นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1408

คนหนึ่งต้องการซื้อ อีกคนต้องการขาย เฟิ่งชิงเฉินและหัวหน้าเผ่ามูซาชีพูดคุยกันได้อย่างราบรื่น นอกจากเสบียงอาหารและเกลือ ในตอนท้ายมูซาชียังมีความต้องการเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่อีกอย่างหนึ่ง นั้นก็คือยารักษาโรค

มูซาชีขอร้องด้วยวาจาและท่าทีที่ต่ำต้อย ขอให้เฟิ่งชิงเฉินมอบยาให้กับพวกเขาสักเล็กน้อย พวกเขาจะใช้วัวและแกะในการแลกเปลี่ยน ประชาชนที่อาศัยอยู่ในทุ่งหญ้านั้นแทบจะไม่มีหมออยู่เลย ยิ่งหมอฝีมือดีก็ยิ่งหายากเข้าไปใหญ่ และยาที่พวกเขาต้องการก็คือยาทั่วไป แค่สามารถรักษาโรคพื้นฐานได้ก็เพียงพอแล้ว

มูซาชีเห็นเฟิ่งชิงเฉินไม่พูดอะไร คิดว่าความต้องการของตนเองนั้นมากเกินไป เกรงว่าจะทำให้เฟิ่งชิงเฉินไม่พอใจ เขาจึงระงับความผิดหวังเอาไว้และกล่าวขอโทษ “แม่นางเฟิ่ง ข้าขอโทษ ขอโทษที่ข้าขอมากเกินไป”

“หัวหน้าเผ่าไม่ต้องคิดมาก ข้าจะตอบสนองความต้องการของเจ้าอย่างเต็มที่ ยารักษาโรคที่เจ้าต้องการ ข้าจะเป็นคนรวบรวมให้เจ้าเอง และข้าก็ไม่ได้ต้องการวัวและแกะของเจ้า ถือว่าเป็นสิ่งที่ข้ามอบให้พวกเจ้า หากในอนาคตมีความต้องการเช่นนี้อีก พวกเจ้าก็สามารถนำวัวและแกะมาทำการแลกเปลี่ยน ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะเลี้ยงวัวได้มากกว่านี้ พวกเจ้าเลี้ยงได้มากแค่ไหน ข้าก็จะรับซื้อไว้มากเท่านั้น” เฟิ่งชิงเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เอายารักษาโรคจากกระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะออกมาเพื่อช่วยคน มันจะต้องใช้คะแนนจรรยาแพทย์เท่าใด

“จริงหรือ?” ดวงตาคู่นั้นของหัวหน้าเผ่ามูซาชีเป็นประกาย ไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ตนเองได้ยิน เฟิ่งชิงเฉินพยักหน้า “ในนามของจวนเฟิ่งแห่งตงหลิง ข้ารับประกันว่าข้าจะไม่ติดหนี้พวกเจ้าแม้แต่ครึ่งตำลึง มีวัวเท่าไหร่ข้าก็จะรับไว้เท่านั้น ส่วนยารักษาโรคที่พวกเจ้าต้องการ เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหา”

เวลานี้นางมีทหารอยู่ในมือเพียงแค่สองหมื่นนาย แต่ในอนาคต จำนวนทหารที่นางจะได้ครอบครองนั้นมีแต่จะเพิ่มขึ้น การเลี้ยงดูทหารนั้นมีค่าใช้จ่ายสูง นางจำเป็นต้องหาหนทางในการเลี้ยงดูพวกเขาโดยตรง ต้องรู้ก่อนว่ากองทัพคือสิ่งที่จะช่วยวางรากฐานให้นางไปถึงตำแหน่งนั้น

ทุกวันนี้อาหารที่ทหารของนางได้กินส่วนใหญ่จะเป็นพวกธัญพืชเมล็ดหยาบ มีเนื้อน้อยมาก ประการแรกคือไม่เอื้อต่อการเก็บรักษา ประการที่สองคือต้นทุนสูงเกินไป ในตงหลิงมีคนเลี้ยงวัวอยู่ไม่มาก เช่นนั้นพวกเขาจะยอมฆ่ามันเพื่อนำมาเป็นอาหารงั้นหรือ? ส่วนแกะก็คงไม่ต้องพูดถึง นอกจากคนเร่ร่อนที่ใช้ชีวิตในทุ่งหญ้า ก็ไม่มีใครที่มีความเชี่ยวชาญในการเลี้ยงดูสัตว์เหล่านี้

การซื้อธัญพืชจำนวนมากเพื่อนำมาเป็นเสบียงนั้นเป็นเรื่องยาก และง่ายที่จะถูกคนอื่นสงสัย นอกจากนี้ธัญพืชก็มีราคาแพง ด้วยเม็ดเงินที่นางมีอยู่ในมือ จริงอยู่ว่าเพียงพอที่จะสามารถเลี้ยงดูทหารสองหมื่นนายได้ แต่หากมากไปกว่านี้ก็คงไม่ไหว ประกอบกับจะให้ทหารกินแต่ธัญพืชก็คงไม่ใช่เรื่องดีต่อร่างกาย เนื้อเป็นสิ่งจำเป็น มีเพียงแต่ต้องทำให้อิ่มท้องเท่านั้น คนพวกนี้ถึงมีกำลังในการฝึกฝนพัฒนาตนเอง และมีแรงที่จะต่อสู้เพื่อฆ่าฟันผู้อื่น

เป็นทหารต้องมีปืน กินให้อิ่ม นอนให้หลับ มีเงินใช้ ทหารทุกคนล้วนต่อสู้เพื่อความมั่งคั่งของชีวิต ที่นางทำไปทั้งหมดไม่ใช่เพราะว่าต้องการให้ใครคนใดคนหนึ่งอิ่มท้อง แต่นางต้องการให้คนพวกนี้ขายชีวิตให้กับนาง และสิ่งที่นางต้องทำเป็นอันดับแรกก็คือ ทำให้พวกเขาได้กินดีอยู่ดี

ในตอนที่เฟิ่งชิงเฉินเดินออกมาจากห้อง นางก็คิดถึงที่ดินในดินแดนเจียงหนาน นางอยากจะล้อมรั้วบนที่ดินสักผืนเพื่อเลี้ยงหมู เลี้ยงวัว เลี้ยงแกะ จากนั้นก็ใช้เนื้อสัตว์พวกนั้นแปรรูปเป็นอาหารให้กับทหารของนาง แต่......

“จะไล่อากาศออกเพื่อเก็บมันได้อย่างไร? อุตสาหกรรมในตอนนี้ยังพัฒนาไปไม่ถึงไหนเลย แม้จะมีเกือกม้า แต่ก็ยังไม่มีวิธีเก็บรักษาเนื้อ วิธีถนอมอาหาร แล้วจะใส่สารกันบูดได้อย่างไร? เฮ้อ......อาหารกระป๋องสำหรับทหารมันทำออกมาได้อย่างไรกัน”

เฟิ่งชิงเฉินกำลังพึมพำกับตัวเอง จึงไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นด้านนอกของโรงเตี๊ยม ในตอนที่นางเดินออกมาก็พบว่านอกโรงเตี๊ยมเต็มไปด้วยผู้คน คนพวกนั้นมองไปที่รถม้าซึ่งจอดอยู่หน้าประตู บางคนก็ชี้ไปที่รถม้าและซุบซิบนินทา

“ใครเอารถม้ามาจอดที่หน้าประตู?” เฟิ่งชิงเฉินกำลังเรียกเจ้าของโรงเตี๊ยมออกมา นางบังเอิญมองเห็นสัญลักษณ์ของจวนอ๋องเก้าที่ติดอยู่บนรถม้า ในตอนนั้นเด็กรับใช้ที่อยู่ข้างรถม้าเห็นเฟิ่งชิงเฉินเดินออกมา เขาวิ่งมาพร้อมกับกล่าวว่า “แม่นางเฟิ่ง ท่านอ๋องกำลังรอท่านอยู่”

อะไรนะ รถม้าคันนี้กำลังรอนางอยู่?

ภายใต้สายตาของทุกคน เฟิ่งชิงเฉินเดินลูบจมูกขึ้นไปบนรถม้า ตอนแรกคิดจะพูดคุยกับเสด็จอาเก้าว่าวันหลังไม่จำเป็นต้องทำตัวโอ้อวดถึงเพียงนี้ จอดรถม้าไว้หน้าโรงเตี๊ยม เช่นนั้นแล้วโรงเตี๊ยมจะขายอาหารได้อย่างไร แต่ทันทีที่ขึ้นมาบนรถม้า นางก็เหมือนได้เห็นชายหนุ่มรูปงามที่กำลังหลับใหลอยู่ในฤดูใบไม้ร่วง

เสด็จอาเก้านอนอยู่บนรถม้า ขาอันเรียวยาวทั้งสองข้างไขว้กันและงอเล็กน้อย มีหนังสืออยู่บนมือซ้าย มือขวาประคองศีรษะ ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่หนังสือและยังคงนิ่งเฉย เมื่อเห็นเฟิ่งชิงเฉินเดินขึ้นมาเขาก็เพียงส่งเสียงตอบรับและบอกให้คนขับรถออกเดินทาง

นี่คือภาพที่งดงามเกินกว่าจะบรรยาย บรรยากาศช่างเงียบสงบ หากส่งเสียงรบกวนหรือทำลายบรรยากาศแห่งความงามนี้ เฟิ่งชิงเฉินคงรู้สึกผิดไปทั้งชีวิต

เฟิ่งชิงเฉินลูบจมูกของตนเอง นั่งอยู่ด้านหน้าของเสด็จอาเก้า เมื่อเห็นท่าทางการเอนหลังอันแสนสบายของเสด็จอาเก้า เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่อาจนั่งต่อไปได้ เลียนแบบท่าทางในการนั่งของเสด็จอาเก้า จากนั้น......

นางก็ผล็อยหลับไป!

ในตอนที่เฟิ่งชิงเฉินตื่นขึ้นมา นางก็พบว่าอยู่นอกเมืองแล้ว แต่ก็ยังคงเป็นตำหนักของเสด็จอาเก้า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ