"แม่นางพวกนี้คือใครกัน เช้าตรู่เช่นนี้อยู่ที่หน้าประตูเมือง อีกทั้งสวมเสื้อผ้าของชายหนุ่ม"
"พวกเจ้าดูสิ ที่คอของนางมีรอยมือมากมายเป็นรอยแดง หรือนางจะถูกข่มขืนกัน"
"ไร้สาระ นี่คือ อาณาเขตใต้การปกครองขององค์จักรพรรดิ จะเกิดเรื่องเช่นนั้นได้อย่างไร อีกอย่างหากพบเข้ากับผู้ร้ายจริงๆ คิดว่านางจะเดินออกมาได้อย่างมีชีวิตเช่นนี้หรือ ข้าคิดว่าแม่นางผู้นี้น่าจะเป็นสตรีในจวนใดสักแห่ง แล้วหลบหนีตามไปกับชายหนุ่ม ทว่ากลับถูกปล้นเงินทองแล้วทิ้งไป" ชายวัยกลางคนบางคนแสดงความคิดเห็นของตัวเองออกมา แล้วกล่าวเรื่องราวว่าแม่นางผู้นี้เป็นหญิงสาวในจวนใดจวนหนึ่งหลบหนีตามใช่หนุ่มผู้ยากไร้ไป ท้ายที่สุดแล้วกลับถูกปล้นทรัพย์ ขืนใจแล้วทิ้งไว้
หากว่าเรื่องนี้ตนไม่ได้เป็นตัวหลักล่ะก็ เฟิ่งชิงเฉินคงจะหัวเราะออกมา
ช่างสร้างเรื่องได้เหมือนเหลือเกิน ทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นั่นล้วนพากันเชื่อว่านางหนีตามชายหนุ่มไป จากนั้นก็พากันคาดเดาไปว่านางมาจากจวนใด เฟิ่งชิงเฉินโมโหและขำยิ่งนัก เป็นจริงดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นยุคใดสมัยใดล้วนมีคนชอบซุบซิบนินทายุ่งเรื่องราวของชาวบ้าน
เฟิ่งชิงเฉินเดินตรงไปหยุดอยู่ด้านหลัง นางกำลังรอต่อแถวเข้าเมือง ใครจะไปรู้ว่าเมื่อนางไปหยุดยืนอยู่ตรงนั้น คนด้านหน้าก็ได้ถอยให้นางเข้าไปก่อน "แม่นางเชิญเถิด"
แม่นางผู้นี้หน้าตางดงามทีเดียว น่าเสียดายเหลือเกินที่เจอกับคนเลว บางคนถอนหายใจออกมา
เฟิ่งชิงเฉินยังคงไม่สนใจพวกเขา เมื่อมีคนหลีกทางให้นางก็เดินตรงไปข้างหน้า เนื่องจากบัดนี้ยังเป็นเวลาเช้าตรู่ ผู้ที่ต่อแถวเข้าเมืองมีไม่มากนัก ประมาณยี่สิบกว่าคนเท่านั้น
"อ้อจริงสิ พวกเจ้าจำแม่นางเฟิ่งได้หรือไม่ เมื่อครึ่งปีก่อนนางไม่ต่างอะไรกับแม่นางผู้นี้เลย แต่นางน่าสังเวชมากกว่าแม่นางผู้นี้มากนัก" ชายหนุ่มคนหนึ่งดวงตาเป็นประกาย มองไปทางเฟิ่งชิงเฉินที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน แล้วจู่ๆ ก็กล่าวเรื่องราวเมื่อครึ่งปีก่อนขึ้น
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เห็นกับตา แต่หลายๆ คนก็ได้ยินมาบ้าง
"ในวันนั้นแม่นางเฟิ่งสวมเพียงเสื้อผ้าบางเบา มีรอยแดงจ้ำทั่วกาย จุ๊ๆๆ......คนที่อยู่ที่นั่นล้วนคิดว่าแม่นางผู้นี้จะพุ่งชนกำแพงตาย ที่ไหนได้นางกลับเป็นสตรีที่แข็งแกร่ง ไม่เพียงแต่ไม่ได้พุ่งชนกำแพงตาย นางยังจัดการกับชายหนุ่มสิบกว่าคนที่หน้าประตูเมืองอย่างราบคาบ แล้วเตะบุตรชายของเจ้าเมืองคนก่อนเสียจนเป็นหมัน ในเวลานั้นพวกเราล้วนคิดว่าแม่นางเฟิ่งคงจะตายแล้วแน่แท้ คาดไม่ถึงเอาเสียจริงว่านางไม่เพียงจะไม่ตายอีกทั้ง ยังสามารถรักษาดวงตาของคุณชายใหญ่แห่งตระกูลหวังจนหายได้ สร้างชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วเมือง"
"เมื่อเจ้ากล่าวเช่นนี้ดูเหมือนข้าจะนึกออกแล้ว แม่นางผู้นี้ตั้งใจจะเลียนแบบแม่นางเฟิ่งหรือ? ช่างไร้เดียงสาเหลือเกิน ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเก่งกาจเช่นแม่นางเฟิ่ง และไม่ใช่ว่าใครก็จะสามารถเป็นเช่นแม่นางเฟิ่งได้ที่ไม่สนใจชื่อเสียงและความบริสุทธิ์ของตนเอง"
"ก็นั่นน่ะซิ แม่นางผู้นี้กับแม่นางเฟิ่งจะไปเปรียบเทียบกันได้อย่างไร แม่นางเฟิ่งไม่มีพ่อแม่และญาติคนอื่นๆ ต่อให้นางสูญเสียพรหมจรรย์ไปก่อนแต่งงาน จึงไม่มีผู้ใดในตระกูลอับอายเสียจนจับนางถ่วงน้ำ การที่แม่นางผู้นี้ตั้งใจจะเลียนแบบ แม่นางเฟิ่ง คาดว่าคงจะมีแต่ตายสถานเดียว"
……
ผู้คนพากันวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานาด้วยเสียงอันดัง ต่อให้เฟิ่งชิงเฉินจะแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินก็เหมือนจะไม่ได้
เฟิ่งชิงเฉินคิดอยู่ในใจว่า หากคนเหล่านี้รู้ว่านางคือเฟิ่งชิงเฉิน แล้วจะเป็นเช่นไร?
นินทานางต่อหน้าต่อตา!
ในขณะที่ทุกคนกำลังรอเวลาอยู่นั้น ประตูเมืองก็ถูกเปิดออกเสียงดังเอี๊ยด ผู้เฝ้าประตูเมืองเดินหาวออกมา ท่าทางดูยังง่วง
การที่ต้องตื่นมาตั้งแต่เช้าเช่นนี้คาดว่าคงจะง่วง อีกอย่างเมื่อคืนนี้ทั้งนอกเมืองในเมืองล้วนเกิดความวุ่นวายขึ้น พวกเขาจะนอนหลับได้อย่างไร
"เข้าแถวให้ดี ด่านซ้ายเข้าเมือง ด้านขวาออกจากเมือง โปรดแสดงหนังสือผ่านทาง" ทหารชั้นผู้น้อยหาวออกมาแล้วขยี้ดวงตาของตน เมื่อพวกเขามองเห็นว่าเฟิ่งชิงเฉินยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนด้านหน้า ก็คิดว่าตัวเองมองผิดไป จึงพากันขยี้ดวงตา
อะไรกัน ช่วงนี้ที่เมืองเป็นอะไรไป มักจะมีสตรีเช่นนี้ปรากฏอยู่ข้างนอกเมือง นี่เป็นครั้งที่สามแล้ว แม้ว่าสองครั้งก่อนหน้าจะเป็นเฟิ่งชิงเฉินที่ถูกคนอื่นรังแก แต่ในครั้งนี้......
ทหารชั้นผู้น้อยทำท่าทางกระตือรือร้นแล้วรีบเดินตรงเข้ามา......
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ