นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 143

"เฟิ่งชิงเฉิน ข้าได้บอกเจ้าหรือไม่ว่าในเดือนหน้าอาหารเหล่านั้นของข้าก็จะหมดแล้ว และบัดนี้ได้ผ่านพ้นฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว ครึ่งปีนี้ข้าไม่มีธัญพืชเลย!" อวี่เหวินหยวนฮั่วตะโกนออกมาเสียงดัง

อวี่เหวินหยวนฮั่วไม่เชื่อว่าเสด็จอาเก้าจะไม่รู้ถึงปัญหานี้

ในเมื่อเขารับรู้ เสด็จอาเก้าควรจะมีนโยบายบางอย่างตอบสนอง

เสด็จอาเก้าคงจะไม่เพียงชี้แนะวิธีเหล่านี้ให้แก่เขา ควรจะเข้าใจถึงความทุกข์ร้อนในบัดนี้ของเขาด้วย

"ยืมสิ เจ้าไม่มีก็จงไปยืม!" เฟิ่งชิงเฉินตกใจจนสะดุ้ง

นางนึกอยู่ในใจว่าอวี่เหวินหยวนฮั่วเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เหตุใดจึงสามารถเป็นจอมทัพใหญ่ได้? คาดว่าคงจะมีภูมิหลังที่ดี ตระกูล มาจากทหารน่ะสิ

"ยืม? ยืมใคร?" อาหารของทหารจำนวนสามแสนคนไม่ใช่อาหารจำนวนเล็กน้อย ในราชวงศ์ตงหลิงนี้คงมีไม่กี่คนที่ช่วยได้

"ใครมีอาหารเจ้าก็ไปยืมเขาสิ!" เฟิ่งชิงเฉินกรอกตามองและไม่อยากจะสนใจอวี่เหวินหยวนฮั่วอีกต่อไปนางจึงเดินจากไปทันที

เมื่อนางเดินออกมาจากห้องหนังสือ ก็ได้พบกับโจวสิงที่เดินทางมาหาตน กล่าวว่าแม่ทัพเว่ยและเว่ยฮูหยินเดินทางมา ตรวจอาการแล้ว เฟิ่งชิงเฉินจึงกลับห้องไปเตรียมตัว ขณะเดียวกันก็ได้ให้โจวสิง ไปพาเว่ยฮูหยินมาที่ห้องผ่าตัด

อุปกรณ์ต่างๆ ในห้องผ่าตัดถูกจัดเก็บไว้เรียบร้อยแล้ว สามารถใช้เป็นคลินิกขนาดเล็กได้ แม้ว่านางต้องการจะทำจวนเฟิ่งให้เป็นโรงพยาบาล แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะใช้ห้องโถงสำหรับตรวจอาการผู้ป่วย

……

"ซูเหวินชิง ใช่แล้ว! เขามีอาหาร ไปยืมเขาก็ได้" อวี่เหวินหยวนฮั่วไม่มีเวลาไปสนใจว่าเฟิ่งชิงเฉินไปที่ใดแล้ว

เฟิ่งชิงเฉินส่งต่อคำพูดและวิธีให้แก่เขา เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

เวลาต่อจากนั้น อวี่เหวินหยวนฮั่วก็ยุ่งอยู่ถึงสามวันสามคืนโดยไม่ได้พักผ่อน อวี่เหวินหยวนฮั่วจัดการกับแผนของเฟิ่งชิงเฉินได้อย่างดี อีกทั้งนำแผนการนี้เดินทางไปขอยืมอาหารจากจวนซู

ทุกอย่างราบรื่นจนน่าประหลาดใจ ทำให้อวี่เหวินหยวนฮั่วรู้สึกขอบใจเสด็จอาเก้าอย่างซาบซึ้ง ทุกอย่างเหมือนถูกเตรียมการไว้หมดแล้ว แต่ตัวเขาเองกลับไม่เคยปรากฏหน้าออกมาเลย หากมองจากภายนอกคาดว่าคงไม่เห็นแม้แต่เงาของเสด็จอาเก้า

หลานจิ่วชิงได้รับแผนที่อวี่เหวินหยวนฮั่วนำมามอบให้ซูเหวินชิง ก่อนจะทำการประเมินฉายาที่ว่าเป็นแม่ทัพผู้มีพรสวรรค์ด้านการรบ เปลี่ยนเป็นแม่ทัพผู้มีพรสวรรค์มากมายมาแต่กำเนิด

และเขาก็รู้สึกชื่นชมอวี่เหวินหยวนฮั่วมากขึ้นทีเดียว

"มองดูแล้วอาหารของข้าเหล่านี้คงไม่ได้สูญเสียเปล่า แต่ถึงอย่างไรข้าก็ยังไม่เข้าใจ เหตุใดเขาจึงมาขอยืมอาหารจากข้า อีกทั้งยังกล้ามอบสิ่งเหล่านี้มาให้ข้าด้วย หรือเป็นเพราะเขาคิดว่าแผนการเหล่านี้จะทำให้ข้าเชื่อว่าเขาสามารถนำอาหารมาคืนข้าได้?" ซูเหวินชิงมองไฟยังแผนการดูแลทหารทั้งสามแสนคนของอวี่เหวินหยวนฮั่วและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

นอกจากนั้นซูเหวินชิงยอมรับแผนการของอวี่เหวินหยวนฮั่ว เขาได้ลงนามข้อตกลงกับอวี่เหวินหยวนฮั่วอีกว่าธัญพืชเหล่านี้จะต้องนำมาคืนให้ภายในสิบปี ไม่อย่างนั้นจะต้องชำระมากขึ้นถึงสามเท่า

มองไปแล้วอาจจะเป็นการแลกเปลี่ยน แต่ก่อนหน้านี้หากหลานจิ่วชิงไม่ได้กำชับไว้ล่ะก็ ซูเหวินชิงคงจะไม่ได้เขียนหนังสือ หยิบยืมกับอวี่เหวินหยวนฮั่วเป็นแน่

เรื่องของธัญพืชนั้น บางครั้งมีเงินก็ยังซื้อไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจำนวนมากเช่นนี้

เขาสุ่มตีไปทั่วแต่กลับตีถูก โชคดีเหลือเกิน นี่คือคำที่หลานจิ่วชิงวิพากษ์วิจารณ์ต่ออวี่เหวินหยวนฮั่ว

ในตอนแรกสิ่งที่เขาเห็นนั้นไม่ใช่อวี่เหวินหยวนฮั่วมีพรสวรรค์ในด้านของการเป็นแม่ทัพ แต่เนื่องด้วยความจงรักภักดีของเขา ทำให้หลานจิ่วชิงไม่กล้าที่จะใช้เขานัก คิดไม่ถึงว่าแผนการยังไม่ได้เปลี่ยนแปลง ช่วงนี้ก็ได้เกิดเรื่องราวต่างๆ มากมายเหลือเกิน จนทำให้อวี่เหวินหยวนฮั่วถูกผลักมาอยู่ข้างหน้าเขาตอนนี้

ซึ่งในเวลานี้ หากไม่ใช้เขาก็เปล่าประโยชน์

ส่วนผู้ที่อยู่เบื้องหลังของเรื่องนี้เช่นเฟิ่งชิงเฉินกลับไม่มีผู้ใดกล่าวถึงเลย ซูเหวินชิงและหลานจิ่วชิงคิดว่าแผนการในการเลี้ยงดูทหารเหล่านั้นเป็นสิ่งที่อวี่เหวินหยวนฮั่วคิดออกมาเอง

และอวี่เหวินหยวนฮั่วคิดว่านี่คือวิธีที่เสด็จอาเก้าเสนอ

คาดว่าอีกหลายปีต่อไป แม้ทุกคนจะรู้ก็ยากที่จะเชื่อ

หลังจากที่เฟิ่งชิงเฉินไล่อวี่เหวินหยวนฮั่วกลับไปแล้ว ก็ไม่ได้ไปได้คิดถึงเรื่องราวของเขาอีก แม้ว่านางจะอยู่ในค่ายทหารเป็นเวลาไม่ใช่สั้นๆ แต่นางก็ไม่ได้มีความสามารถในการบริหารกองทัพ

อย่างมากสุดนางก็เพียงแค่รู้กลยุทธ์ทั้งสามสิบหก สามารถท่องจำศิลปะการทำสงครามของซุนจื่อได้สองสามบทเอาไว้ทำให้ผู้อื่นตกใจ แต่นางไม่มีความสามารถทางด้านการปฏิบัติใดๆ เลย อีกอย่างนางไม่อยากจะต้องเข้าไปพัวพันกับเรื่องยุ่งเหยิงเหล่านี้

ในสายตาขององค์จักรพรรดิ นางมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเสด็จอาเก้า หากว่านางเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องของอวี่เหวินหยวนฮั่วอีกล่ะก็ คาดว่าองค์จักรพรรดิคงจะใช้ข้ออ้างนี้ในการต่อต้านเสด็จอาเก้า

ไม่ว่าเสด็จอาเก้าจะคิดเช่นไร แต่นางเฟิ่งชิงเฉินจะไม่ทำเรื่องที่ไม่ส่งผลดีต่อเสด็จอาเก้าอย่างแน่นอน

เมื่อนึกถึงเสด็จอาเก้า เฟิ่งชิงเฉินก็รู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย คนเช่นนั้นเหตุใดทำไมต้องเจอกับนางด้วย ทำไมจึงปฏิบัติต่อนางเป็นการพิเศษ ทำให้นางมีความคาดหวังที่ไม่ควรมี

ยังดีที่เฟิ่งชิงเฉินนั้นรู้เกี่ยวกับจุดยืนของตนเอง หลังจากที่นางเข้าไปในห้องผ่าตัดก็ได้ปกปิดความรู้สึกผิดหวังของตนเอง และแสดงทัศนคติของหมอมืออาชีพออกมา เพื่อทำการตรวจรักษาอาการให้แก่เว่ยฮูหยิน

ผลการตรวจนั้นเป็นดั่งที่นางคิดเอาไว้ เป็นต่อกระจก สามารถทำการผ่าตัดได้

เพียงแต่ว่าสภาพร่างกายของเว่ยฮูหยินไม่ค่อยดีนัก ดูเหมือนกับป่วยหนักไม่มีความสดชื่นแม้แต่น้อย ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้ไม่เหมาะสมยิ่งนักสำหรับการผ่าตัด อย่างน้อยควรจะต้องพักผ่อนสักสองสามวันก่อน

เฟิ่งชิงเฉินเขียนคำสั่งในการรักษาพร้อมกับกำชับต่อนายพลเว่ยว่าทำอย่างไรจึงจะดูแลร่างกายสุขภาพของเว่ยฮูหยินได้ถูกต้อง ช่วงนี้จะต้องทำให้จิตใจของนางปลอดโปร่ง ขณะเดียวกันก็ได้ตกลงกับเว่ยฮูหยินแล้วว่าจะต้องเดินทางมาตรวจดูอาการทุกสามวัน นางจะคอยติดตามผลหลังจากนี้และทำการรักษาหลังจากสิบวัน

เมื่อนายพลเว่ยได้ยินเฟิ่งชิงเฉินกล่าวว่าสามารถรักษาได้ เขาก็รู้สึกขอบอกขอบใจ เว่ยฮูหยินซาบซึ้งจนน้ำตานองหน้า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ