้นขึ้นมา?” ในตอนที่เซวียนเส้าฉีพูดออกมา สายตาของเขาก็จ้องมองไปที่เสด็จอาเก้า
ช่วยไม่ได้ เสด็จอาเก้าปรากฏตัวออกมาได้ประจวบเหมาะเกินไป ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะสงสัย
“ข้าเองก็ไม่คุ้นชินกับที่นี่ เสด็จอาเก้าบอกว่าเมื่อวานพวกเราได้เข้าไปอยู่ในเขตของค่ายกลหยินแห่งความชั่วร้าย มีสิ่งที่เหมือนกับผีปรากฏขึ้นมามากมาย”
สำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง แม้ว่าความรุนแรงของค่ายกลดังกล่าวจะมีไม่มาก แต่มันก็น่ากลัว หากเป็นคนที่ไร้ซึ่งความกล้า เกรงว่าคงจะตกใจตายไปแล้ว
สีหน้าของเซวียนเส้าฉีเปลี่ยนไป เขาตำหนิตัวเอง “ข้าผิดเองที่ไม่อาจปกป้องเจ้าให้ดีได้”
“ข้าเป็นคนอยากขึ้นภูเขามาเอง จะโทษเจ้าได้อย่างไร หากจะโทษก็ต้องโทษข้าที่ทำให้เจ้าต้องมาตกอยู่ในอันตราย”
“ข้าไม่ได้เจออันตรายแต่อย่างใด แค่ถูกหมูป่าพัวพันและไม่สามารถปลีกตัวออกมาได้เท่านั้น” ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ปล่อยให้เสด็จอาเก้าคว้าโอกาสทองนั้นไป
“ข้าได้ยินเสียงการต่อสู้ดังมาจากทางที่เจ้าอยู่ โชคดีที่เจ้าไม่เป็นอะไร” เฟิ่งชิงเฉินเองก็โชคดี พวกเขาไม่ได้ถือว่าเป็นคนโชคร้าย แม้ว่าจะได้พบกับอันตราย แต่ทั้งสองคนก็รอดมาได้อย่างปลอดภัย
“เรื่องราวมันผ่านไปแล้ว พวกเรารีบขึ้นไปบนภูเขากันเถอะ ได้ยินมาว่าคุณหนูใหญ่แห่งเผ่าเสวียนเยวี่ยเข้ามาพร้อมกับเจ้าวังเซวียน เจ้าวังอยากจะไปปลอบใจแม่นางหลี่ก่อนหรือไม่ หากแม่นางหลี่ไม่รู้ว่าเจ้าไปไหน ไม่แน่นางอาจจะกำลังออกตามหาเจ้าอยู่” นี่เป็นการบอกโดยนัยว่า หากเซวียนเส้าฉีไม่ลงจากภูเขา มันจะทำให้เรื่องที่เฟิ่งชิงเฉินเดินทางมายังหมู่บ้านนอกเมืองถูกเปิดเผย และบอกให้เซวียนเส้าฉีปลีกตัวไปด้วยตัวเอง
“เป็นอย่างที่คิด ไม่มีอะไรที่สามารถปิดบังเสด็จอาเก้าได้จริง ๆ ขนาดเสด็จอาเก้าป่วยอยู่บนเตียง ยังรู้เรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ เสด็จอาเก้าช่างใส่ใจผู้อื่นยิ่งนัก” ผู้ชายคนนี้ช่างใจแคบเสียจริง เซวียนเส้าฉีอดไม่ได้ที่จะสาปแช่งออกมาในใจ
“ข้าค่อนข้างว่าง” เสด็จอาเก้ายอมรับว่าตนเองใจกว้าง เขาจับตามองเฟิ่งชิงเฉินมาโดยตลอด
เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้โกรธแต่อย่างใด และก็ไม่อยากพูดคุยเรื่องนี้กับเสด็จอาเก้าด้านนอก ถึงเรื่องที่ว่าเสด็จอาเก้ามีสิทธิ์ที่จะมายุ่งกับนางเป็นการส่วนตัวหรือไม่
“ไปกันเถอะ ขึ้นไปข้างบนภูเขา” มีเรื่องอะไรไว้ค่อยคุยกัน ไว้ค่อยคิดบัญชีกันหลังจากที่ลงเขา
ทั้งสามคนเดินเงียบมาตลอดทาง เอาแต่มองไปด้านหน้า มีเสด็จอาเก้าอยู่ การเดินทางของพวกเขาราบรื่นกว่าเมื่อวานมาก ราบรื่นจนเฟิ่งชิงเฉินเกือบจะตามไม่ทัน
เมื่อคืนก็ไม่ได้นอน แต่ยังต้องออกเดินทางแต่เช้า เฟิ่งชิงเฉินปวดขาจนแทบจะทนไม่ไหว แต่นางก็ยังกัดฟันและอดทนต่อไป เมื่อเดินทางถึงยอดเขา เฟิ่งชิงเฉินเกือบจะกลายเป็นอัมพาตเพราะความเหนื่อยล้า
“ในที่สุดก็ถึงเสียที” หากกองทัพส่วนตัวไร้ประโยชน์ นางคงร้องไห้ออกมาจริง ๆ แน่ เพื่อกองทัพส่วนตัว 12,000 นาย นางรู้สึกทุกข์ทรมานไม่น้อย
“พักผ่อนสักเล็กน้อย จากนั้นพวกเราค่อยออกเดินทางหาเส้นทางกันใหม่” เซวียนเส้าฉีมองไปรอบ ๆ พบว่าไม่มีอันตรายใด ๆ และก็ไม่พบเส้นทางเช่นกัน
“ข้าจะพาเจ้าลงไปเอง” เสด็จอาเก้ากำลังจะบอกว่า หลังจากที่เฟิ่งชิงเฉินพักผ่อนเรียบร้อยแล้ว เสด็จอาเก้าจะให้เฟิ่งชิงเฉินนำกรงเล็บเสือบินที่อยู่บนข้อมือของนางมอบให้กับเซวียนเส้าฉี
“พวกเราจะกระโดดลงไปโดยตรง” เสด็จอาเก้ากล้าหาญมาก เขาไม่เห็นหุบหัวลูกนี้อยู่ในสายตา
หุบเขาลูกนั้นของเขาชันกว่าหุบเขาลูกนี้มาก เขาคุ้นชินกับการขึ้นลงเช่นนี้อย่างเป็นอิสระ
“จะอันตรายหรือไม่?” เฟิ่งชิงเฉินคำนึงถึงหลักการของความปลอดภัยเป็นอันดับแรก
“ข้าจะพาเจ้าลงไปเอง ไม่เป็นอันตรายแน่นอน” ส่วนเซวียนเส้าฉี นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องเป็นกังวล
“แขนซ้ายของเจ้าได้รับบาดเจ็บไม่ใช่หรือ เช่นนั้นจะพาชิงเฉินไปได้อย่างไร?” เซวียนเส้าฉีคุ้นชินกับวิธีการใช้กรงเล็บเสือบินเป็นอย่างดี และไม่เห็นหุบเขาลูกนี้อยู่ในสายตา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...
ตอนที่ 1425 หายไปค่ะ...