นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 216

สีหน้าของฮูหยินรองพลันแปรเปลี่ยนเป็นซีดขาวไปในทันที เมื่อมองไปเห็นสีหน้าที่นิ่งเฉยของเฟิ่งชิงเฉิน แต่เหตุใด นางถึงรู้สึกว่าเฟิ่งชิงเฉินกำลังทำท่าทางเยาะเย้ยนางกัน

เมื่อคิดว่า ตนเองต้องมาญาติดีกับเด็กกำพร้าเช่นนาง แต่ผลลัพธ์กลับทำให้ตนเองอับอายเสียเอง ยิ่งคิดฮูหยินรองก็ยิ่งแค้น พลางชี้ไปทางประตูใหญ่ พร้อมตะโกนออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า "พวกเจ้า ส่งแขก!"

เฟิ่งชิงเฉินหาได้สนใจอันใดไม่ พลันหยิบปิ่นปักผมบนหัวของตนออกมาวางไว้บนโต๊ะ แล้วจึงหยิบกล่องยาเดินออกไปด้านนอก อย่างไรนางก็มิคิดจะญาติกับคนในจวนกั๋วกงอยู่แล้ว ที่ฮูหยินรองต้องโมโหเช่นนี้ ย่อมเป็นสิ่งที่สมควร

หากคนของเจิ้นกั๋วกงต้องการจะจัดซุ้มประตู ก็ต้องดูว่านางยินยอมหรือไม่

เพียงแค่เฟิ่งชิงเฉินก้าวเท้าไปด้านหน้า เท้าหลังเป็นของฮูหยินผู้เฒ่าที่เดิมมา เมื่อรู้ว่าฮูหยินรองไม่สามารถตกลงกับเฟิ่งชิงเฉินได้นั้น ฮูหยินผู้เฒ่าก็เป็นลมด้วยความโมโหในทันที "เหตุใดฮูหยินรองตระกูลข้า ถึงได้โง่งมเช่นนี้ ความฉลาดหาได้มีไม่ แม้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจักไม่พอใจอันใด ก็ควรจักรอให้คลื่นลมมันผ่านไปก่อน แล้วค่อยพูดมิใช่หรือ!"

เมื่อหันกลับไปมองดูป้ายประตูจวนของเจิ้นกั๋วกงทั้งสี่คำนั้น เฟิ่งชิงเฉินก็พลันยิ้มออกมาอย่างเย็นชา

คนของจวนเจิ้นกั๋วกงนั้นช่างยืดได้หดได้เสียจริง ฮูหยินผู้เฒ่าผู้ที่เป็นเสาหลักของจวนเจิ้นกั๋วกงนั้น ไม่ง่ายเลยที่นางจะยอมลดตัวมาคุยกับคนรุ่นหลานของนางเช่นนี้ ทว่า คนของจวนเจิ้นกั๋วกงนั้น ท่าทางมีแต่คนที่เล่ห์เหลี่ยมมากมายนัก เกรงว่า ภายในจวนคงมีเบื้องลึกเบื้องหลังมากมายกระมัง

เฟิ่งชิงเฉินทำลายชื่อเสียงขององค์หญิงอู่อัน ทำลายเจ้าสาวที่มีค่าของจวนเจิ้นกั๋วกงไป คนของเจิ้นกั๋วกงย่อมไม่อาจปล่อยนางไปได้แน่ การแสดงความอ่อนแอออกมาในครานี้ คงเป็นทางเลือกสุดท้ายกระมัง หากคนของจวนเจิ้นกั๋วกงหาโอกาสเอาคืนนางได้เมื่อใด พวกเค้าคงเลือกเหยียบนางจมดินอย่างไม่ลังเลเป็นแน่

ศัตรูเพียงแค่วันเดียว ย่อมหมายถึงเป็นศัตรูตลอดไป นางไม่เชื่อเรื่องการเปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตรอยู่แล้ว

ยามที่เฟิ่งชิงเฉินกำลังเตรียมตัวขึ้นรถม้านั้น ก็พลันเห็นหวังชีชักม้าเข้ามาหาด้วยความร้อนรน พร้อมทั้งรีบร้อนเดินเข้ามาหานาง "เฟิ่งชิงเฉิน"

คนคนนี้ช่างเป็นคนที่ทำให้นางรู้สึกอบอุ่นหัวใจจริง ๆ เฟิ่งชิงเฉินยังคงยืนอยู่ที่เดิม เพื่อรอการมาของหวังชี

เมื่อหวังชีพลิกตัวลงจากรถม้านั้น ทั่วใบหน้าพลันเต็มไปด้วยเหงื่อไคล หาได้มีท่าทีเป็นคุณชายผู้สูงศักดิ์เหมือนเช่นเคยไม่

"เกิดเรื่องอันใดขึ้น?" เฟิ่งชิงเฉินกล่าวถามด้วยความกังวล

"คำนี้ ต้องเป็นข้าที่ถามเจ้าไม่ใช่หรือ เจ้าไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่? คนของจวนเจิ้นกั๋วกงมีผู้ใดรังแกเจ้าหรือไม่" สีหน้าของหวังชีพลันเต็มไปด้วยความไม่พอใจยิ่งนัก เสมือนว่า หากเฟิ่งชิงเฉินพยักหน้าเพียงแค่ครั้งเดียว เขาจักกระโจนเข้าไปในจวนเจิ้นกั๋วกงในทันที

"จะมีเรื่องอันใดเกิดกับข้าได้กัน" เฟิ่งชิงเฉินพลันควักผ้าเช็ดหน้ายื่นให้กับหวังชี

"ไม่เป็นอันใดก็ดีแล้ว ข้าได้ยินมาจากโจวสิงว่า เจ้ามาที่จวนเจิ้นกั๋วกง เจ้าทำให้ข้าตกอกตกใจเสียได้" หวังชีพลันเช็ดเหงื่อที่ไหลอยู่บนหน้าผาก พร้อมกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ

"ข้ามารักษาคนไข้ที่จวนเจื้นกั๋วกงเอง เหตุใด พวกเจ้าต้องเอะอะไปกันเองเช่นนี้ด้วย" หากจวนเจิ้นกั๋วกงต้องการลงมือกับนางจริง ๆ ย่อมต้องแอบลงมือไปแล้ว หากนางตายอยู่ในจวนเจิ้นกั๋วกง เช่นนี้ จวนเจิ้นกั๋วกงมิถึงคราวซวยหรอกหรือ

"อะไรคือเอะอะกัน เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าไม่รู้อะไรเลย นางเสือชราของจวนเจิ้นกั๋วกงผู้นั้น มีฝีมือมากเพียงใด นางเป็นพวกฆ่าคนโดยไม่เห็นเลือดเสียด้วยซ้ำ" หวังชียังไม่ลืมแสดงท่าทางหวาดกลัวออกมาอีกด้วย เหมือนกับสิ่งที่นางคิดไว้ไม่มีมีผิด

"เจ้าหมายถึง ฮูหยินผู้เฒ่าจวนเจิ้นกั๋วกงนะหรือ?" เฟิ่งชิงเฉินพลันตั้งใจฟังขึ้นมาในทันที

แต่ก่อนนางเอาแต่สนใจบุรุษที่อยู่ในจวนเจิ้นกั๋วกง สตรีในจวนนางหาได้รู้จักสักคนไม่ หลังจากผ่านเรื่องจวนจิ้งหยางโหวมาแล้ว เฟิ่งชิงเฉินถึงได้เข้าใจว่า สตรีพวกนี้เก่งกาจยิ่งนัก นางไม่ควรประมาทพวกนางไปเป็นอันขาด

"ฮูหยินผู้เฒ่าอะไรกัน ก็แค่สนมที่ยกตัวเองขึ้นมาก็แค่นั้น ทั้งยังทำให้จวนเจิ้นกั๋วกงวุ่นวายไปกันใหญ่ ในเมื่อนำนางฮูหยินรองขึ้นมาเป็นมารดาประจำจวนเช่นนี้ ช่างน่าอับอายขายขี้หน้ายิ่งนัก" หวังชีกล่าวออกมาด้วยความรังเกียจ

วิธีการของจวนเจิ้นกั๋วกงนั้น ในสายตาของตระกูลชนชั้นสูง รู้สึกว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่น่าละอายเป็นอย่างมาก

บุรุษสามารถทำตนให้ดูดีได้ สามารถแต่งสตรีเข้าจวนมากมายได้ แต่ไม่ควรจักทำผิดกฎของตระกูลเพียงเพราะสตรีผู้เดียว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ