คาดว่านายพลเว่ยคงจะรู้สึกตกอกตกใจไม่น้อย เฟิ่งชิงเฉินเพิ่งจะจัดเตรียมของเสร็จเขาก็ได้อุ้มเด็กคนนั้นเดินตรงเข้ามาแล้ว
เด็กคนนั้นเป็นไปดังที่เขากล่าว ลมหายใจค่อนข้างรวยริน ใบหน้าซีดเซียว บนศีรษะมีรอยช้ำขนาดใหญ่ บัดนี้ยังเลือดไหลไม่หยุด
มองไปแล้วคาดว่าอายุน่าจะประมาณสี่ห้าขวบ เจ้าหนูหดอยู่ในอ้อมแขนของนายพลเว่ยไม่ขยับเขยื้อนดุจเช่นลูกแมวตัวน้อย
"วางเขาลงเถิด" เฟิ่งชิงเฉินไม่แม้แต่จะหันมามอง นายพลเว่ยผู้ที่เหงื่อออกท่วมกายเหลือบมอง แต่บัดนี้ดวงตาของนางมีเพียงแค่เด็กน้อยที่หายใจรวยริน
ต้องช่วยเขา นางต้องช่วยชีวิตเขาให้ได้!
ไม่รู้ว่าเพราะสิ่งใดความเชื่อนี้จึงค่อนข้างจะแข็งแกร่งกว่าในครั้งก่อนๆ นางรู้สึกว่าชุดเครื่องมือการรักษาของนางเริ่มร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ และบีบบังคับให้นางรักษาคนไข้คนนี้ให้ได้
"อืม" ในกระท่อมไม้หลังเล็กๆ นี้บรรยากาศค่อนข้างเคร่งขรึม
นายพลเว่ยไม่กล้ากล่าวสิ่งใดออกมา
"ระวังด้วย" เฟิ่งชิงเฉินเห็นท่าทางอันงุ่มง่ามของนายพลเว่ยที่รีบก้าวเข้ามาช่วยจึงได้กล่าวเอาไว้
ทันใดนั้นเอง แม่ของเด็กน้อยคนนี้ก็คือสะใภ้เถี่ยก็ตามมาถึง เมื่อเห็นเฟิ่งชิงเฉินนางก็คุกเข่าลงกับพื้นพร้อมกับกล่าวอย่างเศร้าโศกว่า
"เฟิ่งซิ่ว ได้โปรดเถิดท่านผู้มีความเมตตา ช่วยลูกชายของข้าด้วย ข้าขอร้อง!"
น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
สะใภ้เถี่ยยืมเงินสิบตำลึงมาจากตระกูลเว่ย จากนั้นอุ้มพาลูกชายหาที่รักษาไปทั่ว แต่หมอล้วนส่ายหน้ากล่าวว่าไม่รอดแน่ พวกเขากล่าวว่าจะต้องใช้โสมพันปีในการยื้อชีวิต
โสมพันปี......พวกเขาจะมีเงินซื้อมันได้อย่างไร
หากไม่มีโสมพันปี เด็กคนนี้ก็ได้แต่รอความตาย
ลูกหลานของครอบครัวที่ยากจนล้วนมีชีวิตสั้นเช่นนี้ สองสามีตระกูลเถี่ยรู้สึกสิ้นหวัง สะใภ้เถี่ยอุ้มลูกน้อยเอาไว้แล้วร้องไห้ไม่หยุด นางรู้สึกเกลียดตัวเองที่ไร้ความสามารถ และสงสารเจ้าหนูเหลือเกิน……
แต่ทันใดนั้นเองจู่ๆ นายพลเว่ยก็วิ่งไปที่บ้านของพวกเขาแล้วกล่าวว่าเฟิ่งซิ่วสามารถช่วยลูกของพวกเขาได้
ในตอนแรกพวกเขาก็ไม่เชื่อ จนกระทั่งนายพลเว่ยอุ้มลูกเข้ามาที่จวนเฟิ่งจึงได้รู้เรื่องราวอันแท้จริง สะใภ้เถี่ยดีใจจนพูดไม่ออก เนิ่นนานทีเดียวกว่านางจะได้สติกลับคืนมา ตอนที่เธอตั้งสติได้นั้นนายพลเว่ยก็อุ้มลูกของนางมาที่จวนเฟิ่งแล้ว
สะใภ้เถี่ยรีบวิ่งตามมาอย่างรวดเร็ว…..
"โจวสิง พาพวกเขาออกไปไม่ให้ใครเข้ามาทั้งนั้น"
เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ลุกขึ้นไปปลอบโยนใคร นางเข็นเตียงผ่าตัดออกมา จากนั้นปิดประตูลงด้วยท่าทางอันเยือกเย็น ดูไม่เหมือนหมอที่กำลังจะช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ
สะใภ้เถี่ยได้แต่ตกตะลึง นางลืมไปเลยว่าร้องไห้อยู่ แม่ทัพเว่ยเองก็ทำตัวไม่ถูก
นางกำลังจะช่วยชีวิตคนหรือ?
เหตุใดจึงได้เฉยเมยเช่นนี้?
มีเพียงแค่โจวสิงเท่านั้นที่ทำท่าทางสงบนิ่งแล้วเชิญทุกคนออกไปอย่างมีมารยาท ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้ามารบกวนเฟิ่งชิงเฉินเลย
เฟิ่งชิงเฉินทำการตรวจอาการให้เด็กน้อย นับตั้งแต่ตอนแรกด้วยการหยุดเลือด รักษาบาดแผล ระหว่างนั้นนางได้ออกมาครั้งหนึ่งและเรียกสองสามีภรรยาตระกูลเถี่ยเข้าไป ก่อนจะใช้ผ้าปิดตาห้องทั้งสองคนแล้วเจาะเลือดของพวกเขาเพื่อทำการตรวจ จากนั้นก็ได้ให้พวกเขาออกมาโดยไม่ได้เอ่ยถามหรืออธิบายสิ่งใดสักคำ
สองสามีภรรยาตระกูลเถี่ยรู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลยแต่ก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยถาม เพราะความหวังทุกอย่างของพวกเขาขึ้นอยู่กับเฟิ่งชิงเฉินแล้ว
นายพลเว่ยและเว่ยฮูหยินก็ไม่กล้าเดินทางจากไปไหน ได้แต่ยืนรออยู่ด้านนอกตั้งแต่เช้าจนเย็น เฟิ่งชิงเฉินก็ยังคงไม่ได้ออกมา
จึงทำให้สองสามีภรรยารู้สึกตื่นตระหนกมากยิ่งขึ้น น้ำตาเมื่อครู่ที่หยุดลงแล้วได้ไหลลงมาอีกครั้ง พวกเขาพยายามสอบถาม แต่โจวสิงก็ไม่รู้เช่นกันว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกคนจึงทำได้แต่รอคอย
ภายในห้องผ่าตัด เฟิ่งชิงเฉินไม่รู้กระทั่งวันเวลา
เจ้าเด็กน้อยยังเล็กมากเหลือเกิน และได้รับบาดเจ็บถึงกระดูก ประกอบกับการที่เสียเลือดมากจนเกินไป ดังนั้นทุกวินาทีจึงเป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ละวินาทีที่ผ่านพ้นไปดูเหมือนเฟิ่งชิงเฉินกำลังต่อสู้กับเทพเจ้าแห่งความตาย นางไม่มีเวลาพอที่จะไปกังวลเรื่องของผู้ใหญ่ที่อยู่ด้านนอกห้องผ่าตัดเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...
ตอนที่ 1425 หายไปค่ะ...