นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 217

เมื่อผู้พูดหาได้สนใจผู้ฟังไม่ เมื่อเฟิ่งชิงเฉินกลับมาถึงจวนเฟิ่งแล้วนั้น นางก็ขบคิดถึงหนทางที่จะตามหาบุตรชายของฮูหยินเอกผู้นั้นให้พบ หรืออาจจะเป็นลูกหลานที่เหลืออยู่ของเขาก็ได้

ในยามนั้น เด็กชายผู้นั้นมีอายุเพียงห้าหนาว ในยามนี้เขาคงมีอายุอานามเข้าใกล้เลขสี่แล้วกระมัง อีกทั้งหากเขามีบุตรละก็ อายุของบุตรก็คงจะพอ ๆ กันกับอายุของนาง

ขอเพียงแค่ตามหาเด็กคนนั้นให้พบ นางย่อมเอาชนะได้แน่ ทั้งยังบดขยี้ผู้คนในจวนเจิ้นกั๋วกงให้เป็นผุยผงโดยไม่เสียแรงอันใดอีก

ในยามที่ก่อตั้งราชวงศ์ขึ้นมานั้น เรื่องราวต่าง ๆ อาจไม่สามารถลงโทษตามกฏหมายได้ แต่ราชวงศ์ก่อนหน้านัน ปกครองมานานนับพันปี ต้นตระกูลเดิมหรือทายาทสายตรง ต่างก็หยั่งรากลึกไปในช่วงชีวิตของผู้คน โดยไม่อาจเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้ ขอเพียงแค่ นางตามหาเด็กคนนั้นพบหรือตามหาลูกหลานของเขาได้ ก็จักได้มอบทายาทที่แท้จริงคืนสู่ตำแหน่งเดิมของจวนเจิ้นกั๋วกงได้เสียที

นี่ถือเป็นวิธีที่ดี ในเมื่อเป็นการฆ่าคนโดยไม่เห็นเลือด แต่หลักฐานกลับเป็นเด็กในรุ่นหลังค้นพบเล่า

แม้ว่าเรื่องนี้จะผ่านมานานมากแล้ว แต่ทุกอย่างยังคงติดค้างอยู่ภายในใจผู้คน หากมีคนสามารถค้นพบได้ ย่อมมิใช่เรื่องยากเย็นนัก อีกทั้งฮูหยินผู้เฒ่าเอง ก็คงไม่ปล่อยให้เด็กคนนั้นหลุดรอดจากเงื้อมมือของนางไปได้แน่ แต่มิรู้ว่า บุตรชายของฮูหยินเอกผู้นั้น ยังจะมีชีวิตอยู่หรือไม่

แต่ทว่า หากนางหาไม่เจอก็ไม่เป็นอันใด ในเมื่อเรื่องของภายในจวนเจิ้นกั๋วกงมีข้อสงสัยมากมายนัก ขอเพียงแค่นางหาเจอ ฮูหยินผู้เฒ่าคงต้องทุรนทุรายเป็นแน่

เฟิ่งชิงเฉินอยู่ในห้องพร้อมกับวาดวงกลมไป ๆ มาๆ แล้วจึงเตรียมตัวไปที่อารามจิงเหลยตามที่หวังชีได้เล่าให้นางฟัง ไม่แน่ นางอาจจะพบเจอสิ่งใดก็ได้

แต่เดิม เฟิ่งชิงเฉินหาได้เชื่อในพระเจ้าไม่ ทว่า หลังจากผ่านการตายแล้วกลับมาเกิดใหม่อีกครั้งนั้น ความเชื่อของนางก็ได้แปรเปลี่ยนไป เมื่อมาถึงอารามจิงเหลยนั้น สีหน้าของเฟิ่งชิงเฉินพลางเต็มเปี่ยมไปด้วยความศรัทธา ก็พลันคุกเข่าลงและนั่งขอพรต่อหน้าพระพุทธเจ้า เพื่อขอให้ชีวิตของนางในครานี้ มีแต่ความสงบสุขและมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง

อารามจิงเหลย เป็นเพียงอารามเล็กเท่านั้น ควันธูปและเครื่องหอมจึงมิได้มีกลิ่นแรง ทั้งยังให้ความรู้สึกขลังเป็นอย่างมาก หลังจากที่เฟิ่งชิงเฉินบริจาคเงินช่วยค่าธูปเครื่องหอมและตะเกียงแล้วนั้น ก็มีโอกาสได้เข้ามานั่งพักทางฝั่งกุฏิของอาราม

หลังจากที่เดินผ่านห้องโถงมาแล้ว ด้วยคำแนะนำของสามเณรน้อยว่า มีกระท่อมอยู่ทางด้านหลังเขา กระท่อมไม้มีความเรียบง่ายยิ่งนัก แต่ทว่า มันถูกปัดกวาดทำความสะอาดเป็นอย่างดี เพียงแค่เฟิ่งชิงเฉินกวาดตามองก็มิได้พบความแตกต่างอันใด

"โยม" สามเณรพลันประสานมือขึ้นมา ด้วยสีหน้าที่มีความสุข

ถึงแม้เขาจะเป็นภิกษุแล้วอย่างไร แต่ก็ต้องกินข้าวเฉกเช่นสาธุชนคนทั่วไปเช่นกัน เมื่อเห็นเฟิ่งชิงเฉินบริจาคเงินก้อนโตเช่นนี้ จักไม่มีความสุขหรือ หากปีนึงมีคนมาบริจาคเช่นนี้สักหลาย ๆ คน พวกเขาย่อมต้องกินดีอยู่ดีแล้ว

เมื่อมีเงินก็สามารถปลุกผีให้มาโม่แป้งได้ อย่างไรเงินก็ยังเป็นของที่ดีอยู่ดี เมื่อเห็นท่าทางสามเณรน้อยเป็นเช่นนั้น เฟิ่งชิงเฉินก็พลันกล่าวถามด้วยท่าทางสงสัยว่า "ท่านอาจารย์น้อย ภายในอารามสามารถให้ผู้แสวงบุญพักอยู่ได้หรือไม่เจ้าคะ"

สามเณรน้อยพลันชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่อได้สติก็พลันส่ายหัวตอบว่า "โยม ในอารามจิงเหลยไม่สามารถให้ผู้แสวงบุญพักอยู่ได้ แต่อนุญาติให้พักผ่อนได้เท่านั้น"

"เพราะอะไรงั้นหรือ? ข้าที่บริจาคเงินและเครื่องหอมให้กับทางอารามก็มิได้หรือ?" เฟิ่งชิงเฉินยังเอ่ยถามด้วยความเป็นกังวล

สามเณรน้อยพลันส่ายหัวไปมา พร้อมกับเกาหัวเล็กน้อย "มิได้ แต่ทว่า เพราะเหตุอันใด อาตมาก็ไม่รู้เช่นกัน เป็นกฏที่ท่านอาจารย์ของข้าตั้งขึ้นมาเท่านั้น เสมือนว่า หลายปีก่อนจักมีเรื่องเกิดขึ้นภายในอารามกระมัง จึงมิอาจให้ผู้แสวงบุญพักที่อารามได้อีก อ้อ ใช่แล้ว ด้านหลังที่เป็นป่าไผ่ โยมห้ามไปที่นั้นโดยเด็ดขาด ป่าไผ่แห่งนั้น ท่านอาจารย์เคยกล่าวไว้ว่า มันเป็นที่ปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย ผู้ใดย่างกรายเข้าไป จักมิได้กลับออกมาอีก"

สามเณรน้อยกล่าวด้วยท่าทางเคร่งขรึม เสมือนต้องการจะพิสูจน์ว่า เขามิได้พูดเกินจริงไปเลยแม้แต่น้อย

"ขอบคุณท่านอาจารย์น้อย ข้าเจ้าใจแล้วเจ้าค่ะ ข้าจักพักอีกชั่วครู่ ก็จะลงจากเขาเอง จักไม่ทำให้ทางอารามต้องลำบากเลยเจ้าค่ะ" เฟิ่งชิงเฉินพลันแย้มยิ้มด้วยความอ่อนหวาน ในแววตาพลันปรากฏความแวววับออกมา

นางก็มิคิดเช่นกัน ว่าการมาในครั้งนี้ นางจะต้องมาพบเจอคน ทว่า เมื่อได้ฟังคำพูดของสามเณรน้อยนั้น เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกมีความสุขยิ่งนัก อารามจิงเหลยแห่งนี้ดูท่าจะมีความผิดปกติจริง ๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ