นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 163

"เสด็จอาเก้าจะไม่กลับไปหรือ? " เฟิ่งชิงเฉินกล่าวถามด้วยความงุนงง ทว่า ตงหลิงจิ่วกลับส่งสายตากลับมาด้วยความเย็นชาว่า "เรื่องของเปิ่นหวาง ใช่เรื่องที่เจ้าจะมายุ่งเกี่ยวได้หรือ?"

"ชิงเฉินไม่กล้า ชิงเฉินเพียงแค่รู้ทางแถวนี้เท่านั้น" เฟิ่งชิงเฉินพลันรู้สึกว่า ข้ออ้างของตนดูไร้สาระยิ่งนัก

"เฮอะ ในเมื่อเจ้าหาที่นี่พบ ก็ย่อมหาทางกลับได้เช่นกัน เฟิ่งชิงเฉิน เปิ่นหวางเกลียดสตรีที่โง่เง่าและก็เกลียดสตรีที่ฉลาดมากไปด้วยเช่นกัน" ตงหลิงจิ่วแสดงออกว่า ตนมิใช่คนที่รักนวลถนอมบุปผามากนัก

เฟิ่งชิงเฉินตกตะลึงไปครู่หนึ่ง พร้อมกับหัวใจของตนที่รู้สึกอึดอัดขึ้นมา พร้อมทั้งเงยหน้าขึ้น เอ่ยกับตงหลิงจิ่วด้วยท่าทางแน่วแน่ว่า "เสด็จอาเก้า ชิงเฉินหาใช่สตรีที่โง่เง่าแล้วก็เฉลียวฉลาดไม่ ชิงเฉินเพียงแค่ทำตามใจของตัวเองเท่านั้น ข้า เฟิ่งชิงเฉินขอกล่าวคำสาบาน ไม่ว่าค่ำคืนนี้จะเกิดเหตุการณ์อันใดขึ้น หากข้าต้องจากไป จักไม่มีคำพูดใดออกปากข้าเลยแม้แต่คำเดียว เช่นนี้ ชิงเฉินคงจะอยู่ที่ได้แล้วกระมัง?"

ยามที่เดินเข้ามาหานั้น เฟิ่งชิงเฉินก็พลันเห็นกองศพมากมาย ดูจากรอยเลือดที่เกิดการแข็งตัวนั้น คนพวกนี้คงตายได้ไม่ถึงครึ่งชั่วยามกระมัง ในเมื่อคนได้ตายแล้ว เสด็จอาเก้ายังไม่จากไปเช่นนี้ นั่นหมายความว่า พระองค์กำลังรออะไรบางอย่างอยู่

นางรู้ดี ว่าตนเองไม่ควรเข้าไปก้าวก่ายชีวิตของเสด็จอาเก้า แต่ทว่า นางอยากจะรู้จักบุรุษผู้นี้ให้มากขึ้นเท่านั้น

ผู้คนภายนอกล่ำลือเรื่องของเสด็จอาเก้าไปเกินจริงมากนัก นางอยากจะรู้จักตัวตนที่แท้จริงของเสด็จอาเก้า เช่นนี้ นางจักได้รู้ว่าบุคคลที่นางชอบ เนื้อแท้แล้วเป็นคนเช่นไร

"อยู่ต่องั้หรือ? เจ้าจักอยู่เพื่อสร้างความเดือดร้อนงั้นหรือ? เปิ่นหวางไม่สนใจตัวภาระเช่นเจ้า" ตงหลิงจิ่วเหลือมองเฟิ่งชิงเฉินด้วยท่าทีรำคาญใจ

"ชิงเฉินจักไม่เป็นภาระให้ท่านอย่างแน่นอน ชิงเฉินสามารถเอาตัวรอดได้ด้วยตนเอง" ไม่มีผู้ใดเคยพูดว่านางเป็นภาระเลยสักครั้ง ตงหลิงจิ่วเป็นคนแรก แต่นางก็ไม่อาจโมโหเขาได้เช่นกัน

"เอาตัวรอดได้งั้นหรือ? ของสิ่งนั้น ที่เจ้าจักเอามันมาฆ่าข้านะหรือ? เจ้าจะหวังพึ่งของเช่นนั้น เพื่อให้ตนเองเอาตัวรอดได้? ไร้เดียงสาไปหรือไม่" สายตาของตงหลิงจิ่วพลันตกลงไปที่ร่างของเฟิ่งชิงเฉิน เฟิ่งชิงเฉินจึงเอามือหลบมาด้านข้าง พร้อมกับถอยหลังไปก้าวหนึ่ง

"เปิ่นหวางหาได้รู้สึกสนใจของของเจ้าไม่" สีหน้าของตงหลิงจิ่วพลันมืดดำไปในทันที

เฟิ่งชิงเฉินที่ถอยหลังไปด้วยความอับอายนั้น พลันเอ่ยขึ้นมาว่า "เมื่อครู่เป็นอุบัติเหตุเท่านั้น" เป็นเรื่องบังเอิญที่นางควักปืนมาจ่อเขา เป็นเรื่องบังเอิญที่นางถอยหลังหนีเขาเช่นกัน

แต่ทว่า สิ่งของที่อยู่ในมือของนางนั้น นางหาได้อธิบายออกไปไม่ ทั้งยังไม่คิดสนใจตงหลิงจิ่วอีก

แม้ว่านางจะชมชอบเขาแล้วอย่างไร แต่นางก็ไม่อาจสูญเสียตัวตนของตนเองไปได้อยู่ดี เสด็จอาเก้าในยามนี้ ยังไม่เหมาสมที่นางจะเผยเรื่องราวของกระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะออกมาให้ฟัง

เรื่องของอารมณ์ย่อมเป็นเรื่องของอารมณ์ สิ่งใดที่ควรจักใช้เหตุผลก็สมควรใช้เหตุผลเช่นกัน

"หึ อุบัติเหตุ เช่นนั้นมันก็อาจจะทำให้เจ้าถึงแก่ความตายได้เช่นกัน" ดูเหมือนว่าสีหน้าของตงหลิงจิ่วจักดูดีขึ้นมาเล็กน้อย เฟิ่งชิงเฉินจึงค่อยวางใจลง หลังจากนั้นจึงเก็บปืนลงไปแต่โดยดี พร้อมทั้งรับร้อนเปลี่ยนเรื่องคุยโดยไว

"เสด็จอาเก้าเพคะ ที่นี่มีแต่ซากศพ พวกเราควรเปลี่ยนสถานที่ดีหรือไม่" ในเมื่อเขามิได้บังคับให้นางออกไป เช่นนั้นนางก็จักหน้าด้านอยู่ที่นี่ต่อ

"ไม่เปลี่ยน หากกลัวก็ไสหัวออกไปเสีย" เมื่อเสนอขึ้นมาเช่นนี้ สีหน้าของตงหลิงจิ่วพลันเปลี่ยนไปในทันที

เจ้าพวกบ้า ในเมื่อกล้าขู่ให้เขารั้งรออยู่สถานที่เช่นนี้ คงจะเหนื่อยกับการมีชีวิตอยู่มากไปแล้วกระมัง แต่ถึงอย่างนั้น เขามิอาจไม่อยู่รั้งรอที่นี่ได้เช่นกัน

"ชิงเฉินมิได้กลัว" เฟิ่งชิงเฉินกล่าวพึมพำออกมาเล็กน้อย พร้อมทั้งมิได้เอ่ยอันใดออกมาอีก พลางนำกระเป๋าเป้ด้านหลังออกมา "ในเมื่อจะรออยู่ที่นี่ เช่นนั้นชิงเฉินจักจัดการที่นี่ให้สะอาดเสียหน่อย เสด็จอาเก้าจักได้นั่งพักผ่อนได้สะดวกสบาย"

ถึงแม้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจักเหนื่อยยิ่งนัก แต่นางก็จักพยายามอย่างเต็มที่

นางจักทำให้ตงหลิงจิ่วรู้ว่า ตนเองหาใช่ภาระของเขาไม่ อีกทั้งยังมิใช่คนไร้ประโยชน์อีกด้วย

เฟิ่งชิงเฉินโยกย้ายกองศพให้ออกไปไกล ๆ จากนั้นก็คิดนำเต็นท์ออกจากระเป๋าเป้มากกางให้ตงหลิงจิ่วนั่ง

นางอยากจะนำเต็นท์ออกมากางยิ่งนัก ในยามราตรีที่มีอากาศหนาวเหน็บเช่นนี้ อย่างน้อยเต็นท์ก็พอจะช่วยบังลมได้ แต่ทว่า

เมื่อมองไปยังท่วงท่าอันสง่างามของตงหลิงจิ่วนั้น

บางทีเขาอาจจะนึกว่า นางจะใช้ห้องพวกนี้มาเกี่ยวดองกับเขา เนื่องจากว่าชายหญิงมิอาจอยู่ที่ลับตาคน เช่นนั้นนางก็ควรจะล้มเลิกเสียเถอะ

ทว่า หากได้ก่อไฟขึ้นมาแล้วนั้น อากาศคงไม่ค่อยหนาวเย็นมากกระมัง

เฟิ่งชิงเฉินพลันมองหากิ่งไม้แห้งและใบไม้มาทำเป็นเชื้อด้วยความชำนาญ ผ่านไปครู่หนึ่งก่อไฟก็เป็นรูปเป็นร่างในทันที การใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางป่าเขา ถือเป็นทักษะอีกอย่างหนึ่งของนาง เฟิ่งชิงเฉินจำได้เป็นอย่างดี ว่านางเผชิญหน้ากับความล้มเหลวมามากมายเพียงใด ถึงจะมีวันนี้ได้

เมื่อเห็นกองไฟที่ค่อย ๆ ปะทุขึ้นมานั้น เฟิ่งชิงเฉินจึงพยักหน้าลงด้วยความพอใจ จากนั้นก็หยิบยากันยุงมาโรยทุกรอบด้าน เพื่อระงับกลิ่นเลือด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ