นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 218

"เจ้าคิดมากไปแล้ว นางหาได้มีความสามารถถึงเพียงนั้นไม่ เกรงว่าคงจะไปได้ยินอะไรมามากกว่า จึงต้องการมาที่นี่เพื่อตรวจสอบดู ช่วงนี้จวนเจิ้นกั๋วกงวุ่นวายยิ่งนัก กินมิได้นอนไม่หลับ ถึงต้องมาเจรจากับเฟิ่งชิงเฉินเช่นนี้

อีกทั้ง จวนเจิ้นกั๋วกงคงเจรจาล้มเหลวไม่เป็นท่า เฟิ่งชิงเฉินคงเผชิญหน้ากับอารมณ์พวกนั้นกระมัง แม้ภายนอกนางจะยอมความ แต่ในใจกลับรู้สึกโมโหยิ่งนัก นางคงได้ยินอะไรบางอย่าง ถึงได้ลองเสี่ยงโชคมาที่นี่ดู

นับว่าเฉลียวฉลาดยิ่งนัก ถึงรู้ว่าตีงูต้องตีให้ตาย แต่น่าเสียดายสายตานางย่ำแย่เป็นอย่างยิ่ง ถึงได้กล้าเลี้ยงบุคคลอันตรายไว้ข้างกายเช่นนั้น ไม่ช้าก็เร็ว นางจักต้องได้รับความลำบากเป็นแน่" คำพูดของหลานจิ่วชิงหาได้มีท่าทีเยาะเย้ยไม่ กลับดูชื่นชมนางยิ่งนัก

คำพูดของหลานจิ่วชิงหาได้มีใจความสำคัญอันใดไม่ หากแต่ปู้จิงหยุนที่ได้ยินนั้นกลับเข้าใจได้เป็นอย่างดี "เจ้าไม่อยากให้ข้าฆ่านาง?"

"ฆ่า?ฆ่าอะไรกัน หากนางมีความสามารถในการค้นหาตัวตนของเจ้าออกมาได้ นางย่อมคู่ควรกับตราประทับจิ่วโจวที่ข้าให้ไป จิงหยุนเจ้าอย่าได้ลืมไป ว่าในมือของนางมีตราประทับจิ่วดจว นางกับข้าล้วนแต่มีกลุ่มเดียวกัน" หลานจิ่วชิงรู้สึกโชคดียิ่งนัก ที่ตนเองได้มองตราประทับจิ่วโจวให้กับนาง มิเช่นนั้นละก็ โดยนิสัยของปู้จิงหยุนแล้วละก็ อย่างไรคงไม่ปล่อยให้เฟิ่งชิงเฉินมีอยู่ชีวิตอยู่เป็นแน่

หากสิ่งใดไม่มีความแน่นอนละก็ ปู้จิงหยุนจะไม่ยอมให้ตัวตนของเขาต้องถูกเปิดเผยออกไปเป็นอันขาด

ในเวลานั้น แม้ว่าจะเขา ก็คงไม่อาจห้ามมิให้ปู้จิงหยุนลงมือได้ ตัวตนที่แท้จริงของปู้จิงหยุนถือว่าเป็นบาดแผลที่ใหญ่ที่สุดในใจของเขา เป็นสิ่งเดียวที่เขาไม่อาจวางความแค้นนี้ลงไปได้เลยแม้แต่น้อย

บุรุษเป็นเพศไร้มนุษยธรรมยิ่งนัก ปู้จิงหยุนจึงมองไปที่หลานจิ่วชิงด้วยท่าทีดูถูก บุรุษผู้นี้ แม้ปากมิได้เอ่ยออกมา ที่แท้เขาได้เตรียมการไว้หมดแล้ว เพื่อมิให้เขาลงมือทำร้ายเฟิ่งชิงเฉินได้ง่าย

ปู้จิงหยุนรู้สึกหงุดหงิดและหดหู่ใจเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นใบหน้าอันขาวซีดของเฟิ่งชิงเฉิน ก็พลันกล่าวออกมาด้วยความเย็นชาว่า "ในเมื่อไม่ต้องการให้นางตาย เช่นนั้นก็ควรจะช่วยนางใช่หรือไม่ หากนางยังอยู่ในนี้ต่อไป หากมิได้ตายก็คงเป็นบ้า เมื่อถึงเวลานั้น จะมีคนเป็นเดือดเป็นร้อนเอาได้นะ"

แม้ว่าเขาจะรู้สึกไม่สบายใจยิ่งนัก ค่ายกลอันนั้น อย่าได้เอ่ยถึงสตรีที่อ่อนแอเช่นเฟิ่งชิงเฉินเลย แม้แต่เขาก็ยังอดทนต่อมันได้

"ไม่ต้อง ต้องสั่งสอนนางเสียบ้าง หากนางยังไม่อาจทนเรื่องเช่นนี้ นางย่อมไม่มีคุณสมบัติที่จะได้รับตราประทับจิ่วโจวของข้าอีกต่อไป" หลานจิ่วชิงเอ่ยปฏิเสธเสียงแข็ง พร้อมกับจ้องมองเฟิ่งชิงเฉินอย่างไม่ลดละ

เขาอยากจะรู้นัก ว่าสิ่งที่เฟิ่งชิงเฉินหวาดกลัวมากที่สุดคือสิ่งใด สตรีนางนี้ นอกจากเสด็จอาเก้าที่เป็นจุดอ่อนของนางแล้วนั้น ไม่ว่าจะต้องผ่านเรื่องราวมาแล้วกี่ครั้ง เสด็จอาเก้าในยามนี้ เริ่มมีผลกระทบต่อเฟิ่งชิงเฉินน้อยลงไปทุกที

ผู้ที่ไม่เคยมีจุดอ่อน ไม่ว่าจะเป็นศัตรูหรือมิตร ล้วนแต่เป็นบุคคลที่น่ากลัวยิ่งนัก

หนาว หนาวยิ่งนัก

ริมฝีปากของเฟิ่งชิงเฉินพลันสั่นไม่หยุด ทั่วร่างเอาแต่กระตุกด้วยความหนาวสั่น ปืนที่อยู่ในมือของนางพลันหล่นไปอยู่บนพื้นในทันที ขาทั้งสองข้างพลันแข็งทื่อ ไม่ว่าจะทำเช่นไรก็ไม่อาจก้าวขาไปได้เลย แม้ว่าจะมีแสงแดดส่องลงมา แต่เหตุใดบรรยากาศถึงได้หนาวเช่นนี้

เฟิ่งชิงเฉินยืนอยู่ในป่าไผ่ด้วยท่าทีโงนเงนมิอาจขยับไปไหนได้ พร้อมกับคุกเข่าลงบนพื้น

ชีวิตของนางจบแล้ว

ไม่น่าเชื่อ ว่านางหาได้ตายอยู่ในมือขององค์ชายสามของหนานหลิงไม่ มิได้ตายในน้ำมือขององค์จักรพรรดิ มิได้ตายในเงื้อมมือของฮองเฮา มิได้ตายเพราะเจ้าพวกหมาบ้าจวนเจิ้นกั๋วกง ชีวิตนี้ใช้มิคุ้มค่าเอาเสียเลย

ริมฝีปากของเฟิ่งชิงเฉินพลันเริ่มขยับเล็กน้อย นางอยากจะตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ

อ๊าก

จู่ ๆ เฟิ่งชิงเฉินก็พลันส่งเสียงกรีดร้องออกมา สองมือจับไปที่หัวของตน ทั่วร่างพลันกระตุกขึ้นไปในทุกที

ไม่เอา อย่าเข้ามา อย่าเข้ามานะ

ชายผิวสีหลายคนกำลังเข้ามาล้อมรอบตัวนาง ยามที่นางติดอยู่ในตรอกเล็ก ๆ พร้อมทั้งแสยะยิ้มให้นาง ด้วยท่าทางตัณหากลับ

"ไม่เอา ไม่เอานะ ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย ช่วยฉันด้วย"

เฟิ่งชิงเฉินทั้งร่ำให้และร้องตะโกนออกมาไม่มีหยุด สมองพลันตกอยู่ในความสับสนยิ่งนัก แม้ว่านางจะตื่นอยู่ แต่เสมือนว่าหัวสมองของนางจะหยุดวนคิดถึงแต่เรื่องเดิม ๆ

เกิดเรื่องอันใดขึ้น นี่เป็นเหตุการณ์ที่นางพบเจอตอนนางอายุยี่สิบสามมิใช่หรือ เรื่องพวกนี้ นางล้วนแต่หลงลืมไปหมดแล้ว เหตุใดนางถึงย้อนกลับมาวันนี้ได้กัน

ปีนั้น นับว่าเป็นปีที่มืดมนสำหรับเฟิ่งชิงเฉินยิ่งนัก นางในอายุยี่สิบสาม เป็นตัวแทนไปแลกเปลี่ยนของการประชุมระดับประเทศ นางได้พบกับชาวยุโรปที่เป็นถึงท่านเคาต์ผู้หนึ่ง ท่านเคาต์ผู้นั้นตกหลุมรับนาง อีกทั้งยังจู่โจมนางด้วยท่าทีน่ารังเกียจยิ่งนัก

นางมิได้สนใจหาชาวต่างชาติมาเป็นคู่ชีวิตเลยแม้แต่น้อย จึงได้เอ่ยปฏิเสธเขาไป คำแต่ปฏิเสธของนาง มิอาจหยุดยั้งการจู่โจมของเขาได้เลยแม้แต่น้อย

นางมิคิดเลยว่า ท่านเคาต์ผู้นั้นยังคงเดินหน้าตามจีบนางด้วยบ้าคลั่ง จนกระทั่งทำให้คู่หมั้นของเขาเกิดอาการหึงหวงขึ้นมา คู่หมั้นของเขาจึงได้ไปจ้างวานคนผิวสีที่เป็นโรคเอดส์ให้มาข่มขืนนาง ทั้งยังสั่งให้ข่มขื่นนางจนขาดใจตายอีกด้วย

วันนั้น เป็นวันที่มืดดำที่สุดในชีวิตของนาง และยังเป็นวันที่ความสดใสในตัวของนางได้หายไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ นับแต่นั้นเป็นต้นมา นางก็ไม่เคยเชื่อในความยุติธรรมในโลกใบนี้อีก อีกทั้งยังไม่เชื่อใจในกระบวนการยุติธรรมทางกฏหมายอีกด้วย

ยามที่คนผิวสีพวกนั้นพากันกรูเข้ามาหานาง เฟิ่งชิงเฉินก็รับรู้ได้ในทันทีว่านางไม่สามารถชนะพวกเขาได้แน่ นางไม่ต้องการรับความอัปยศเช่นนี้ เมื่อนางคิดที่จะฆ่าตัวตายนั้น คนเป็นหมอย่อมรู้ดีว่าสมควรที่จะลงมือในจุดใดภายในร่างกาย อีกทั้งยังเป็นวิธีเดียวที่จะนางทำให้ตายไวขึ้น

ทันใดนั้น ก็พลันปรากฏตัวชายชุดดำขึ้นมา พร้อมทั้งจัดการคนผิวสีพวกนั้นจนล้มลงไปที่พื้น แล้วจึงหันกลับมาพูดกับนางว่า "หากต้องการจักแก้แค้น ต้องลงมือแก้แค้นด้วยตนเอง ฆ่าพวกเขาซะ"

ถึงแม้ว่านางจักตกใจเสียแทบสิ้นสติ ทว่า สองมือกลับจับด้ามมีดเอาไว้แน่น พร้อมทั้งหลับตาและลงมือปาดคอไปที่ชายผิวสีพวกนั้นในทันที นางฆ่าคนพวกนั้น ที่ตั้งใจจะข่มขืนนางให้ตายทั้งเป็น

นั่นเป็นครั้งแรกที่นางฆ่าคน นางมิได้รู้สึกหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย เพราะนางรู้ดีว่า หากตนเองไม่ทำ คนที่จักตายคือตัวนางเอง

หลังจากนั้น นางก็พบหลักฐานที่ ว่าที่คู่หมั้นของท่านเคาต์ได้สั่งการชายผิวสีให้มาข่มขืนนาง กลับกัน นางกลับถูกกล่าวหา ว่านางใส่ร้ายหน่วยงานตุลาการในท้องที่ และขอร้องให้เธอถอนฟ้อง มิฉะนั้น นางจักถูกจับกุมและถูกจำคุกในข้อหาใส่ร้ายป้ายสีอีกด้วย

นางเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมมาโดยตลอด แต่ศาลที่นางเคารพกลับตบหน้านางเช่นนี้ นางจึงต้องกลับมาที่ประเทศจีนด้วยความอับอาย จากนั้นเป็นต้นมา นางก็เริ่มห่างหายจากความยุติธรรมในโลกของกฎหมายมากยิ่งขึ้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ